ยุวครูเสด เหตุสลดจากศรัทธา

สงครามครูเสดระหว่าง ชาวคริสต์และมุสลิมในยุคกลาง ไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตนักรบผู้ห้าวหาญไปเป็นจำนวนมหาศาลเท่านั้น หากยังทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่บังเอิญหลงเข้ามาอยู่ในวิถีแห่งสงครามไปอีก มิใช่น้อย ซึ่งเรื่องราวต่อไปนี้ คืออีกหนี่งโศกนาฏกรรมจากสงครามที่ยังคงเล่าขานมาถึงปัจจุบัน  

 

มีนิทานปรัมปราของ ยุโรปที่เล่าถึงชายนักเป่าปี่ที่อาสากำจัดหนูให้ชาวเมืองแห่งหนึ่งโดยใช้ เสียงปี่ของเขาเรียกให้พวกหนูกระโดดลงไปตายในแม่น้ำจนหมด ทว่าเมื่อนักเป่าปี่ขอรับค่าจ้างตามที่ตกลง ชาวเมืองกลับไม่ยอมจ่ายและขับไล่เขาออกไป ทำให้นักเป่าปี่โกรธมาก และในคืนหนึ่ง เขาก็ใช้เสียงปี่เรียกพวกเด็กๆทั้งหมดในเมืองออกมา จากนั้นก็นำเด็ก ๆ เหล่านั้นหายเข้าไปในหุบเขาโดยไม่มีใครได้พบพวกเด็ก ๆ อีกเลยและทิ้งให้ชาวเมืองซึ่งเป็นพ่อแม่ของเด็ก ๆ เหล่านั้นต้องระทมทุกข์จนหัวใจแทบแหลกสลาย 

เชื่อกันว่า นิทานเรื่องดังกล่าวอาจมีที่มาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ในยุคกลาง โดยในปี ค.ศ.1212 หลังจากสงครามครูเสดครั้งที่สี่ ผ่านไปไม่นาน เด็กเลี้ยงแกะชาวฝรั่งเศส นามว่า สตีเฟนแห่งคลอยส์ ได้อ้างว่าตนเห็นนิมิตจากพระเยซูที่ทรงเรียกร้องให้เขาระดมกองทัพเด็กเพื่อ ช่วงชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็มกลับคืนมาจากชาวมุสลิม โดยกล่าวว่า หัวใจอันบริสุทธิ์ของเหล่าเด็ก ๆ จะเป็นพลังที่เหนือกว่าอาวุธใด ๆ และจะทำให้นครเยรูซาเล็มกลับคืนมาเป็นของชาวคริสต์โดยปราศจากการนองเลือด เหมือนดังเช่นสงครามครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา

สตีเฟนออกเทศนาผู้คน และทำให้ประชาชนชาวคริสต์จำนวนมากเกิดความเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาบอก สตีเฟนสามารถรวบรวมเด็ก ๆ ได้หลายพันคน จากหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วฝรั่งเศส มาเข้าร่วมกองทัพยุวครูเสด ขณะเดียวกัน เรื่องภาพนิมิตของสตีเฟนก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กชายชาวเยอรมันวัย 12 ปี นามว่า นิโคลาสแห่งเมืองโคโลญ 

 นิโคลาสได้รับการ สนับสนุนจากบิดาให้ออกเรียกระดมอาสาสมัครเด็ก ๆ ไปสมทบกับกองทัพยุวครูเสดของสตีเฟน ซึ่งในครั้งนั้น มีพ่อแม่ชาวฝรั่งเศสและเยอรมันจำนวนมากที่ส่งลูก ๆ ของพวกเขาเข้าร่วมกับสตีเฟนและนิโคลาส โดยเชื่อว่า ลูก ๆ ของพวกตนกำลังทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

ด้วยแรงศรัทธา ทำให้เด็กๆจำนวนเกือบหนึ่งหมื่นคนเข้าร่วมทัพยุวครูเสดนี้ โดยเด็กจากหมู่บ้านจำนวนมากทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมันต่างพากันไปเข้าร่วมจน หมด เด็กหล่านี้เดินเรียงแถวด้วยความฮึกเฮิม ร้องเพลงสวดและเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะดลบันดาลชัยชนะให้พวกเขา ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา กลับโหดร้ายยิ่งนัก

นิโคลาสและเด็ก ๆ ชาวเยอรมันหลายพันคนล้มตายลงด้วยความหิวโหยและความหนาวเหน็บระหว่างข้าม เทือกเขา แอลป์ ในขณะที่ชะตากรรมของเด็ก ๆ ชาวฝรั่งเศสก็ไม่ได้ดีไปกว่านั้น โดยสตีเฟนได้นำทัพยุวครูเสดไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเขาเชื่อว่า เมื่อไปถึง พระเจ้าจะบันดาลให้น้ำทะเลแยกจากกันและกลายเป็นถนนให้ข้ามไปได้ แต่เมื่อพบว่า เหตุการณ์กลับไปเป็นดังนั้น พวกเด็ก ๆ ก็พากันฉงนสงสัย แต่ไม่นานนัก พวกเด็ก ๆ ก็รู้สึกยินดี เมื่อมีพ่อค้าสองคนชื่อ ฮิว และ วิลเลียม ได้อาสาจะพาเด็ก ๆ ไปส่งยังดินแดนปาเลสไตน์

กอง เรือที่พวกเด็ก ๆ เดินทางไปนั้นพบกับพายุใหญ่ จนเรือบางลำอัปปางลง สตีเฟนพร้อมกับเด็กกว่าพันคนจมน้ำเสียชีวิต ส่วนพวกเหลือกลับถูกสองพ่อค้าใจโหดพาไปขึ้นฝั่งที่อเล็กซานเดรียในอียิปต์ แทนที่จะเป็นปาเลสไตน์ตามที่สัญญาและพวกเด็ก ๆ ก็ถูกขายให้พ่อค้าทาสจนหมด 

เมื่อบรรดาพ่อแม่ได้ รู้ถึงชะตากรรมของพวกลูก ๆ พวกเขาพากันโศกเศร้าและโกรธแค้น พ่อแม่ชาวเยอรมันในเมืองโคโลญได้กล่าวโทษพ่อของนิโคลาสและจับชายผู้เคราะห์ ร้ายไปแขวนคอ ความสูญเสียที่นับหมื่นครอบครัวได้รับในครั้งนี้ส่งผลให้ศรัทธาในคริสตจักร สั่นคลอน โดยนักเขียนชาวเยอรมัน ผู้หนึ่งใน ศตวรรษที่ 13 ได้บันทึกไว้ว่า หลายคนคิดว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจมิใช่เพียงเพราะเหตุจากความ โง่เขลา แต่เป็นเพราะพระเป็นเจ้าทรงดลใจ

และด้วยเหตุสลดจากยุวครูเสดนี้เอง ที่เป็นที่มาของตำนาน นักเป่าปี่และเด็ก ๆ ผู้สาปสูญ…

22 ธ.ค. 56 เวลา 23:50 935 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...