แรด จากบรรพกาลสู่ศตวรรษที่ 21

แรด สัตว์บกหนังหนา หน้ามีนอ ที่เราท่านรู้จักกันดีและชื่อของมันโด่งดังระดับเซเลบ โดยได้รับเกียรติถูกมนุษย์นำมาใช้กล่าวขานผ่านสื่อต่างๆ นับไม่ถ้วน (แม้เจ้าตัวจะไม่ได้รับรู้และผู้ถูกเรียกขานด้วยสมญานี้จะไม่ค่อยยอมรับก็ ตาม) แต่ก่อนที่แรดจะมาถึงวันนี้ วันที่มีนอและหนังด้านหนา พวกมันเคยเป็นอะไรมาก่อน?


แรดดำ

แรดมีวิวัฒนาการที่ ยาวนาน โดยแรดตัวแรกของโลกโผล่ขึ้นมาในยุคอีโอซีนตอนต้นเมื่อประมาณห้าสิบล้านปีที่ แล้ว และถูกเรียกว่า ไฮราคูอัส (Hyrachyus) ซึ่งหากดูแล้ว มันไม่มีอะไรเหมือน แรด ที่เรารู้จักเลยซักนิดเดียว ฟอสซิลของไฮราคูอัสถูกขุดพบในอเมริกาเหนือ มันมีขนาดพอๆ กับหมาไทย ขายาว รูปร่างเพรียว และไม่มีนอ จะว่าไปหน้าตาเจ้าแรดรุ่นแรกนี้เหมือนกับอีโอฮิปปัส ต้นตระกูลของม้า ยังกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน


ไฮราคูอัส

แรดตัวน้อยๆ นี้เคยดำรงชีวิตอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยมันต้องเผชิญกับพวกสัตว์นักล่าพันธุ์โหด อย่างชาคาสโทรดอน ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมาผสมหมีขนาดยักษ์ ที่หนักเกือบหนึ่งตันและยาวจากหัวจรดหางมากกว่าสี่เมตร โชคดีอย่างหนึ่ง ที่พวกยักษ์อำมหิตเหล่านี้ เชื่องช้าจึงทำให้พวกแรดน้อยๆ มีโอกาสหนีรอดจากคมเขี้ยวของพวกนักล่าเหล่านี้ได้


ชาคาสโทรดอนเทียบกับมนุษย์

ในยุคอีโอซีน ซึ่งเป็นช่วงรุ่งอรุณของเหล่าแรดนี้ มีแรดถึงสามตระกูลที่ได้วิวัฒนาการขึ้น โดยล้วนมีจุดเริ่มต้นจากไฮราคูอัสนี้ ซึ่งแรดทั้งสามตระกูลได้แก่ แรดนักวิ่ง (Hyracodontidae) แรดน้ำ (Amynodontidae) และแรดมีนอ (Rhinocerotidae) โดยสำหรับยุคอีโอซีนนี้ แม้แรดจะเริ่มแยกสายวิวัฒนาการออกเป็นสามตระกูลแล้ว ทว่าส่วนใหญ่พวกมันก็ยังคงมีลักษณะแบบเดียวกับแรดรุ่นแรกนั่นคือ ขนาดเล็ก รูปร่างเพรียวและขายาว 


อินดริโคเธเรียมเทียบขนาดกับช้างอาฟริกาและมนุษย์

แรดนักวิ่ง Hyracodontidae เริ่มมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ต้นยุคอีโอซีน มันรักษาคุณลักษณะของแรดรุ่นออริจินอลไว้แทบจะครบ ทั้งขายาว ตัวเพรียว ไม่มีนอ จะมีเปลี่ยนไปก็ตรงขนาดและคอที่ยาวขึ้น โดยพวกมันเริ่มวิวัฒนาการจากไฮราคูอัสที่ตัวเท่าสุนัขจนมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า เดิม อย่างเช่น ไฮราโคดอนท์ที่ปรากฏขึ้นในช่วงต้นของยุคโอลิโกซีนซึ่งมีลักษณะคล้ายม้า ตัวยาวห้าฟุตและอาจหนักราวห้าร้อยปอนด์


