คำต่อคำ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"บนเวทีเดินหน้าผ่าความจริง วัดดอกไม้ ยานนาวา ..หาSmart Lady และหา "อีโง่"

คำต่อคำ นายอภิสิทธิ์ หน.ปชป.ในการปราศรัยเวทีประชาชน เดินหน้าผ่าความจริง วัดดอกไม้ ยานนาวา “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ  หยุดเงินกู้ผลาญชาติ  หยุดอำนาจฉ้อฉล” ณ  โรงเรียนวัดดอกไม้   ถ.พระราม 3 เขตยานนาวา   กรุงเทพฯ วันที่ 7 กันยายน 2556 

กราบสวัสดีพี่น้องที่รักความถูกต้อง และนักสู้ทุกคนครับ สวัสดีครับ ผมมาที่นี่ก่อนอื่นก็คงต้องพูดว่า พี่น้องที่นี่เป็นผู้ให้โอกาสผมเกิดทางการเมือง 21 ปีที่แล้วครับ ที่ผมตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง จำได้ว่าขอลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคประชาธิปัตย์ในเขตบางคอแหลม ในเขตสาทร ในเขตยานนาวา จำได้เลยครับว่าอาจารย์เจริญ คันธวงศ์ สงสัยท่านกลับไปแล้ว ท่านเป็นหัวหน้าทีม อยากจะให้โอกาสผมมาลงสมัคร แต่อาจารย์นั้นบอกกับผมว่าพรรคประชาธิปัตย์นี่ อาจารย์ไม่สามารถไปบังคับใครให้อนุมัติให้ผมลงสมัครกับท่านได้ พรรคฯ เขาก็เห็นว่าผมอายุน้อย ประสบการณ์น้อย เขาก็จะไม่ให้ลงครับ แต่อาจารย์เจริญบอกว่า ดีที่สุดคือคุณมาหาชาวบ้าน มาพบกับสาขาพรรค กรรมการสาขาที่นี่ ผมยังจำได้เลยครับ อยู่แถวสาธุประดิษฐ์นี่ ผมต้องเดินทางมา เดินเข้ามาสาขาพรรค เจ้าหน้าที่ที่รับผมวันนั้นก็เป็น สข. ในวันนี้ คุณอ้อย อยู่ไหนเอ่ย แล้วก็มีพี่น้องที่กรรมการสาขาเชิญมา ก็สัมภาษณ์ ก็ขอให้ผม ยังไม่ถึงคิวอย่าเพิ่งซ่า ก็ได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องจนในที่สุด พรรคฯ ก็ให้โอกาสผมลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นลูกทีมอาจารย์เจริญ ซึ่งอาจารย์รับผมเข้าทีมด้วยความยินดี มีเงื่อนไขอย่างเดียว บอกคุณเลิกเรียกผมว่าลุงได้แล้ว เนื่องจากอาจารย์เป็นรุ่นพี่คุณพ่อผม 

แล้วก็ตั้งแต่นั้นมาละครับ ก็คือ 21 ปีที่อยู่บนถนนการเมือง แล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลกว่า 21 ปีผ่านไป หลายอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป บ้านเมืองก็มีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นหลายเรื่อง แต่ขณะเดียวกัน 21 ปีที่ผ่านไปเราก็ยังเจอปัญหาซ้ำซาก 21 ปีที่แล้ว ผมเข้ามาเป็นผู้แทนครั้งแรกเป็นผู้แทนของพี่น้องที่นี่ อยู่ได้ไม่ถึง 3 เดือนยุบสภา เพราะเกิดปัญหาพฤษภาทมิฬ จากปัญหาเผด็จการทหารพยายามสืบทอดอำนาจ วันนี้ 21 ปีผ่านไป เราก็เจอกับเผด็จการรูปแบบใหม่ ๆ แต่ผมยืนยันครับว่า ถึงจะผ่านมา 21 ปี และมีปัญหาเผด็จการอย่างไร พวกผมพรรคประชาธิปัตย์ และพี่น้องที่นี่จะต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ 

พอผมกลับมาที่นี่เลยมีคนส่งรูปขึ้นมาเยอะ อวดว่าเคยถ่ายรูปกับผมเอาไว้ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ดูแล้วก็ใจหายครับเพราะว่า 21 ปีผ่านไปก็แก่ลงพอสมควร แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะว่ามีคนปลอบผมว่า ถึงจะแก่ลงแต่ความหล่อคงที่ ความดีคงทน นี่คนนี้ครับ นี่ถ้าคนนี้ปิดประตูใส่หน้าผมวันนั้น ก็ไม่มีโอกาสมายืนตรงนี้ครับ 

พี่น้องครับ การต่อสู้ทุกวันนี้ที่เรายังต้องเดินหน้าทำ เพราะพี่น้องก็เห็นอยู่ว่ารัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินรอยตามรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร พยายามที่จะปิดพื้นที่ประชาชน ข่มขู่ คุกคามประชาชน เอาผลประโยชน์ใส่ตัว แล้วคิดว่าจะยึดอำนาจจากทุกคนไปอยู่ในมือของตัวเองได้ ผมเตือนอีกครั้ง ถ้าซ้ำรอยอย่างนี้ ได้ซ้ำรอยไปอยู่ต่างประเทศแน่นอน 

