ตำนาน มนุษย์หมาป่า !?

ตำนาน มนุษย์หมาป่ามนุษย์มักพยายามแยกตัวเองออกจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอะไรก็ตามที่ทำให้ขอบเขตระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลือนรางมักเป็นสิ่งที่น่ากลัวและสับสนเลื่อนลอยความไม่แน่ชัดในขอบเขตของคนและสัตว์มีให้เห็นดังเช่นในเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่เป็นทั้งคนและสัตว์มันสามารถกลายร่างไปเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้โดยอาศัยอำนาจของปิศาจสิ่งมีชีวิตที่ว่านี้มักมีลักษณะความชั่วร้ายของทั้งสองฝ่ายมารวมกันในพุทธศตวรรษที่ 21 เชื่อกันว่าแม่มดสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ได้อย่างเช่นหมีหรือหมาป่าเสียงหมาหอนเป็นสัญลักษณ์ของภาพยนตร์สยองขวัญทำให้เราขนลุกได้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงมันจะเห็นว่าเป็นอิทธิพลของภาพยนตร์อีกเหมือนกันที่มีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่น่ากลัวของสัตว์ชนิดนี้แม้จะมีการทำสารคดีถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ของหมาป่าที่แท้จริงว่ามันไม่ได้มีความลึกลับที่ทำให้น่ากลัวแต่อย่างใดสารคดีช่วยนำเสนอธรรมชาติของหมาป่าที่รักสงบล่าเพื่อเป็นอาหารเท่านั้นและมีลักษณะเป็นสัตว์สังคม

พระจันทร์เต็มดวงมีอิทธิพลกับหมาป่า ?

 สารคดีอาจทำให้มุมมองเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจลบภาพความลึกลับที่หมาป่า อาจกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งมนุษย์และออกทำร้ายผู้คนไปได้หมดสิ้น ถิ่นใดที่มีหมาป่าก็มักจะเชื่อว่าต้องมีมนุษย์หมาป่าอยู่อย่างแน่นอน

ว่าคำ หมาป่ามนุษย์ มาจากคำภาษาอังกฤษว่า werewolf เราคงจะพอคุ้นกับคำนี้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าชื่อว่า ในปารีส American Werewolves แม้จะเป็น ภาพยนตร์แนวตลกแต่ก็มีพื้นฐานมาจากความเชื่อจริงๆ เป็น เป็นคำอังกฤษดั้งเดิมแปลว่ามนุษย์และ สุนัขป่า ก็แปลว่าหมาป่ารวมกันแล้วเป็น หมาป่ามนุษย์ ส่วนในท้องถิ่นอื่นที่ไม่มี หมาป่าก็จะมีมนุษย์กึ่งสัตว์ที่มีในท้องถิ่นเช่นมนุษย์สิงโตในอัฟริกา มนุษย์เสือดำในอเมริกาใต้และมนุษย์เสือ หรือเสือสมิงในอินเดียในไทยก็มีเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับเสือสมิงเช่นกัน สอบถามได้จากนายพรานหรือพนักงานป่าไม้ที่คลุกคลีใกล้ชิดกับป่าและสัตว์ ธรรมชาติมักมีสิ่งที่น่าพิศวงแอบแฝงอยู่เสมอเชื่อกันว่า พระจันทร์เต็มดวงมีอิทธิพลกับการเป็นมนุษย์หมาป่ามากคนธรรมดาไม่ควรอยู่นอกบ้านในคืนพระจันทร์เต็มดวงเพราะอาจมีอันตรายจาก มนุษย์หมาป่าได้ มนุษย์หมาป่าถ่ายทอดได้จากการดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมา

การเป็นมนุษย์หมาป่านั้นเชื่อว่าถ่ายทอดได้หลายทางทางหนึ่งคือ การดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมาป่าดื่ม บางครั้งคนธรรมดาก็โดนคำสาปให้เป็นมนุษย์หมาป่าเชื่อกันว่ามนุษย์หมาป่า ถ่ายทอดถึงลูกหลานได้นักปราชญ์ชาวสวิสชื่อพาราเซลซุสในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ว่ามนุษย์หมาป่าคิด เป็นการกลับมาของดวงวิญญาณของคนที่มีบาป และเคยทำความชั่วไว้ในขณะมีชีวิตอยู่ คนที่เป็นลักษณะของ มนุษย์หมาป่าสังเกตได้คือมีขนตามร่างกายมากผิดปกติหรือมีลักษณะการเดินแปลกๆ คนอยากเป็นบาง มนุษย์หมาป่าและใช้เวทมนตร์คาถาที่มีเฉพาะให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าต้องประกอบพิธีกรรมเริ่มด้วยการเปลื้องผ้าร่ายมนต์ สวมใส่เข็มขัดและหน้ากากขนหมาป่าไม่ว่าการกลายร่างเป็น มนุษย์หมาป่าจะเป็นไปโดยตั้งใจหรือไม่ มันก็จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางคืนในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหยื่อที่ถูกล่ามีทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยมากจะเป็นเพศหญิงที่ยังอยู่ในวัยแรกรุ่น

ในคืนนั้นจะมีการล่าเกิดขึ้นเหยื่อที่ถูกล่ามีทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยมากจะเป็นเพศหญิงที่ยังอยู่ในวัยแรกรุ่น เหยื่อถูกทำร้ายและถูกประทุษร้ายทางเพศด้วยมนุษย์หมาป่า ที่ถูกจับได้จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เมื่อถูกฆ่าตายแล้วแต่ถ้าการเป็นมนุษย์หมาป่า นั้นไม่ได้เต็มใจจะเป็นก็สามารถรักษาให้หายได้โดยการเสียเลือด 3 หยดหรือถูกเรียกชื่อจริงในขณะที่ยังเป็นหมาป่าอยู่ เชื่อว่าไม้บางชนิดสามารถป้องกันมนุษย์หมาป่าได้เช่นกิ่งมะกอก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วไม่มีอะไรหยุดพวกมันได้ปีโทษคือประหารโดยการเผา

พศ..2,053 ที่ประเทศฝรั่งเศสชีลส์ การ์นิเยร์ (Farnier Gilles) ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่าที่จู่โจมทำร้ายผู้คน มีพยานเห็นเขาทำร้ายผู้คนขณะอยู่ในร่างมนุษย์หมาป่าลีลส์ ถูกจับและถูกทรมานจนยอมรับสารภาพในที่สุดว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่า เขาสารภาพรายละเอียดการทำร้ายและกล่าวว่าเขาได้กินเนื้อของเหยื่อด้วยโทษของเขาคือ ประหารโดยการเผาการล่าหมาป่า
อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์หมาป่า เป็นตัวแทนของพฤติกรรมแฝงด้านมืดที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน

พ.ศ. 2,053 ที่ประเทศฝรั่งเศสชีลส์การ์นิเยร์ (Gilles Farnier) ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่าที่จู่โจมทำร้ายผู้คนมีพยานเห็นเขาทำร้ายผู้คนขณะอยู่ในร่างมนุษย์หมาป่าลีลส์ถูกจับและถูกทรมานจนยอมรับสารภาพในที่สุดว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่าเขาสารภาพรายละเอียดการทำร้ายและกล่าวว่าเขาได้กินเนื้อของเหยื่อด้วยโทษของเขาคือประหารโดยการเผาการล่าหมาป่าอาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์หมาป่าเป็นตัวแทนของพฤติกรรมแฝงด้านมืดที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 ในฝรั่งเศสทำให้จำนวนของหมาป่าลดลงและเรื่องของมนุษย์หมาป่าก็เลยน้อยลงตามไปด้วยมีการพยายามที่จะอธิบายและหาสาเหตุของความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าแต่ก็มีเพียงสมมุติฐานเท่านั้นหาข้อเท็จจริงไม่ได้มีการสันนิษฐานว่าสภาพมนุษย์หมาป่าอาจเป็นอาการป่วยทางจิตที่บางคนคิดว่าตนเป็นมนุษย์หมาป่าและพยายามปฏิบัติตัวว่าเป็นจริงไม่ว่าข้อสันนิษฐานจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครหาข้อพิสูจน์ได้ว่าเหตุใดมนุษย์จึงเชื่องมงายเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าไม่มีที่สิ้นสุดอาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์หมาป่าเป็นตัวแทนของพฤติกรรมแฝงด้านมืดที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน

ผีดูดเลือด หรือ แวมไพร์ (แวมไพร์)

 