ไฮราโคดอนท์

นอกจากพวกที่คล้ายม้า อย่างไฮราโคดอนท์แล้ว ยังมีแรดนักวิ่งบางชนิดที่ได้วิวัฒนาการจนมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีกและกลาย เป็นสัตว์บกเลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเดินอยู่บนโลกใบนี้


บาลูชิเธเรียมเทียบขนาดกับมนุษย์

ตัวอย่างของแรดนัก วิ่งขนาดมโหฬารเหล่านี้ ก็อย่างเช่น อินดริโคเธอเรียม ที่สูงกว่าหกเมตรและหนักยี่สิบตัน หรืออย่างบาลูชิเธเรียมที่สุงหกเมตรและหนักถึงสามสิบตัน พวกแรดนักวิ่ง ปรากฏขึ้นตั้งแต่กลางยุคอีโอซีน ผ่านยุคโอลิโกซีนซึ่งเป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของพวกมัน จนถึงช่วงต้นยุคมีโอซีนเมื่อราวยี่สิบล้านปีมาแล้ว ก่อนจะสูญพันธุ์ไปจนหมดหลังจากนั้นไม่นาน


ฝูงอินดริโคเธเรียม

แรดตระกูลต่อมา คือแรดน้ำ Amynodontidae แรดพวกนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการกระจายชนิดพันธุ์ของพวกมัน โดยเริ่มมีวิวัฒนาการขึ้นมากลางยุคอีโอซีนและแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปยุโรป เอเชียและอเมริกา ในยุคโอลิโกซีนตอนต้นเมื่อ 35 ล้านปีก่อน


เมตาโนดอนหน้าตาคล้ายฮิปโปโปเตมัสแคระ

แรดน้ำมีรูปร่างคล้าย ฮิปโปโปเตมัส พวกมันไม่มีนอ แต่มีเขี้ยวขนาดใหญ่แบบเดียวกับฮิปโป นักบรรพชีวินวิทยาคิดว่าพวกแรดตระกูลนี้อาจอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำเหมือนฮิปโป ในปัจจุบัน จึงเรียกพวกมันว่า แรดน้ำ อย่างไรก็ตาม แม้แรดน้ำจะดูเหมือนประสบความสำเร็จในการแพร่กระจายชนิดพันธุ์ ทว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่เย็นและแห้งแล้งขึ้นในยุคโอลิโกซีน ตอนกลางเมื่อ 25 ล้านปีก่อน ก็นำความหายนะมาสู่พวกมัน โดยพวกแรดน้ำเริ่มลดจำนวนลงและสูญพันธุ์ไปเรื่อยๆจนกระทั่งในช่วงกลางยุคมี โอซีน เมตามีโนดอน ซึ่งเป็นแรดน้ำชนิดสุดท้ายก็สูญพันธุ์ไป

แรดมีนอ Rhinocerotidae เป็นแรดเพียงตระกูลเดียวที่อยู่รอดมาได้จนถึงยุคของพวกเรา ลักษณะเด่นคือนอหรือเขาที่อยู่บนใบหน้า พวกมันปรากฏขึ้นในช่วงปลายยุคอีโอซีนและพบในแถบยูเรเซียซึ่งเป็นดินแดน เชื่อมต่อของทวีปยุโรปและเอเชีย


เมโนเซรัส แรดชนิดแรกที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้า

แรดมีนอรุ่นแรก มีขนาดเล็กและรูปร่างคล้ายพวกแรดนักวิ่ง ก่อนจะมีขนาดเท่ากับหมูตัวใหญ่ในยุคต่อมา อย่างเช่น เมโนเซรัส ที่เคยอาศัยอยู่ในยุโรปช่วงต้นยุคมีโอซีน มันเป็นแรดที่มีรูปร่างคล้ายหมูป่า มีขายาวแบบพวกแรดรุ่นแรกและตัวผู้จะมีนอสองอันตั้งคู่กันเหนือจมูก ส่วนตัวเมียไม่มี