เขาคิดว่าเขามีทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วจะสามารถใช้เงินใช้อำนาจ ใช้เครือข่ายต่างๆ มายึดอำนาจไปอยู่ในมือของตัวเองได้มากขึ้น แต่ผมอยากจะบอกกับพี่น้องว่า เฉพาะ 7 วันที่ผ่านมา ผมเห็นสัญญาณหลายอย่างว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด เริ่มต้นตั้งแต่อะไรครับ เริ่มต้นตั้งแต่วันจันทร์ เขามีแผนว่า จะเอาโลกมาล้อม ไปเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ไปเชิญอดีตผู้นำมา ลงทุนไปมากครับ กะว่าจะมาสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง ปรากฏว่าผิดแผน รัฐบาลนี้กลายเป็นรัฐบาลแรกในโลก ที่ไปจ้างชาวต่างชาติมาด่าตัวเอง 

ที่จริงก็ไม่อยากใช้คำว่าจ้างหรอกครับ มันก็ต้องมีค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายผมเข้าใจ ต้องพูดอันนี้ เพราะว่าโทนี่ แบลร์ เจอหน้าผมคำแรกที่พูดคือ ผมไม่ได้รับเงินมานะ มาให้ฟรี รัฐบาลคาดไม่ถึงหรอกครับ เพราะเขาวางแผนไว้หลายอย่าง พี่น้องหลายคนไม่รู้ครับ ที่เชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ อดีตนายกฯ อังกฤษมาเนี่ย ที่จริงเขาไปให้สถาบันที่จุฬาฯ ร่วมกับสถาบันที่กระทรวงการต่างประเทศ และอีกหลายๆ ฝ่ายเป็นเจ้าภาพไปเชิญคนเหล่านี้มา ไปบอกเขามาหลายเดือนแล้วครับ บอกว่าจะเชิญมาถ่ายทอดประสบการณ์ การแก้ปัญหาความขัดแย้ง หรือการผลักดันงานเรื่องการปรองดอง ให้มาเล่าให้กับคนไทยฟัง และก็พยายามที่จะบอกว่าในประเทศไทยนั้น นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ปรองดอง ไม่ทะเลาะกับใคร ให้สิทธิ ให้พื้นที่ ให้เวทีกับฝ่ายค้าน ให้ประชาชน และรับฟังทุกฝ่าย คนเหล่านี้เขาก็ตัดสินใจที่จะรับมาเวทีนี้ แต่คนเหล่านี้เขาก็ไม่ใช่คนที่จะหลอกง่ายๆ ครับ เขาก็ติดตาม บางคนไม่ใช่ว่าเขารับเชิญ 2 เดือน 3 เดือนที่แล้ว แล้วถึงเวลาก็บินมา แล้วก็พูด เขาทำการบ้าน บางคนพบกับผมหลายครั้งก่อนที่จะมาถึงวันที่มาเวทีเมื่อวันจันทร์ และเขาจึงรู้ว่าหลายเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่รัฐบาลโฆษณา บางคนเขาต้องไปไล่ซัก บอกว่าตกลงเนี่ย ที่เชิญมานี้ เวทีนี้ มีทุกฝ่ายมาร่วมใช่หรือไม่ เขาถามว่าฝ่ายค้านมาร่วมมั้ย เขามาถามผมโดยตรง ผมบอกว่า ที่จริงแล้วตอนนั้นผมยังไม่ได้รับเชิญเลย ฝรั่งได้รับเชิญแล้ว ผมยังไม่ได้รับเชิญเลย เขาไปถามกระทรวงการต่างประเทศ ไปถามยิ่งลักษณ์ ตอนหลังคนเหล่านี้ก็ไปตอบเขาว่า ไม่ได้เชิญก็ไม่เป็นไร หรือไม่มาก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นเรื่องที่จะให้มาพูดเรื่องต่างประเทศ แต่เสร็จแล้วก่อนจะตั้งเวทีนี้ 2 อาทิตย์ ก็มาผุดสภาปฏิรูป แล้วก็ส่งรองนายก รัฐมนตรีต่างประเทศมาโม้ว่าคนที่เขามาเนี่ย เขาจะมาเหมือนกับช่วยทำให้สภาปฏิรูปเกิดขึ้น 

