ธุรกิจ"สวนน้ำ"เมืองท่องเที่ยวระอุ "ลิปตพัลลภ"ปั้นวอเตอร์จังเกิ้ลหัวหินแข่งสิงคโปร์

สมรภูมิสวนน้ำเมืองท่องเที่ยวรอบกรุงเทพฯแข่งดุ "พราว เรียลเอสเตท" ทุ่มเกือบ 5 พันล้าน ผุดโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส "วานา นาวา หัวหิน" ดันเฟสแรกสวนน้ำ "วอเตอร์ จังเกิ้ล" แห่งแรกของเอเชีย เผยเปิดตัวกลางปีหน้า หนุนเป็นแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดระดับรีจินอล เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันท่องเที่ยวไทยสู้สิงคโปร์-มาเลย์ คาดปีแรกมีนักท่องเที่ยวแห่ใช้บริการแตะ 6 แสนคน


 

นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส บนพื้นที่ 35 ไร่ ภายใต้ชื่อ "วานา นาวา หัวหิน" ใช้งบฯลงทุนราว 4.8-4.9 พันล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกได้พัฒนาพื้นที่ 20 ไร่ เป็นสวนน้ำแบบวอเตอร์ จังเกิ้ล แห่งแรกในเอเชีย ใช้งบฯราว 900 ล้านบาท คาดสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 2 ของปี 2557 หลังจากเริ่มก่อสร้างไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ส่วนเฟสที่ 2 จะพัฒนาเป็นโรงแรมขนาด 400 ห้อง ลงทุน 3-5 ล้านบาทต่อห้อง ใช้แบรนด์ระดับ 3.5 หรือ 4 ดาว ของเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป อาจจะเป็นแบรนด์ฮอลิเดย์อินน์ รุกเจาะกลุ่มครอบครัวและจัดประชุมสัมมนา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2559 และเฟสที่ 3 เป็นคอนโดมิเนียม เปิดให้บริการในปี 2560

 

 


"จะเห็นว่าโครงการที่ผ่านมาของบริษัทเน้นลงทุนในหัวหิน อย่างโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลที่เปิดให้บริการไปแล้ว มีอัตราเข้าพักดีที่ 80% ใน 3 เดือนแรกของปีนี้ โดยมีนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียมากขึ้น และโครงการรีสอร์ทมอลล์ บลูพอร์ต ที่ร่วมทุนกับเดอะมอลล์กรุ๊ป ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2558 โดยหัวหินถือเป็นเมืองตากอากาศที่มีศักยภาพ สามารถแข่งขันกับเมืองนีซและคานส์ของฝรั่งเศสได้ แต่ยังมีจุดอ่อนสำคัญคือขาดแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายหลักของที่นี่ จุดนี้ถือเป็นโจทย์หลักของการพัฒนาโครงการสวนน้ำนี้ขึ้นมา" นางสาวพราวพุธกล่าว 

และว่า นอกจากนี้ยังเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้าง (แมนเมด) ระดับแม่เหล็กของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือรีจินอลแอตแทรกชั่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านท่องเที่ยวของไทย แข่งกับแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดอื่น ๆ ที่ผุดขึ้นในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เช่น มารีน่าเบย์แซนด์ และการ์เด้นบายเดอะเบย์ ในสิงคโปร์ หรือจะเป็นเลโก้แลนด์ และเก็นติ้งไฮแลนด์ ในมาเลเซีย ซึ่งสามารถดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้จำนวนมาก ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดคอนเซ็ปต์สวนน้ำในไทย ปัจจุบันมีสวนสยาม กรุงเทพฯ, แบล็คเมาท์เท่น หัวหิน, สวนน้ำในพัทยาอีก 2 แห่ง และซานโตรินี่ วอเตอร์ แฟนตาซี ชะอำ ที่กำลังพัฒนาโครงการเท่านั้น

"วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล จะต่างจากสวนน้ำอื่น ๆ โดยชูจุดขายสไตล์ทรอปิคอลใจกลางเมืองหัวหิน ไฮไลต์มีน้ำตกสูง 30 เมตร และยังมีพื้นที่รองรับตลาดการจัดงานอีเวนต์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ 5-6 แสนคนต่อปี จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาหัวหินมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้คาดว่าลูกค้าจะเพิ่มขึ้นอีก 40% หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่วนค่าบัตรผ่านประตูคาดตั้งราคาขายระหว่าง 600-1,000 บาท ประมาณการรายได้เบื้องต้นในปีแรกไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และคุ้มทุนภายใน 5 ปี"

สำหรับการออกแบบโครงการสวนน้ำนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ไวท์วอเตอร์เวสท์ อินดัสทรีส์ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอุปกรณ์และเครื่องเล่นสวนน้ำอันดับ 1 ของโลก จากประเทศแคนาดามาเป็นผู้ออกแบบ ซึ่งมีประสบการณ์การออกแบบโครงการสวนน้ำมาแล้วกว่า 5,000 โครงการทั่วโลก เช่น สวนน้ำแอตลานติสในบาฮามาสและดูไบ, ยัส วอเตอร์เวิลด์ ในอาบูดาบี, ชิมลอง วอเตอร์พาร์ค ในกว่างโจว ประเทศจีน และลอตเต้ วอเตอร์พาร์ค ในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังได้บริษัท A49 กรุ๊ป มาร่วมออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ขณะที่งานออกแบบแลนด์สเคปได้บริษัท เบลคอลลิน อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมออกแบบ

นางสาวพราวพุธกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทิศทางการลงทุนของพราว เรียลเอสเตท ในอนาคตจะลงทุนในทุก ๆ เซ็กเมนต์ ภายใต้รูปแบบมิกซ์ยูสต่อไป เกาะกระแสการท่องเที่ยวของไทยซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวดี เน้นลงทุนในกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบลงทุนเองและร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งในปีนี้จะพัฒนาเพิ่มอีก 2-3 โครงการ

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...