มาดูกันว่าในช่วงเยาว์วัย คุณโดนครูยึดของอะไรไปบ้าง

 

 

 

ช่วงชีวิตที่เราเกิดมาผมเชื่อว่าเราเคยเล่นสนุกมาเยอะ และก็มีของเล่นเยอะแยะมากมาย เมื่อมีแล้วหลายๆ คนก็ต้องนำไปอวดบารมีที่โรงเรียนว่า “ตูมีไอ้นี่ พี่มีไอ้นั่น” พออวดเสร็จปุ๊บก็จะเกิดการไม่ยอมกัน มันมีเราก็ต้องมีบ้าง ในที่สุดก็เกิดเป็นสงครามกิเลสขนาดย่อม และเมื่อในห้องเรียนมีคนพกของเล่นมามากเกินไป ผู้ที่จะทำลายวงจรนี้ได้ก็คือคุณครู ที่จะเข้ามายึดๆๆๆๆๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจทำให้เด็กๆ ไม่สนใจเรียนหนังสืออย่างที่ควรจะเป็น และบทความพิเศษในวันนี้จะพาพวกเราย้อนอดีตสมัยที่ยังหัวเกรียนอยู่ในรั้วโรงเรียนเพื่อดูกันว่าอะไรบ้างที่คุณครูชอบยึดไป
สติ๊กเกอร์โดเรม่อน
ผมกระดากปากที่จะเรียกสิ่งนี้ว่าสติ๊กเกอร์โดเรม่อน เพราะสมัยเด็กผมเรียกมันว่า “ไพ่เขี่ย” เพราะนอกจากจะใช้แปะลงบนสมุดสะสมให้ครบทั้งเล่มแล้ว เด็กๆ ยังนิยมเอามาเล่นเขี่ยเพื่อกินไพ่กันอีกด้วย (กินไพ่หมายถึงเอาไพ่ของอีกฝ่ายมาเป็นของตน ไม่ได้หมายถึงรับประทานไพ่นะฮะ ติดคอตายห่านนะขอบอก...) ยิ่งเขี่ย ยิ่งเล่นกันเต็มโรงเรียน จนบางรายอดใจไม่ได้ต้องเล่นในเวลาเรียน สุดท้ายโดยครูยึดไปตามระเบียบ
 
ดินน้ำมัน/ลูกแก้ว
การละเล่นของเด็กทุกยุคทุกสมัยที่เชื่อว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังมีการเล่นกันอยู่ กับการปาดินน้ำมัน หรือการดีดลูกแก้ว ซึ่งตัดสินกันว่าใครจะทอยลูกแก้วใกล้หลุมมากกว่ากัน ซึ่ง 2 สิ่งนี้เป็นของที่จะถูกยึดเป็นอันดับต้นๆ ของสถานศึกษาไทย ทันทีที่ครูพบเห็นคุณเตรียมบอกลาพวกมันได้เลย
 
ดิจิม่อน / ทามาก็อตจิ
ใครที่เกิดทันช่วงทามาก็อตจิครองโลก ในโรงเรียนช่วงนั้นใครที่ไม่มีทามาก็อตจิไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนจะต้องอิจฉาตาร้อนอ้อนพ่อแม่ให้ซื้อให้จนในที่สุดก็มีทามาก็อตจิทั้งของแท้, ของจีนแดงเต็มเกลื่อนโรงเรียนไปหมด และด้วยความที่เจ้าสัตว์เลี้ยงดิจิตอลชนิดนี้ส่งเสียงปิ๊บๆๆ แทบตลอดเวลา ทั้งขอของกิน, เดี๋ยวป่วย, เดี๋ยวขี้, เดี๋ยวตด เราก็ต้องก้มไปกดๆ ป้อนอาหาร, ฉีดยา, ราดส้วมกันไปตามอาการ ทำให้สมาธิของการเรียนนั้นขาดช่วง ในที่สุดเดือดร้อนถึงทางโรงเรียนต้องประกาศห้ามนำทามาก็อตจิไปเล่นที่โรงเรียนโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกยึดและไม่มีการคืนใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อมั้ยครับว่ามีคนที่กล้าท้าทายโดยการนำทามาก็อตไปเล่นที่โรงเรียนจนในที่สุดก็โดนยึด!! จ๋อยไปเลย
 
เครื่องเกม Handheld ต่างๆ
เครื่องเกม Handheld หมายถึงเครื่องเล่นเกมพกพา สมัยนั้นก็จะเป็น เกมบอย (รุ่นแรก จอเขียวๆ นั่นแหละ) หรือถ้ามีเงินหน่อยก็เกมเกียร์ ซึ่งตอนนั้นถ้าใครพก 2 สิ่งนี้ไปโรงเรียน นั่นหมายถึงไอ้นั่นมันต้องบ้านรวยมาก เพื่อนๆ ทุกคนจะต้องกลุ้มรุมขอยืมเล่น และคนที่มีเครื่องเกมก็จะต้องยึกยักไม่ให้ใครยืม แล้วก็นั่งแท่นเล่นโชว์กันต่อไป แต่เมื่อใดที่ใจอ่อนให้เพื่อนยืมเมื่อไหร่ เกมของคุณจะถูกเล่นและส่งต่อไปเป็นทอดๆ ตามคิว และพวกที่รอต่อคิวก็นั่งเล่นไปเรื่อยๆ ตามใจฉัน ไม่แคร์สื่อสิ่งพิมพ์อะไรใดๆ ทั้งสิ้น แม้ในเวลาเรียน และพฤติกรรมเหล่านี้มักจะถูกครูพบเห็นเสมอจนสุดท้ายก็โดนยึด!!
 
หนังสือการ์ตูน
ตอนเด็กๆ ใครไม่อ่านการ์ตูนบ้าง? อาจจะมีจำนวนไม่น้อยที่ยกมือ และนั่นหมายถึงคุณคงไม่เคยมีประสบการณ์ในข้อนี้ สำหรับหนังสือการ์ตูนที่เอาไปนั้นมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ซื้อมาเอง กับ เช่าร้านหนังสือมา ซึ่งถ้าซื้อมาเองก็คงไม่มีปัญหาเพราะจะอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พวกที่เช่ามาเนี่ยคือมันเสียเงินไปแล้ว ก็ต้องอ่านให้ทันภายในวันเดียว และส่วนใหญ่พวกนี้มักจะสอดหนังสือการ์ตูนไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะ แล้วก้มอ่านแบบเนียนๆ เพราะคิดว่าจะหลบสายตาครูพ้น แต่เหมือนก็เหมือนนกกระจอกเทศในการ์ตูนแหละครับ ถึงจะเอาหัวมุดดินแต่ตัวก็ยังโผล่หราขึ้นมาอยู่ดี...
 
โทรศัพท์มือถือ
สมัยนั้นมีแค่โนเกีย 3310 พวกเราก็เล่นเกมงูกันจนมือถือโดนยึดแล้ว ยิ่งสมั้ยนี้มี iPhone, Android ซึ่งดาวน์โหลด App มาเล่นเกมกันสะดวกโยธิน มีหรือจะไม่ถูกยึดหากเล่นในเวลาเรียน สำหรับระยะเวลาในการยึดนั้น ครูบางท่านอาจจะยอมคืนให้ตอนหมดคาบเรียน แต่ถ้าเจอคุณครูที่เข้มงวด ท่านจะไม่คืนให้จนกว่าจะเชิญผู้ปกครองมารับคืน และรับทราบพฤติกรรมของลูก
 
และนี่คือสิ่งของที่มักจะถูกครูยึดมากที่สุด นี่ยังไม่นับโรงเรียนช่างที่มีสิ่งของให้ยึดมากกว่านี้อีกเพียบซึ่งผมจะไม่ขอพูดถึงละกันครับ เอาเป็นว่าสิ่งที่คุณครูทำนั้นไม่ได้หมายถึงการขัดความสำราญของเรา แต่ทำเพื่อให้เราตั้งใจศึกษาจะได้มีอนาคตที่ดี และเก็บประสบการณ์การโดนยึดของเล่นมาเล่าสู่กันฟังอย่างที่ผมทำอยู่นี่ไง แล้วเพื่อนๆ เคยโดนยึดอะไรที่แปลกกว่านี้อีกมั้ยครับ ^^
 
ที่มา:  http://board.postjung.com/645747.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...