สุดท้ายคนเหล่านี้เขามาแล้วนี่ เขาก็เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไม่พูดความจริงกับเขา ที่น่าตกใจเชื่อมั้ยครับ รัฐบาลทำกันขนาดไหน เวทีที่เขาตั้งเมื่อวันจันทร์ ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ถ่ายทอดทางวิทยุ แต่ไม่ได้จบแค่นั้นครับ เขาเอาผู้เชี่ยวชาญบางคน มาจัดให้พบปะกับคนที่เขาเรียกว่ามีส่วนได้เสีย เป็นคู่ขัดแย้ง เกี่ยวกับปัญหาของการเมืองไทย โดยให้พบในวันอังคาร วันพุธ แล้วก็อ้างว่า เชิญทุกฝ่าย ปรากฏว่าผมนี่เจอกับชาวต่างประเทศ หรือคุยกับชาวต่างประเทศบางคนที่ได้รับเชิญมา แล้วเอาหนังสือเชิญที่เขาได้เป็นภาษาอังกฤษ กับหนังสือเชิญที่ผมได้เป็นภาษาไทยมาเทียบดู มันไม่ตรงกัน ของเขามีวันจันทร์ทำอะไร อังคารทำอะไร พุธทำอะไร ของผมเป็นภาษาไทยบอกให้เข้าไปร่วมคนพูดจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ก็ไปถามตอบ แบบที่ ดร.สุรินทร์ ไปถาม แล้วไม่ได้คำตอบไง 

ซ้ำร้าย วันอังคาร วันพุธ ที่บอกว่าจะหารือทุกฝ่าย เผื่อจะมีข้อสรุป ไม่ได้เชิญพวกผม แต่ไปบอกกับฝรั่งว่า เชิญแล้ว ฝ่ายค้านไม่ไป แต่คนเหล่านี้หลอกเขาไม่ได้หรอกครับเพราะฉะนั้นเห็นมั้ยครับ ขึ้นเวทีเมื่อวันจันทร์ ทุกคนพูดเหมือนกันว่าการปรองดอง ยัดเยียดให้กันไม่ได้ ต้องฟังทุกฝ่าย ต้องเคารพเสียงข้างน้อย เพราะฉะนั้นไหนๆ ลงทุนเสียสตางค์จัดเวทีนี้ไปแล้ว อย่าเอาแต่สร้างภาพ ฟังสิ่งที่เขาพูด เอาไปใส่หัวแล้วไปปฏิบัติซะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถ้าฟังเอาไปใส่หัวแล้วไม่เข้าใจ มาถามพรรคประชาธิปัตย์ได้ นี่ครับ 1 เรื่อง พยายามเอาโลกมาล้อม แต่ในที่สุดชาวโลกรู้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ 

อาทิตย์หน้าไปเมืองนอกอีกแล้ว ข่าวบอกว่าเตรียมจะไปสวิสฯ อิตาลี ไม่รู้แถมมอนเตเนโกร ด้วยหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้จะไปทำไม จะไปขายข้าว หรือจะไปขายยาง หรือจะไปซื้อ เพราะเห็นพี่ชายโพสต์เฟสบุคแล้วว่าเตรียมซื้อแบรนด์เนมให้น้องสาว ผมก็ไม่คาดหวังหรอกครับ เพราะไปมา 52 ครั้ง ไม่รู้กี่สิบประเทศมีแต่บุญยอดนั่งนับอยู่คนเดียว คนอื่นเลิกนับไปนานแล้ว ที่ไปมาทั้งหมดนี้ขายอะไรได้บ้าง ผมเกรงว่า เกรงว่าที่ขายมากที่สุดคือขายหน้าครับ เพราะที่ทำมาทั้งหมด ทำไปแล้วมีแต่ส่งออกหดลง หดลง ทำไปแล้วมีแต่ปัญหาสินค้าของเราหลายตัวที่เคยขายได้ ส่งออกอันดับหนึ่ง ตกอันดับหมด ผมก็เลยไม่รู้จริงๆ ว่ายังจะเดินทางกันไปอีกกี่ประเทศ อีกกี่ครั้ง ใช้เงินของพี่น้องอีกเท่าไหร่ แต่ปัญหาของคนไทยไม่ได้รับความสนใจ ไม่ได้รับการเหลียวแล 

เวลาอยู่ในประเทศ แทนที่จะมาประชุมสภาเวลาพูดถึงความเดือดร้อนของประชาชนก็ไม่อยู่ เมื่อวันพฤหัสฯ วันนี้ที่มาไม่ได้พูดเรื่องประชาชน พูดเรื่องรัฐธรรมนูญ แล้วที่มานี่มาเป็นนางกวัก เพราะว่ามันไม่ครบองค์ประชุม พยายามจะตามลูกพรรคไป แต่เขาไม่มา วันพฤหัสฯ เรื่องใหญ่ๆ สส.ประชาธิปัตย์ตั้งกระทู้ถามนายกฯ เรื่องเศรษฐกิจ กับของแพง ไม่มาตอบ ส่งรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ส่งรัฐมนตรีพลังงานมาตอบ 2 คนนี้ก็บอกว่า ตอบได้ๆ สส.ที่ถาม ชนินทร์ รุ่งแสง บอก ผมว่าตอบไม่ได้ 2 คนก็บอกตอบได้ ประธานก็บอก คุณถามไปเหอะ เขาได้รับมอบหมายมา เขาตอบได้ ชนินทร์ทำไง ชนินทร์เริ่มต้นตั้งคำถามเปิดคลิปยิ่งลักษณ์ที่บอก จะกระชากค่าครองชีพลงมาค่า แล้วก็ตั้งคำถามว่า แล้วที่ของแพงทุกวันนี้ นายกฯ จะรับผิดชอบยังไง รัฐมนตรี 2 คนจะไปตอบได้ยังไง คำถามแบบนี้ นายกฯ ต้องมาสภา เราชี้ให้เห็นว่าราคาสินค้าแพงหมดตอนนี้และหลายเรื่องฝีมือรัฐบาลโดยตรง ทั้งน้ำมัน ทั้งค่าไฟ ทั้งค่าแก๊ส นโยบายรัฐบาลทั้งนั้น 

