นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(8 เม.ย.) จากกรณีที่มีชายปริศนา ขึ้นเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 7105 ที่กำลังเดินทางจากหาดใหญ่ปลายทางกรุงเทพฯ โดยไม่มีบัตรโดยสารและบัตรที่นั่งเครื่องบิน เมื่อมีการเช็กชื่อผู้โดยสารบนเครื่อง ปรากฏว่า ผู้โดยสารคนดังกล่าว เป็นคนที่ขึ้นเครื่องเกินมาจริง

ด้านนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวชี้แจง เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ภายหลังได้รับรายงานจาก น.อ.นรนิติ์ ผลกานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ประจำบนเครื่องบินตรวจพบบุคคลภายนอกเข้าไปบนเครื่องของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ DD7105 (เส้นทางบินหาดใหญ่ - กรุงเทพฯ) โดยไม่มีบัตรโดยสาร และบัตรที่นั่งเครื่องบิน ดังปรากฏเป็นข่าวนั้นพบว่าเบื้องต้นชื่อ นายอาซีส

ล่าสุด จากการตรวจสอบ ชายคนดังกล่าวชื่อ นายสุทธิเดช มะหะพันธ์ หรือ อาซีส ทั้งนี้ นายหมัด มะหะพันธ์ พ่อของนายสุทธิเดชได้เปิดเผยว่า บุตรชาย ติดตามการชุมนุมของ กปปส.กับตนเองมาตลอด และก่อนหน้านี้เคยคิดจะขึ้นเครื่องบินไปร่วมชุมนุมมาแล้ว แต่ครั้งแรกได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ช่วยสกัดตัวไว้ได้ทัน พร้อมยืนยันว่าลูกชายมีอาการป่วยทางจิตและรักษาตัวมานานหลายปี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายตามที่เป็นข่าว

ทางด้าน พันตำรวจเอกธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้กำกับการ สภ.คลองหอยโข่ง ได้นำตัว นายสุทธิเดช มะหะพันธุ์ ชาวหาดใหญ่ มาตรวจสภาพจิตใจที่แผนกจิตเวชราชนครินทร์ โรงพยาบาลหาดใหญ่ หลังพ่อกับแม่ของนายสุทธิเดชยืนยันว่าลูกชายป่วยทางจิต และรักษาตัวมา 16 ปีแล้ว โดยผู้ต้องสงสัยยังอยู่ในอาการซึม ไม่ยอมให้การหรือพูดคุยกับใคร ส่วนความคืบหน้าทางคดี เบื้องต้น ทอท.ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.คลองหอยโข่ง เพื่อดำเนินคดีข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้าม อย่างไรก็ตาม ผลตรวจร่างกายเบื้องต้นเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายแต่มีปัญหาสุขภาพจิตมากกว่า

ด้านน.อ.นิติ์ ผลการ์นนท์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานหาดใหญ่ บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้พบว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องหลายส่วน จึงได้สั่งให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และให้รายงานผลให้ทราบภายใน 1 สัปดาห์ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายสุทธิเดช ได้แฝงตัวเดินขึ้นไปบนเครื่องในช่องทางปกติด้วยการทำตัวกลมกลืนกับผู้โดยสารที่มีตั๋ว ทั้งนี้ทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้เรียกทุกสายการบินมาประชุม เพื่อขอความร่วมมือ ในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ยังสั่งเจ้าหน้าที่ห้อง CCTV เฝ้าระวังและสังเกตการณ์ทุกจุด ทุกพื้นที่ และให้รายงานเหตุการณ์โดยรอบให้ศูนย์รักษาความปลอดภัยทุก 30 นาที และขณะนี้ได้สั่งพักงานพนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป