ปชช.ไม่พอใจส.ส.ทุ่มเก้าอี้-ชี้พฤติกรรมสุดแย่ กระทบภาพลักษณ์ แนะตั้งกก.สอบจริยธรรม

วันที่ 7 ก.ย. ดร.นพดลกรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา กระทรวงวัฒนธรรม และประธานเครือข่ายวิชาการทำประชาพิจารณ์และสาธารณมติเพื่อนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดโครงการวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง ความเป็นแบบอย่างให้เด็กและเยาวชนของสมาชิกผู้ทรงเกียรติ และการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.6 ทราบข่าว ส.ส.ฝ่ายค้านทุ่มเก้าอี้แสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของประธานในสภาผู้แทนราษฎร มีเพียงร้อยละ 7.4 ยังไม่ทราบข่าว โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.5 ระบุกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน หลังมีพฤติกรรมทุ่มเก้าอี้ของ ส.ส. ในสภาผู้แทนฯ ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.0 ระบุกระทบต่อการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของสุภาพบุรุษ สมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎรต่อเด็กและเยาวชน ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.1 ระบุพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่แย่มาก ถึงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 32.9 ระบุน้อย ถึงไม่แย่เลย โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.6 ระบุควรตั้งกรรมการสอบเอาผิดด้านจริยธรรม ความประพฤติของ ส.ส. ที่ทุ่มเก้าอี้ในสภาผู้แทนฯ

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.9 เห็นควรตั้งกรรมการสอบการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ในขณะที่ ร้อยละ 38.1 ระบุไม่ควร ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.5 คิดว่า ผู้ใหญ่ในสังคมคงปล่อยให้เกิดพฤติกรรมเสื่อมเสียของสมาชิกเกิดขึ้นต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 37.5 คิดว่า ผู้ใหญ่ในสังคมจะเอาจริงเอาจังแก้ไขในสิ่งผิด

ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่ค้นพบครั้งนี้น่าจะชัดเจนเพียงพอว่าประชาชนตอบโต้กับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ “ต้นแบบ” ของสังคมในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาอันทรงเกียรติอย่างน่าพิจารณา เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ความเสื่อมเสียครั้งแรกที่สาธารณชนรับทราบแต่เคยรับทราบกันมาทั้ง การดูภาพโป๊เปลือย การท้าตีท้าต่อย การใช้ถ้อยคำรุนแรง การขว้างปาสิ่งของ และล่าสุดการทุ่มเก้าอี้ เป็นต้น แต่สังคมของกลุ่มคนที่น่าจะเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีแห่งสภาอันทรงเกียรติก็ปล่อยให้เกิดซ้ำซากกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นกัน ต่อไปอาจจะมีเรื่องร้ายแรงบานปลายขึ้นได้ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ได้ ดังนั้น จึงต้องมีแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาที่น่าพิจารณาดังนี้คือ

ประการแรก ต้องใช้กระบวนการด้านจริยธรรมและความประพฤติของสภาอันทรงเกียรติเข้าดำเนินการเอาผิดเร่งด่วนทั้งในเรื่องการดูภาพโป๊เปลือย การท้าตีท้าต่อย การใช้ถ้อยคำรุนแรง และการทุ่มเก้าอี้ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ของคณะบุคคลในสถาบันและสภาอันทรงเกียรติเกิดขึ้นในเห็นกันในสายตาของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ จนเด็กๆ เหล่านั้นอาจจะลุกขึ้นชี้หน้าบอกผู้ใหญ่ในสังคมว่า “อย่ามาริ บังอาจสอนพวกเรา” ผลที่ตามมาก็คือ บ้านเมืองและสังคมโดยรวมในปัจจุบันและอนาคตอาจจะเลวร้ายจนความเป็นไทยที่รักความสงบสุขก็ยากรักษาไว้ได้

ประการที่สอง กลไกของสภาอันทรงเกียรติต้องทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมให้สมาชิกมีพฤติกรรมที่เหมาะสม มากกว่ามีพฤติกรรมแบบพวกล้าหลังของการพัฒนา และหากปล่อยให้เกิดขึ้นเช่นนี้ต่อไปจะทำลายความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยและฝ่ายการเมือง เพราะฝ่ายการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องทำหน้าที่ลดความขัดแย้งในหมู่ประชาชนไม่ใช่กลายเป็นตัวปัญหาความขัดแย้งเสียเอง ดังนั้น ทั้งผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมและผู้ที่ทุ่มเก้าอี้ต้องถูกตั้งกรรมการสอบทั้งสองฝ่าย เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตต่อไป

ประการที่สาม สื่อมวลชนและสังคมน่าจะตัดสินใจดำเนินการประจานความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมของทั้งสองฝ่ายให้สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่องอันจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศจำได้ว่าใครมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร ที่อาจส่งผลต่อคะแนนนิยมภาพรวมของพรรคการเมืองได้ ถ้าประชาชนในระดับพื้นที่ยอมรับได้พฤติกรรมรุนแรงเช่นนี้

ประการที่สี่ ขอให้ผู้ใหญ่ในสังคมช่วยกันพิจารณาถึงกลไกควบคุมความวุ่นวายในสังคมอันเกิดจากพฤติกรรมของ “คนต้นแบบ” ที่สามารถกลายเป็น “ต้นตออันตราย” ในหมู่เด็กและเยาวชนจนลอกเลียนแบบกันในที่ต่างๆ ที่มี “เก้าอี้” ทั้งที่บ้าน ห้องเรียน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ สถานบันเทิง และที่สาธารณะทั่วไปที่จะเป็นอันตรายไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนอื่นๆ ที่สัญจรไปมาอย่างน่าเป็นห่วง 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...