แล้วที่ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เช่นเรื่องไข่ เดี๋ยวนี้เท่าไหร่แล้ว 5 บาท ถึง 6 บาท ประวัติศาสตร์จารึกแล้ว มีนายกฯ มากี่คน ก็ไม่มียุคไหนที่ไข่แพงเท่ายุคที่ผู้หญิงเป็นนายกฯ แล้วรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหายไปไหน บอกว่าก่อนหน้านี้บอกว่าไข่แพงเพราะอากาศร้อน นี่ฝนตกลงมาจนจะจบหน้าฝนอยู่แล้ว ไก่มันยังร้อนอยู่ได้ยังไง แล้วไข่ที่แพงจะอ้างต้นทุนก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ต้นทุนอาหารสัตว์ตกต่ำมาก ขนาดพี่น้องมาเรียกร้องเรื่องราคาข้าวโพด รัฐบาลไปอยู่ที่ไหนไม่ดูแลปัญหาของพี่น้องประชาชน ไข่แพง ข้าวแกงตอนนี้ 50 บาทแล้วพี่น้อง รัฐมนตรีพาณิชย์มาก็บอกว่า ของไม่แพง เพราะดูแล้ว CPI รู้จักมั้ย CPI นี่ ดัชนีราคาผู้บริโภค แกบอก CPI ขึ้นไปแค่ 2.6 เปอร์เซ็นต์ แปลว่าของแพงขึ้นไม่มาก ผมนี่ไม่ได้เป็นคนถามกระทู้ ไม่งั้นผมถามแล้ว ขอโทษครับท่านรัฐมนตรี เวลามารดาคุณไปตลาด ไปหาซื้อ CPI เหรอครับ หรือไปซื้อไข่ ซื้อหมู ซึ่งแพงขึ้นมาก ไม่ยอมรับความจริง และก็ยังวนเวียนท่องคาถาเหมือนเดิม นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นชัดเจน 

นายกรัฐมนตรีก็หลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ผมก็ดูไม่ออกครับว่าที่อยู่ในประเทศมา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ไปทำอะไรบ้าง เมื่อเช้าเห็นแว้บๆ มีข่าวไปทำอะไร โครงการอะไร Smart Lady แปลว่าอะไร ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอกครับ เหมือนกับว่าจะประกวดใช่มั้ย หา Smart Lady แปลว่าอะไร Smart lady นี่ผมถามอภิมงคลแล้ว แปลว่าผู้หญิงฉลาด แต่นี่ผมก็ถามว่า อ้าว แล้วถ้าทำโครงการนี้เนี่ย ทำไมต้องทำ ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาอีโง่ ไม่มีใครไปแข่งได้ 

นี่ครับ ทำอะไรกันอยู่ ประชาชนเดือดร้อน และที่สำคัญ นอกจากปัญหาของแพง กลุ่มคนที่เดือดร้อนแสนสาหัสคือเกษตรกรชาวสวนยาง ทำไมจะไม่เดือดร้อนล่ะครับ เพราะสมัยรัฐบาลที่แล้ว ราคายาง อยู่ที่ 150 – 180 บาท ต่อกิโล แล้วมันก็ตกมาเรื่อยๆๆ จนเหลือ 60 – 70 ตอนนี้ประมาณ 76 – 77 บาท ต่อกิโล พี่น้องคิดง่ายๆ ครับ ถ้ารายได้พี่น้องมาจากยางเป็นชาวสวนยางแปลว่ารายได้ปีนี้เทียบกับ 2 ปีที่แล้ว เหลือประมาณครึ่งหนึ่ง ใครจะไม่เดือดร้อน แล้วเดือดร้อนกันมา เรียกร้องกันมานาน ไม่มีใครสนใจ สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ที่มีพื้นที่ที่มีการปลูกยาง รวมตัวกันทำหนังสือเดินทางไปถึงทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เดือนพฤษภาครับ ไป 2 ครั้ง ครั้งแรกผมจำได้เลย เพื่อนผมหลายคน อาคม เอ่งฉ้วน แต่งตัวหล่อแต่เช้า จะไปทำเนียบ คิดว่าโก้มาก นำ สส. ไปเป็น 20 คนได้อย่างน้อย นึกว่าจะได้พบนายกฯ ไปถึงเขาปิดประตูใส่หน้า 

