มท.-ดีเอสไอลุยสอบปลอมบัตรปชช.ไทย

“มท.-ดีเอสไอ” จับมือตั้งทีมงานร่วมตรวจสอบต่างด้าวสวมบัตรประชาชนไทย แฉล่าสุดพบสวมสิทธิ์แล้วกว่า 1 แสนใบ ชี้มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมขบวนการ คิดค่าใช้จ่าย 1-2 แสนบาทต่อใบ

วันนี้ ( 23 ม.ค. ) ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกันหารือถึงความร่วมมือในการแก้ปัญหาการปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์โดยการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของคนต่างด้าว หลังจากหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ได้หารือกับดีเอสไอ เพื่อทำความร่วมมือด้านงานการทะเบียนราษฎร์และบัตรประจำตัวประชาชน ตามที่ดีเอสไอได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและกระบวนการค้ามนุษย์มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านเพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นคนไทย

นายจารุพงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มท.และดีเอสไอจะร่วมมือเพื่อปราบปรามโดยนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์มาใช้ในการตรวจสอบค้นหาข้อมูลจะสามารถติดตามต้นตอของผู้กระทำความผิดได้ โดยมอบให้ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครองและ ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ของดีเอสไอ ประสานงานในการแลกเปลี่ยนข่าวสารและเบาะแสการกระทำความผิด และให้มีทีมงานร่วมของสองหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานทะเบียนที่พบว่ากระทำผิด เพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีทางกฎหมาย เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนได้เป็นอย่างดี

รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เคยมีข่าวการทำหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ผิดพลาด ได้รับการชี้แจงว่าหลักฐานที่ไม่ได้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือหลักฐานที่มีก่อนปี 2535 อาจจะไม่ได้บันทึก อย่างไรก็ดีกระทรวงได้กำหนดมาตรการให้เดือนก.พ. 2556 เป็นเดือนแห่งการตรวจสอบและสะสางหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ให้ถูกต้อง หากหลักฐานไม่ถูกต้องให้มาแก้ไขที่สำนักงานทะเบียนที่ว่าการอำเภอได้ โดยกรมการปกครองจะเน้นให้บริการเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษในช่วงเดือนก.พ. ทั้งนี้ในอนาคตกระทรวงจะปรับปรุงระบบทะเบียนราษฎร์ให้ครอบคลุมข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อให้งานการทะเบียนสนับสนุนแผนและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ

ด้าน นายธาริต กล่าวถึงปัญหาขบวนการปลอมบัตรประชาชนซึ่งดีเอสไอ จะลงพื้นที่ตรวจสอบการทำบัตรประชาชนปลอมให้คนต่างด้าวใน อ.เวียงแห จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องน่าห่วงมากยิ่งขึ้น เพราะแต่เดิมพบการลักลอบ เพื่อเข้ามาพักอาศัยจึงต้องการได้สัญชาติเพื่อให้อยู่ในประเทศไทยได้ แต่ปัจจุบันต้องการทำบัตรประชาชนเพื่อแฝงตัวกระทำความผิดในลักษณะเป็นอาชญากรข้ามชาติร้ายแรง ขณะนี้ยอมรับว่าแม้จะมีไม่มาก แต่เพียงแค่รายเดียวก็สร้างปัญหาได้ เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวน

ด้านพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กล่าวว่า การเพิ่มชื่อในทะเบียนและการสวมชื่อทำบัตรประชาชนเคยเกิดขึ้นแล้วกับกลุ่มนักค้ายาเสพติดชื่อดัง เหว่ย เซียะ กัง ที่มีบัตรประชาชนไทย ชื่อ นายชาญชัย ชีวินนิติปัญญา และนายสุชาติ พันธุ์เลิศกุล กรณี นายสมชัย รักยอดยิ่ง ตัวการรายสำคัญในการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน กลุ่มคนเหล่านี้เมื่อถูกดำเนินคดีก็จะหลบหนีออกนอกประเทศไทยและอ้างว่าไม่ใช่คนไทย ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบการทำบัตรประชาชนให้คนต่างด้าวจะแยกตามประเภทและค่าใช้จ่าย เช่น สวมตัวเพื่อทำบัตรในหมวดเลข 3 ซึ่งเป็นคนไทย เกิดก่อนปี 2527 หรือการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านเพื่อขอออกบัตรในหมวดเลข 5 ซึ่งเป็นบัตรประชาชนสำหรับบุคคลที่พ่อแม่ลืมแจ้งเกิด บัตรใน 2 หมวดนี้ จะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 1.2-1.8 แสนบาท นอกจากนี้ยังออกบัตรประจำตัวประชาชนในหมวดเลข 6 และ 8 ด้วย ในหมวดดังกล่าวจะออกให้กับชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในไทยมานาน

ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กล่าวต่อว่า ในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบขบวนการสวมสิทธิเพิ่มชื่อทำบัตรประชาชนได้วางแนวทางการตรวจสอบทางเทคนิค ซึ่งจะประมวลเอกสารที่ยื่นประกอบการขอมีบัตรประชาชนปลอมประมาณ 1 แสนแผ่น ซึ่งตั้งเป้าจะตรวจสอบและเพิกถอนให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน นอกจากนี้ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้เข้าชี้ข้อมูลนักค้ายาเสพติดที่สวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยและประสานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)เข้าตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมมือกับขบวนการปลอมบัตรประชาชน.

23 ม.ค. 56 เวลา 23:44 7,469 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...