อันนี้อ่านแล้วน้ำตาไหลอย่างมาก2

ซึ้งมากๆๆ ลองอ่านดูแล้วกานน้า …….
ตั้งแต่แรกเริ่ม ครอบครัวของหญิงสาวก็กีดกั้นไม่ให้หญิงสาวคบกับชายหนุ่ม
>บอกว่าบ้านชายหนุ่มไม่มีฐานะเทียบเท่าบ้านเธอ
>ถ้าหญิงสาวไปอยู่กับชายหนุ่มก็จะต้องทนลำบากทั้งชีวิต
>ความกดดันจากทางบ้านทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเสมอ
>และทะเลาะกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย
>
>หญิงสาวนั้นรักชายหนุ่มมาก เธอถามชายหนุ่มบ่อยครั้งว่า
>"เธอรักฉันมากขนาดไหน?" แต่ชายหนุ่มเป็นคนพูดไม่เก่ง
>ทำให้หญิงสาวโกรธเขาหลายครั้ง
>บวกกับคำพูดของพ่อแม่เธอ ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
>ชายหนุ่มจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ
>เขาก็ทนยอมรับอย่างเงียบๆโดยไม่ว่าหญิงสาวเลยสักคำ
>
>หลังจากนั้น ชายหนุ่มเรียนจบมหาลัยแล้ว ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
>ก่อนไป เขาเอ่ยปากขอแต่งงานกับหญิงสาว
>"ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง ปากไม่หวาน แต่ผมรู้ว่าผมรักคุณมาก
>ถ้าคุณตกลงใจยินดี ผมก็จะดูแลปกป้องคุณตลอดชีวิต สำหรับครอบครัวคุณ
>ผมจะพยายามทำให้พวกเขายอมรับในตัวผม แต่งงานกับผมเถอะนะ ได้ไหม?"
>หญิงสาวตอบตกลงชายหนุ่ม และด้วยความพยายามของชายหนุ่ม
>พ่อแม่ของหญิงสาวก็ยอมรับเขา ในที่สุด ชายหนุ่มและหญิงสาวได้หมั้นกัน
>ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปเมืองนอกไม่นานนัก
>
>ชายหนุ่มไปเรียนหนังสืออยู่ต่างแดนเพียงลำพัง
>ส่วนหญิงสาวก็คงยังอยู่ภายในประเทศ และออกมาทำงานแล้ว
>ชายหนุ่มไม่อาจกลับมาเยี่ยมหญิงสาวได้ เพราะเขาต้องใช้เงินอย่างประหยัด
>ส่วนหญิงสาวก็ไม่มีเวลาไปหาชายหนุ่มได้
>ทั้งสองจึงได้แต่เพียงติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และจดหมาย
>
>แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงยังมั่นคงมิได้เปลี่ยนแปลงสักนิด
>
>วันหนึ่ง หญิงสาวออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ
>ระหว่างทางที่เดินไปสู่ป้ายรถเมลล์
>มีรถคันหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าหาเธอ............
>
>เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอเห็นพ่อแม่อยู่ข้างเตียง
>ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส
>โชคยังดีที่ว่าไม่ถึงกับชีวิต หญิงสาวเห็นพ่อแม่เธอร้องไห้โศกเศร้าไม่หยุด
>จึงเอ่ยปากคิดจะปลอบโยนพวกเขา แต่เธอได้พบว่า...
>เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ
>เธอพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาให้ได้
>แต่ก็ทำได้แค่มีเสียงคล้ายเสียงหอบเท่านั้น
>หญิงสาวกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว...
>
>หมอบอกว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ หญิงสาวนอกจากบาดเจ็บที่ขาแล้ว
>สมองยังถูกกระทบกระเทือน
>เพราะฉะนั้นหญิงสาวจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต
>หญิงสาวได้แต่รับฟังคำปลอบโยนของพ่อแม่เธอ
>แต่เธอไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย หญิงสาวสิ้นหวังแล้ว...
>หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน...
>
>หลังจากนั้น หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลและพักอยู่ที่บ้าน
>ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม มีแต่เพียงเสียงโทรศัพท์ในห้องเธอ
>กลายเป็นฝันร้ายที่มาทรมานเธอ
>แต่ละครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเหมือนดังมีดคมทิ่มแทงเข้าไปในใจเธอ
>ความทรมานที่เธอต้องทนรับก็ไม่อาจจะบอกให้ชายหนุ่มรู้ได้
>เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา
>จึงเขียนจดหมายบอกชายหนุ่มว่าเธอไม่อยากจะรอเขาอีกต่อไป
>เธอกับเขาจบสิ้นกันแล้ว และเธอก็ส่งแหวนหมั้นกลับไปให้เขาด้วย
>
>หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้กับจดหมายและโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่มีมาไม่ขาด
>เธอได้แต่น้ำตาไหลรินเต็มหน้าทุกวัน
>พ่อของหญิงสาวไม่อาจทนเห็นเธอต้องทนทรมานเช่นนี้อีกต่อไป
>จึงตัดสินใจย้ายบ้าน
>หวังอยากให้หญิงสาวลืมความทุกข์นั้นและอยู่อย่างมีความสุขมากกว่านี้
>เมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว หญิงสาวก็ดีขึ้นหน่อย
>เธอค่อยๆหัดเรียนใช้ภาษามือแทนคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่
>เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าให้ลืมชายหนุ่มเสีย
>
>วันหนึ่ง เพื่อนสนิทของหญิงสาวบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มกลับมาแล้ว
>และออกตามหาเธอไปทั่ว หญิงสาวขอร้องเพื่อนเธอว่า
>อย่าบอกเรื่องของเธอให้ชายหนุ่มรู้ เรียกให้เขาลืมเธอเสีย
>หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอีกเลย
>เวลาผ่านไปได้ปีกว่า เพื่อนของหญิงสาวมาบอกกับเธออีกว่า
>ชายหนุ่มจะแต่งงานแล้วและขอร้องให้เธอเอาการ์ดแต่งงานมาให้หญิงสาว
>
>หญิงสาวได้รับฟังแล้วก็เศร้าใจมาก เธอเปิดการ์ดนั้นด้วยมือสั่น
>แต่กลับเห็นชื่อเธอเ องบนการ์ดใบนั้น
>เมื่อหญิงสาวกำลังจะถามเพื่อน ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ
>ใช้ภาษามือที่แข็งกระด้างบอกกับหญิงสาวว่า "ผมใช้เวลาปีกว่าที่ผ่านมา
>บังคับให้ตัวเองหัดใช้ภาษามือให้ได้ เพื่อที่จะบอกกับคุณว่า
>ผมไม่เคยได้ลืมสัญญาระหว่างเราสองคนเลย
>โปรดให้โอกาสผมได้เป็นเสียงให้แทนคุณ ผม-รัก-คุณ"

T T
#T
seezatremkub
คนดู
24 ก.พ. 53 เวลา 11:53 1,255 3 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...