ไม่เข็ด ไปครั้งที่ 2 นึกว่าจะได้พบนายกฯ ไม่ได้พบ นึกว่านายกฯ จะมอบรัฐมนตรีไม่ได้มอบ ส่งไอ้แรมโบ้ แรมบ้าอะไรไม่รู้มารับหนังสือ พี่น้องในภาคใต้นี่ เหลืออด ไม่ต้องมีใครยุยง เขาจะอดตายอยู่แล้ว ก็เริ่มมีการชุมนุมเกิดขึ้นหลายจังหวัดครับ ประปราย สงขลาก็เคยเกิด มีความพยายามปิดถนน ต่อมาเมื่อต้นเดือนสิงหา ที่นครศรีธรรมราชนี่แหละครับ เขาปิดถนน ผมอยากจะบอกเอาไว้ด้วย เพราะว่ารัฐบาลนี้ชอบกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ต้นเดือนสิงหา ตอนปิดถนนน่ะ พวกผมเป็นคนไปเจรจาให้ช่วยเปิดถนนหน่อย เพื่อให้พี่น้องยื่นข้อเรียกร้องให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ ไปขอเวลาเขา 2 อาทิตย์ เขาเลยเปิดถนน 

แต่หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ 3 อาทิตย์ ไม่เคยไปให้คำตอบเขา ม็อบสวนยางจึงเกิดขึ้นทั่วภาคใต้ ผมเรียนนะครับ การตัดสินใจของรัฐบาลตั้งแต่กี่เดือนมาแล้วนี่ ที่มีความเดือดร้อนจนถึงเมื่อวานนี้ ตัดสินใจแน่วแน่มากเลยคือบอกว่า ยังไงก็ไม่ช่วยเรื่องราคายางพารา ยืนยันมาตลอด แม้แต่เมื่อวานนี้ขณะที่ผู้เจรจาบินลงไปเจรจากับชาวสวนยาง นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์อยู่เลยบอกเลิกชุมนุมเถอะ ยังไงก็ไม่ให้ ไม่รู้ไอ้ตัวต้นคิดที่จะไม่ช่วยเกษตรกรมันอยู่ที่ไหน ใครตะโกน ดูไบ ดูไบเขาไม่ให้อยู่แล้ว มันเป็นไปตามหลักของทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศเอาไว้มาตลอดว่า ไม่เลือกพวกเราก็อย่าหวังเลยว่าจะไปช่วย 

ผมกำลังจะบอกว่าการต่อสู้ของพี่น้องชาวสวนยางที่มาจนถึงวันนี้ พวกเราทุกคนต้องคารวะจิตใจ และความกล้าหาญของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง เพราะรัฐบาลใช้ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ใช้ทั้งอำนาจ ใช้ทั้งการคุกคาม ใช้ทั้งการแทรกแซงสื่อ เพื่อจะกดม็อบนี้ แล้วจะให้ม็อบนี้ต้องไปยอมจำนนกับวิธีคิดของเขา 

เขาทำยังไงครับพี่น้อง 1. เขาแบ่งแยกประชาชน พยายามจะบอกว่า ยางพาราช่วยไม่ได้ ต้องเป็นไปตามราคาตลาดโลก นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถึงกับยืนยันภูมิปัญญาตัวเอง ด้วยการบอกว่า ยางช่วยไม่ได้ เพราะเราปลูกยางน้อย พี่น้องรู้มั้ยครับ ประเทศไทยนี้ปลูกยางไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของการผลิตทั่วโลก รู้มั้ยครับว่า มูลค่าการส่งออกยางหลายปี มากกว่าที่เราส่งออกข้าวด้วยซ้ำพี่น้องครับ แต่นายกฯ ไม่รู้ แล้วนายกฯ ก็บอกว่า ยังไงก็ช่วยไม่ได้ ก็ต้องไปหามาตรการช่วยเหลือเรื่องปัจจัยการผลิต เรื่องปุ๋ย ที่ทำอย่างนั้นเพราะนอกจากจะแบ่งแยกแล้วว่าชาวนาไม่ต้องดูราคาตลาดโลกก็ได้ ดูต้นทุน 6,000 7,000 8,000 ให้เลย 15,000 แต่สวนยางต้องเป็นไปตามตลาดโลก ต้นทุนจะสูงเท่าไหร่ ขึ้นมาเท่าไหร่ ก็ไม่ขยับราคาที่จะดูแลให้ เขาแบ่งแยกตรงนี้ไปแล้วชั้นนึง 

แล้วยังแบ่งแยกต่อด้วยการใช้มาตรการที่เขารู้ว่าจะทำให้ชาวสวนยางภาคเหนือ ภาคอีสานนั้นอยู่ได้ เพราะการผลิตยาง ในแต่ละภาคไม่เหมือนกันพี่น้องครับ ต้นทุนไม่เหมือนกัน และวิถีชีวิตไม่เหมือนกัน กรณีภาคใต้นั้นปลูกมานานแล้ว และเป็นรายได้หลัก เพราะฉะนั้นมาตรการที่ช่วยไปไม่เพียงพอที่จะให้เขาอยู่ได้ แต่มาตรการที่ออกไปนั้น เกษตรกรชาวสวนยางภาคเหนือ ภาคอีสานนั้นอยู่ได้ เขาก็พยายามแบ่งแยก เพื่อจะหาทางโจมตีว่าเหลือแต่เกษตรกรภาคใต้ และพยายามยัดเยียดว่าม็อบที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ 