หลังจากยุคของเมโนเซ รัส พวกแรดมีนอได้วิวัฒนาการชนิดพันธุ์ที่ใหญ่ขึ้นและมีขาที่สั้นลงส่วนลำตัวก็ อ้วนกลมคล้ายถัง อย่างเช่นเจ้าเทเลโอเซรัสในช่วงปลายยุคมีโอซีน ที่ดูคล้ายแรดในปัจจุบันยกเว้นแต่ขาที่สั้นกว่ามาก และยังมีนอในลักษณะเดียวกับแรดที่เราเห็นๆ กัน ซึ่งนอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพแล้ว พวกแรดมีนอยังได้แพร่กระจายเข้าไปในทวีปอเมริกาเหนือ ในช่วงเวลาดังกล่าวมีพวกแรดมีนออยู่ถึงยี่สิบหกชนิด ทว่าการสูญพันธุ์ในยุคโอลิโกซีนได้ทำให้พวกแรดมีนอรุ่นแรกๆหลายชนิดสูญ พันธุ์ไป ส่วนพวกที่เหลือก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนไป


เทเลโอซอรัส

พวกแรดมีนอรุ่นแรกที่ อยู่ในยุโรปได้สูญพันธุ์ไปในยุคโอลิโกซีน ขณะที่พวกที่อยู่ในเอเชียสามารถเอาตัวรอดและมีวิวัฒนาการต่อมาได้จนถึงยุคมี โอซีนเมื่อราวยี่สิบล้านปีก่อน พร้อมกับที่พวกมันเริ่มอพยพเข้าไปในทวีปยุโรปและแอฟริกา ซึ่งแรดทั้งห้าชนิดที่มีอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นตั้งแต่ยุคนี้เอง


แรดขนยาวถูกมนุษย์นีแอนเดอร์ทาลรุมแแทงด้วยหอก

จนเมื่อราวห้าแสนปี ที่แล้วในยุคพลีสโตซีน ก็พบแรดมีนอหลายชนิดอาศัยอยู่ทั้งในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา โดยในยุโรปนั้น ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยุคน้ำแข็ง พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปถูกปกคลุมด้วยทุ่งน้ำแข็งและหิมะ แรดมีนอที่อาศัยอยู่ในดินแดนเหล่านี้ก็ได้แก่แรดขนยาว และอีลาสโมเธเรียมหรือ แรดยูนิคอร์น ซึ่งสูงเกือบสามเมตรและมีเขายาวถึงสองเมตร นอกจากนี้ยังมีแรดโบราณที่คล้ายกับกระซู่อาศัยอยู่ในเขตที่อบอุ่นกว่าอีก ด้วย


อีลาสโมเธเรียมอยู่ร่วมยุคกับแมมมอธ


แรดโบราณของยุโรป

การสิ้นสุดของยุคน้ำ แข็งเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนได้ทำให้แรดหลายชนิดสูญพันธุ์ไป จนเหลือแรดอยู่เพียงห้าชนิดเท่านั้นที่ยังคงอยู่รอดมาได้ถึงยุคปัจจุบัน ได้แก่ แรดขาวและแรดดำแห่งทวีปอาฟริกา แรดอินเดีย แรดชวาและกระซู่หรือแรดสุมาตราแห่งทวีปเอเชีย


แรดสุมาตรา


แรดอินเดีย

ทว่าแม้จะอยู่รอดมา ถึงปัจจุบัน แต่อนาคตของแรดแห่งศตวรรษที่ 21 ก็ยังนับว่ามืดมน โดยเฉพาะแรดชวาและแรดสุมาตราที่เหลืออยู่น้อยมากจนแทบใกล้สูญพันธุ์ โดยทุกวันนี้ ในโลกมีแรดชวาเหลืออยู่ไม่ถึงร้อยตัวและมีแรดสุมาตราเหลืออยู่ไม่เกินสาม ร้อยตัว ส่วนแรดที่เหลืออีกสามชนิดแม้จะมีจำนวนในหลักพันและหลักหมื่น แต่ความเชื่อที่ว่านอแรดเป็นยาชั้นเลิศก็ทำให้พวกแรดยังถูกคุกคามอย่าง รุนแรงจากนายพราน อีกทั้งการลดลงของพื้นที่ป่าธรรมชาติจากการบุกรุกของมนุษย์ก็ทำให้ พวกมันสูญเสียถิ่นอาศัยไปเป็นอันมากด้วย


 แรดชวา


แรดขาว

16 ม.ค. 57 เวลา 21:26 2,012 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...