เผยวงจรปิดล่าแขกโหด-ฆ่าเปลือยเจ๊บาร์เบียร์เชียงใหม่

 จากคดีสะเทือนขวัญพบศพน.ส.ดวงเดือน ฮาร์ริส หรือเจ๊อ้อย อายุ 41 ปี เจ้าของร้านบาร์เบียร์ ถูกคนร้ายฆ่าเปลือยหมกศพในเกสต์เฮาส์กลางเมืองเชียงใหม่ ปลดทรัพย์สินไปหมดตัว เบื้องต้นพบคนร้ายเป็นชาวต่างชาติลักษระคล้ายแขกชาวอินเดีย หรือปากีสถาน ซึ่งใช้พาสปอตปลอมเปิดห้องพักเอาไว้ก่อนลวงเหยื่อมาหลับนอนและลงมือสังหาร ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

 ความคืบหน้าวันที่ 19 ต.ค. พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ รอง ผบช.ภาค5 รียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี พร้อมมอบแนวทางสืบสวนสอบสวน โดยมีพ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รองผบก.ภ.เชียงใหม่, พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผกก.สภ.เมือง, พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รองผกก.สภ.เมือง, เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภ.5, ชุดสืบสวนภ.เชียงใหม่และ ชุดสืบสวนสภ.เมืองเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุม

 จากรายงานการสืบสวนพบว่าคนร้ายรายนี้เป็นชาวต่างชาติ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเข้ามาประเทศไทยเมื่อใด ทราบแต่ว่าเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางรถทัวร์ลงที่ขนส่งอาเขต จากนั้นนั่งรถยนต์โดยสารสี่ล้อแดงเข้าพักที่ลายไทยเกสต์เฮาส์ที่เกิดเหตุ ต่อมาวันที่ 15 ต.ค.คนร้ายพบกับผู้ตายซึ่งชอบสวมเครื่องประดับทั้งแหวนทองและสร้อยทองจำนวนมาก จนคนรู้จักชอบล้อว่าเป็นตู้ทองเคลื่อนที่

 จากคำให้กานของพยานและการสอบทราบทราบว่า คนร้ายเข้ามาตีสนิทและจ้างให้เตจ๊อ้อย พาเที่ยวเชียงใหม่ โดยตกลงให้ค่าจ้างเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จากนั้นวันรุ่งขึ้นเจ๊อ้อยพาคนร้ายแวะมาที่บาร์เบียร์ก่อนออกไปด้วยกัน และหายไปกระทั่งพบเป็นศพ จากการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตาพบว่า สร้อยคอมือทองคำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือทองคำฝังเพชร หนัก 2 บาท แหวนทองคำฝังเพชร นาฬิกายี่ห้อกุชชี่ สีทอง หน้าปัดกลมทองสลับเงินแบบกำไลหายไป ส่วนลักษณะของการสังหารของคนร้าย แพทย์ระบุว่าใช้เชือกรัดคอ ก่อนใช้ของแหลมเป็นขวดปากฉลามแทงเข้าที่ลำคอ 1 แผล และแทงหน้าอกอีก 2 แผล

 พร้อมกันนี้ตำรวจตรวจดูกล้องวงจรปิดและข้อมูลการเข้าพักของคนร้ายพบว่าคนร้ายพาเจ๊อ้อยเข้าห้องพักเมื่อเวลา 02.17 น.วันที่ 17 ต.ค. โดยคนร้ายใส่เสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขายาวแบบหลวมสีขาว ส่วนผู้ตายใส่กระโปรงสีดำ จากนั้นเวลา 08.20 น. วันเดียวกันเห็นภาพคนร้ายอายุประมาณ 35-45 ปี ตำหนิรูปพรรณครั้งสุดท้ายที่หลบหนี สวมแว่นตาสีดำ เสื้อเชิ๊ตสีขาว กางเกงขายาวสีสว่าง สะพายกระเป๋า เดินออกจากเกสต์เฮาส์และไม่กลับมาอีกเลย

 พ.ต.อ.วีระวุฒิ กล่าวว่าประสานกับตำรวจตม .เพื่อขอดูรายชื่อผู้ต้องสงสัยเข้าออกประเทศ โดยตม.นำภาพของผู้ต้องสงสัยมาตรวจสอบจำนวน 4 ราย แต่ไม่ตรงกับภาพกล้องวงจรปิด และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่เกสต์เฮาส์ ทราบว่าคนร้ายลงชื่อเข้าพักเป็นภาษาอังกฤษคำว่า‘SMR’ ระบุเป็นชาวอินเดีย ซึ่งไม่สามารถอ่านได้และไม่มีความหมายใดๆ โดยช่วงมาเปิดห้องไม่ได้แสดงพาสปอร์ตด้วย

 “ส่วนคนร้ายหนีออกนอกประเทศแล้วหรือไม่นั้น กำลังประสานกับทางตำรวจตม. ตรวจสอบและประสานไปยังตำรวจทั่วประเทศสกัดจับโดยนำภาพจากกล้องวงจรปิดกระจายไปทั่วตามจุดแหล่งต่างๆ แล้วทั้งขนส่ง สนามบิน ร้านทอง โรงรับจำนำต่างๆ รวมทั้งตำรวจทุกโรงพัก”พ.ต.อ.วีระวุฒิ กล่าว
 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...