แล้วก็ใช้สารพัดวิชามารออกข่าว ทำอย่างไรก็ได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ชุมนุมเป็นผู้ร้าย โดยอาศัยเครือข่ายของโทรทัศน์ และสื่อมวลชนที่เขาเข้าไปแทรกแซง เมื่อวันศุกร์ ผมอยู่กับนักข่าวคนหนึ่ง ซึ่งเขารับผิดชอบในเรื่องของสมาคมวิชาชีพของเขา เขาบอกกับผมครับ เขาบอกเขากำลังปวดหัวมาก นักข่าวของสถานีโทรทัศน์บางช่อง หนังสือพิมพ์บางฉบับ เข้าไปในพื้นที่ที่มีการชุมนุมไม่ได้เลย เพราะเกษตรกรโกรธที่สื่อเหล่านี้เสนอภาพที่ไม่เป็นความเป็นจริง และให้ร้ายเขา นี่ไงครับ เขาก็ใช้วิธีการอย่างนี้ แล้วก็คาดหวังว่า กดชาวสวนยางลงให้ได้ ส่วนนายกฯ ก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย เขาบอกว่าจะให้ราคาเขาเท่าไหร่ ก็บอกจะช่วยปัจจัยการผลิต รับฟังทุกฝ่าย บูรณาการมันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ 

ส่วนรัฐมนตรีที่เคยรับผิดชอบ ที่จริงน่ะเป็นคนไปสร้างอีกเงื่อนไขหนึ่ง เพราะมันมีบางคนที่ปลากพร่อยไปสัญญาไงว่าจะให้เขา 120 บาท แล้วก็ทำไม่ได้ ก็ดีครับวันนี้ เมื่อวานนี้รัฐบาลเพิ่งตั้งหลักได้ ลงไปคุย ยอมคุยแล้วว่าต้องพูดกันเรื่องราคา เสนอราคา 90 บาท ซึ่งผมก็คิดว่า ช่วงระยะเวลาจากนี้ไป 5 วัน 10 วัน พี่น้องเกษตรกรภาคใต้ก็คงจะต้องตัดสินใจ พี่น้องชาวสวนยางต้องไปคิดว่า 90 บาท เหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่อย่างไร พวกเราจะเคารพการตัดสินใจของพี่น้องชาวสวนยางและจะสะท้อนความเห็น และเป็นปากเสียงให้ต่อเนื่องต่อไป 
เล่ามานี้ครับ เพื่อจะสะท้อนให้เห็นว่า วันนี้ผมถือว่าการต่อสู้ของเกษตรกรชาวสวนยางนั้นได้รับชัยชนะระดับหนึ่งแล้ว รัฐบาลที่เคยไม่สนใจ ไม่แยแส พยายามยัดเยียดความคิดว่าช่วยเขาไม่ได้ วันนี้ยอมรับแล้วว่าต้องช่วยเขา เพราะมันเป็นสิทธิของเขา ที่จะได้รับการดูแลจากรัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยประชาชน ไม่มีสิทธิ์มาอ้างอะไรทั้งนั้น จะอ้างว่าโง่เกินไป ไม่รู้เรื่องก็ไม่ได้ โง่ยังไงก็ต้องช่วย 

การที่พี่น้องชาวสวนยางยืนหยัดและต่อสู้จนเกิดความสำเร็จอย่างนี้ ผมกำลังจะบอกว่าพวกเราต้องคารวะความสำเร็จของเขา และยึดถือเขาเป็นตัวอย่างว่า ถ้าการต่อสู้ถูกต้องชอบธรรม จะต้องมีชัยชนะรออยู่ข้างหน้า ถึงจะสู้กับคนโง่ หรือคนเลว หรือคนที่คิดว่ามีเงิน มีอำนาจ มีสื่ออยู่ในมือ แต่ถ้าสิ่งที่เราสู้ ถูกต้องชอบธรรม ในที่สุดจะได้รับชัยชนะพี่น้องครับ นี่ครับ ชี้ให้เห็นเลยครับว่า การต่อสู้ของหลายๆ ฝ่ายกำลังรุกคืบไปข้างหน้า รัฐบาลล้มเหลว ล้มเหลวเรื่องเอาโลกมาปิดล้อม ล้มเหลวเรื่องที่จะข่มขู่ คุกคามประชาชนที่ไม่เลือกว่าจะต้องไปยอมจำนนกับเขา และการต่อสู้อีกหลายเรื่องครับ รัฐบาลเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิด 