เป็นมนุษย์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีพลังปิศาจแม้ว่าผีดูดเลือดจะอยู่ในร่างของมนุษย์ มันก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ มันคือคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมาจากโลงมีชีวิตใหม่โดยดูดเลือดเป็นอาหาร    ทุกสังคมรู้จักสังคมแทบ ผีดูดเลือดผีดูดเลือดปรากฎครั้งแรกในอาณาจักรบาบิโลเนีย ใน *** บศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4.000 ปีมีตำนานเกี่ยวกับผีดุดเลือดมากมายในอินเดีย จีนกรีกโรมันมาเลเซียและไทยก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับกันผีดูดเลือดเช่น ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่าผู้หญิงที่เสียชีวิตในขณะหรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทยก็เห็นจะเป็นกระสือหรือปอบที่เรารู้จักกัน ประเพณีโบราณมักมีวิธีป้องกันผีพวกนี้และบางประพณีก็สืบทอดมาถึงปัจจุบัน

ในแถบตะวันตกผีดูดเลือดเป็นที่รู้จักกันในนามแวมไพร์ ปรากฏในอังกฤษครั้งแรกในปีพ. ศ.2,275 ว่าเป็นแวมไพร์ตามบันทึก ชาวเซอร์เบีย (เบียเซอร์: แคว้นในยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารกรีกใน ด้วยท่าทีที่แปลกไปเขาผู้นั้นคือ อาร์โนลด์เปาเล (Paole Arnold) เปาเลยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่าเขาโดนแวมไพร์ ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็นแวมไพร์ไปด้วยเปาเล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมาแต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่ามีรอยเลือดอยู่ที่ปากการที่จะพิสูจน์ว่าเป็น แวมไพร์หรือไม่นั้นทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจศพของเปาเล ถูกพิสูจน์และด้วยความประหลาดใจ


ในขณะที่ตอกหมุดนั้นมีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วยศพของ เปาเลถูกเผาตามขั้นตอนของพิธีกรรมทางความเชื่อหลายปีต่อมาก็ยังมีกรณีของแวมไพร์ ตัวอื่นอยู่ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหยื่อของเปาเลจึงสรุปได้ว่าแวมไพร์ ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด

 บันทึกพในปี. ศ.2,306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ องจากรูสโซฌ (Jean-Jacques Rousseau) กล่าวว่าในปีนั้นมีพยานหลายคนทั้งที่เป็นแพทย์ นักบวชและพนักงานปกครองได้พบเห็นแวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรมจนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริงมีทั้งสองเพศแต่โดยมากจะเป็นเพศชายมีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียวและมีดวงตาที่หาแข็งกร้าวมักออกกลางคืนเหยื่อในเวลา และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้ามป้องกันได้โดยใช้กระเทียมการเป็นแวมไพร์ นั้นเป็นไปโดยไม่ได้สมัครใจและก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับปิศาจหรือเวทมนตร์ เท่าใดนักแวมไพร์แม่มด มักเป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย ผู้บริสุทธิ์ก็เป็นแวมไพร์ได้โดยตกเป็นเหยื่อของพวกมัน

 บุคคลที่มีความแตกต่างไปจากคนอื่นและมีการตายอย่างประหลาดนั้นมักถูกเชื่อว่า จะเป็นแวมไพร์อย่างแน่นอนบุคคลใดที่มีลักษณะคล้ายแวมไพร์ จะถูกกีดกันจากสังคมทันทีการกำจัดแวมไพร์ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวันตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็นแวมไพร์ ความเชื่อของโดย ชาวโรมันให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัดแวมไพร์ หรือกำจัดได้โดยวิธีเดียวกับที่ทำกับแวมไพร์เปาเล

ทะศตวรรษที่ปลายพุ 19 ชาวไอริชเมื่อนักเขียน บรามสโตกเกอร์ (Bram เตากรรมกรคุม) แต่งนิยายเรื่องได้ แดรกคูลา (Dracula) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งที่แปลว่าผีดูดเลือดแดรกคูลาเป็นลูกชายของ แดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้ายทารุณแดรกคูล เป็นสมญานามที่แปลว่าปิศาจซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือดและแดรกคูลาก็แปลว่าลูกชายของปิศาจ

ในนิยายแดรกคูลาเกิดในทรานซิลวาเนีย (Transylvania

#เรื่องแปลกลี้ลับ
123581321
นักแสดงรับเชิญ
20 ม.ค. 53 เวลา 13:11 8,822 4 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...