ในสภารัฐธรรมนูญยังไม่ผ่าน ยังไม่ผ่าน รัฐบาลคาดหวังว่าผ่านไปได้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว อาทิตย์ก่อนด้วยซ้ำ แต่พวกเราก็ต่อสู้กันอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่เจอวิชามารสารพัด เราถูกตัดสิทธิ์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตัดสิทธิ์ก็คือ พวกเราหลายคนแปรญัตติรัฐธรรมนูญ แปรญัตติคือเสนอขอแก้ไขไอ้ที่เขาเสนอมา เช่น ที่เขาเสนอว่า ให้ สว. ชุดนี้ไปลงเลือกตั้งได้อีก ที่เขาเสนอมาว่า ลูกเมีย สส. ก็ไปลงได้ คนเป็นสมาชิกพรรควันนี้ลาออกก็ไปลงได้เลย คนดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลาออกวันนี้ก็ไปสมัครรับเลือกตั้งได้เลย เราก็เสนอแก้ไขต่อสู้ทุกมาตรา แต่เขาหงุดหงิดว่าเราต่อสู้จริงจัง ผ่านไปอาทิตย์ 2 อาทิตย์ เพิ่งได้ 3 มาตรา 4 มาตรา 

คราวนี้มาใหม่ ได้หน่วยกล้าตาย ประธานวุฒิสภา คนนี้ตัดสินใจแน่วแน่คิดว่าคุ้มแล้ว จะถูกด่า จะถูกสาปแช่ง จะถูกอะไรก็ตาม ทำทุกอย่างถวายหัว ขนาดยังไงครับ ขนาดว่า สส. เพื่อไทย พยายามเสนอปิดอภิปราย มาตรา 3 เสนอปิดอภิปราย ประธานสมศักดิ์ รู้ว่า มันเสนอไม่ได้ ก็ใช้วิธีการตะล่อม จนกระทั่งคนเสนอญัตติยอมถอน มาตรา 4 เอาอีก เสนออีก แม้แต่ประธานสมศักดิ์ ยังต้องวินิจฉัยตามความถูกต้องว่าเสนอไม่ได้ แต่พอถึงมาตรา 5 สมศักดิ์ ลงจากบัลลังก์ นิคมขึ้นมา มันเสนอปิดอภิปราย นิคม ทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมลุกขึ้นไปบอกเลยว่า ประธานสมศักดิ์เขาวินิจฉัยแล้วว่าทำไม่ได้ แกก็ไม่รู้ไม่ชี้ สุดท้ายก็ปิดอภิปราย แล้วก็ลงมติทันที มั่วๆ ด้วยครับ ไม่รู้ลงมติเรื่องอะไร ลงแล้วก็ปิดประชุม แล้วก็บอกว่า มาตรา 5 ผ่านไปแล้ว คิดดูสิพี่น้อง ขนาดสมศักดิ์ ยังไม่กล้า ไอ้นี่มันขี้ข้าขนาดไหน 

พอวันรุ่งขึ้น สมศักดิ์ขึ้นบัลลังก์ พวกผมก็ถามบอก ท่านประธานครับ ท่านน่ะ วินิจฉัยไว้ว่าทำไม่ได้ คืนก่อนพอนิคมขึ้นมาเป็นประธาน ทำไมวินิจฉัยว่าทำได้ ประธานสมศักดิ์จะว่ายังไง สุดท้ายประธานสมศักดิ์ไม่กล้าบอกว่าคุณนิคมทำถูกนะ แต่บอกว่า บังเอิญประธานนิคมวินิจฉัยไปแล้ว มันย้อนกลับไปไม่ได้ ก็ให้ผ่านไป ไอ้ผมก็บอกครับบอก แล้วพวกผมจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า พอถึงมาตรา 6 พอท่านสมศักดิ์ลง นิคมขึ้น มันจะไม่ปิดอภิปรายอีก ประธานสมศักดิ์ ก็พยายามจะบอกว่า เดี๋ยวจะคุยกับประธานนิคมให้ ความจริงผมน่ะเสนอบอก ดีที่สุดไม่ต้องลงจากบัลลังก์ นั่งอยู่นี่แหละ ไม่นั่งเป็นประธานเอง ก็นั่งคุมประธานนิคมอยู่ข้างๆ ก็ได้ แกก็ไม่เอา พอไม่เอา แหม ผมนี่มันแม่นจริงๆ พอแกลงไปนิคมขึ้นมา ทำหน้าที่ 2 – 3 ชั่วโมง มันเสนอปิดอภิปรายมาตรา 6 

ผมก็บอกว่า ยื่นถอดถอนไปแล้วนะ ยังจะทำผิดซ้ำเหรอ คราวนี้เอาชวเลขเลยครับ ถอดที่ประธานสมศักดิ์ พูดคำต่อคำ มาอ่านให้ฟัง แต่ไปไกลแล้ว ประธานนิคม เล็งเห็นผลแล้ว มองการณ์ไกลแล้ว คิดแล้วว่า ยังไงก็จะต้องทำให้ได้ เพราะจะไปลง สว. สอบตกนี่คงได้เป็นรัฐมนตรี ผมก็เลยเห็นว่า กล้ามาก ปิดอีก มาตรา 6 พอปิดเสร็จ ก็รู้ว่าจะวุ่นวาย ก็ปิดประชุม นัดประชุมใหม่วันเสาร์วันนี้ ปรากฏว่าวันนี้พรรคพวกไม่มา องค์ประชุมไม่ครบ เลยไปนัดวันจันทร์ เดี๋ยววันจันทร์ เริ่มต้นมาตรา 7 ต้องมานั่งเถียงกันใหม่ว่า ตกลงมาตรฐานการวินิจฉัยของสภา ของประธานสมศักดิ์ อยู่ที่ตรงไหน มาปิดอภิปราย มาลิดรอนสิทธิ เสรีภาพได้อย่างไร 

แต่ผมก็เชื่อครับ จะมาสูตรเดิม ประธานสมศักดิ์ก็จะบอกว่า ผมจะรับผิดชอบในส่วนของผม และระหว่างที่ประธานสมศักดิ์อยู่ก็ไม่มีอะไรครับ แต่พอแกลงไปเมื่อไหร่ ประธานนิคมขึ้นมา ผมเชื่อว่า มันจะมีคนเสนอปิดอภิปรายอีก ผมก็บอกว่า ทำไปเถอะนิคม เพื่ออนาคตของคุณ คุณทำไปเถอะ แต่ระวังผิดพลาดนะ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เกิดทักษิณ เป็นอะไร ตายไปก่อนล่ะ ระวังไม่มีคนไปดูแลคุณในคุกนะ เพราะว่าคุณทำผิดกฎหมาย พวกเราก็จะสู้ต่อครับ ผมก็ยอมรับว่าการต่อสู้ในสภาหลายครั้ง ก็เลยเกิดอารมณ์กันขึ้น 

อย่างเช่นเมื่อวันพฤหัสฯ ไม่ใช่แค่รัฐธรรมนูญครับ จะพูดเรื่องยางพารา มันยังเสนอปิดอภิปรายไม่ให้พูด สมาชิกก็เครียดจัดครับ ผมก็อยากจะกราบเรียนพี่น้องว่า เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ ขอโทษพี่น้องประชาชนไปแล้ว พวกเราในพรรคประชาธิปัตย์ครับ ตอนนี้ผมก็กำชับว่า ต้องอดทนกันให้มากๆ และระมัดระวังในเรื่องของพฤติกรรม มารยาททั้งหลายกันมากขึ้น แล้วก็ถ้ามีอะไรที่ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของสภา พวกเราก็ขอโทษ แต่ยืนยันว่า ทุกอย่างที่ทำ และที่จะทำต่อไปอย่างไรก็ต้องปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเห็นใครไม่รู้ ไอ้รองโฆษกอะไรซักคนเนี่ย มันบอกว่าให้ผมเนี่ยไปอบรมนายเชนหน่อย ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่ต้องอบรมครับ คุณเชน เขาขอโทษไปนานแล้ว ผมว่าพวกคุณไปอบรมนายกฯ ให้มาฟัง สส. ในสภาดีกว่า 

เราก็จะสู้เรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมก็ต้องรายงานครับ เดี๋ยวจะลืม เพราะตอนนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการ ผมก็ไปนั่งประชุมกรรมาธิการมาอีก 1 ครั้ง ยังไม่เริ่มต้นครับ ยังสนทนาธรรมกันอยู่ ที่สนทนาธรรมกันอยู่นี้ เพราะว่าเป็นครั้งแรกให้นายวรชัย เหมะ เป็นผู้อธิบายหน่อยซิว่า ที่เสนอกฎหมายมานี้ต้องการอะไร วรชัย ได้พูดชี้แจงแล้วครับ บอกว่าเห็นใจประชาชนที่มาชุมนุมโดยสงบ โดยสุจริต แล้วสงสารคนที่ติดคุกอยู่ในขณะนี้ก็ต้องการที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ อาจารย์แก้วสรรไปเป็นกรรมาธิการด้วยนะครับ อาจารย์แก้วสรรพูดดีครับ บอกไอ้การนิรโทษกรรมนี้มีหลักว่าอย่างไร ถ้าเห็นว่าเป็นความผิดทางการเมือง ทำผิดเพราะความคิด เพราะการแสดงออกทางการเมืองไม่ว่ากัน ไอ้หลักอย่างนี้พูดคุยกันได้ แต่อย่าเอาหลักว่า สงสารคนติดคุก เพราะถ้าเอาหลักสงสารคนติดคุก ต้องนิรโทษนักโทษทุกคน ทุกคดีออกมา 

ทำไมจะให้เฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ว่าบรรยากาศนั้น ไม่มีการทะเลาะกับผมนะครับ ในกรรมาธิการนี้ แต่มีทะเลาะกันระหว่างภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย คือ สส. ภูมิใจไทยท่านหนึ่ง เขาบอกว่าที่คุณวรชัยบอกอยากจะช่วยประชาชนนี่ คุณช่วยอธิบายในรายละเอียดซิว่า เป็นใคร เขามาด้วยความศรัทธา หรือคุณชวนเขามา หรือคุณจ้างเขามา พรรคเพื่อไทยก็ตอบโต้ว่า พวกภูมิใจไทยตอนอยู่ด้

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...