ป้านงค์ กะเทยเฒ่า คนต้นเรื่อง คนค้นคน จากไปอย่างสงบแล้ว

 

Mthainews: วานนี้(15ก.พ.) มีการรายงานจากเฟสบุ้ค ของทีมงานคนค้นฅน ระบุว่า ป้านงค์ ชื่อจริงในบัตรประจำตัวประชาชน คือ นายสวิง นิศากรเสน นางโชว์กะเทยที่มีอายุมากที่สุดในโลก ได้จากไปอย่างสงบแล้ว โดยทีมงานได้ติดต่อจัดการเรื่องทำศพของป้างนงค์แล้ว ซึ่งศพป้านงค์จะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแก้วแจ่มฟ้า ถ.สี่พระยา ศาลา 5 เป็นเวลา 3 วัน

ทั้งนี้ ทีมงานระบุว่า เพื่อนบ้านในห้องเช่ามาช่วยกันแต่งชุดนางรำซึ่งเป็นสิ่งที่ป้านงค์ได้ขอเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ทีมงานโทรไปหาพี่จิ๊ก เนาวรัตน์ รบกวนให้มาช่วยแต่งหน้าให้ป้านงค์ พี่จิ๊กก็ให้ทีมงานพาไปหาป้านงค์ที่ศาลาตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อขอแต่งหน้าให้ทั้งที่ตนเองต้องเดินทางไปเนปาลเช้าวันนี้(16ก.พ.)

ชีวิตของป้านง เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่กะเทยทุกรุ่นทุกวงการในชื่อ “ป้านงค์” ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก “นวลอนงค์” ดำรงเลี้ยงชีพตัวคนเดียวด้วยการเป็น “นางโชว์” ในบาร์เกย์แห่งหนึ่งบนถนนสุรวงศ์  ความนิยมเลือนหายไปพร้อมกับอายุที่มากขึ้น ไม่มีใครอยากจ้าง

ป้านงค์ เล่าว่า “ช่วงชีวิตในวัยเด็กของป้ายอมรับว่ามีปมด้อย ด้วยครอบครัวที่ยากจน พ่อเป็นทหารสมัยสงครามอินโดจีนที่ติดฝิ่น แม่ต้องลำบากเลี้ยงดูลูกทั้ง 7 คน ในย่านบางลำพู ตอนเด็กๆ ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา ส่วนการเป็นกะเทย ป้ามีแววตั้งแต่เด็กแล้ว สมัยนั้นไม่มีใครยอมรับความเป็นกะเทยของป้า ถ้าใครเป็น หรือมีอาการตุ่งติ้งก็จะได้รับความอับอายทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง พ่อแม่พี่น้องก็ไม่ยอมรับ ยิ่งพี่ชายด้วยแล้วเจอเป็นไม่ได้ทั้งเตะทั้งตบสารพัด

จนกระทั่งป้าอายุได้ประมาณ 15 ปี ป้าก็หนีออกจากบ้าน ตอนออกมามีเพียงเสื้อตัวกางเกงขาสั้นตัว ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ต้องไปซุกตัวนอนแถวๆ โรงหนังเฉลิมกรุงบ้าง วัดบวรบ้าง ข้าวปลาก็อาศัยยกมือไหว้ขอเขากิน แต่ป้าก็ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคณะรำวงไปตามที่ต่างๆ จนได้เข้าร่วมเป็นสาวรำวงปะปนกับผู้หญิงแท้ๆ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าป้าเป็นผู้ชาย

สาวรำวงบางคนยังอิจฉาป้าเลย เพราะป้าสวย และมีคนมาคล้องพวงมาลัยเยอะมาก จนป้าอายุได้ 20 ปี ป้าก็มีแฟนคนแรกรุ่นๆ เดียวกับป้า เขามานั่งดูป้ารำวงทุกวัน จนวันสุดท้ายป้าก็บอกเขาไปตามตรงว่าป้าเป็นอะไร เขาก็ว่าไม่จำเป็น แต่ป้าก็ยังเปลี่ยนผู้ชายไปเรื่อยๆ ก็เพราะว่าเบื่อ และอีกอย่างกลัวว่าผู้ชายจะมาหลอกเรา กลัวว่าถ้าเขาทิ้งเราไปแล้ว เราจะเหงา

ป้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์เรื่องรำ ไม่ได้ร่ำเรียนมาจากไหน อาศัยดูแล้วก็จำๆ เขามาก็มาซ้อมรำหน้ากระจก จนมีโอกาสได้รำหน้าศพ และมีพวกคณะคาบาเร่ได้มาเห็นป้ารำระบำแขกที่กำลังฮิตในสมัยนั้นก็เกิดชอบ ติดต่อให้ป้าไปโชว์กับคณะคาบาเร่ของเขา รายได้ป้าก็ดีขึ้น ตกวันละ 50-80 บาท ทิปต่างหาก แต่ดวงป้าเก็บเงินไม่ได้ไม่รู้เป็นอะไร มีเท่าไหร่ก็หมด ทั้งๆที่ตอนรุ่งๆ เดือนๆ นึงป้ามีรายได้เกือบหมื่น แต่ก็หมด ทุกวันนี้อยู่คนเดียวในห้องเช่าเล็กๆ ให้พอมีที่ซุกหัวนอน

กิจวัตรประจำวันเมื่อเลิกจากการแสดงโชว์ประมาณ ตี1 หรือ ตี2 ก็จะนั่งตุ๊กตุ๊ก กลับบ้าน ไปถึงที่ห้องก็เปลี่ยนเครื่องทรงที่ใช้ในการแสดง อาบน้ำล้างหน้า แล้วก็นอน จะตื่นประมาณ 9 โมงเช้า ตื่นมาก็ไปที่ร้านข้างหน้าปากซอย นั่งคุยสักพักก็กลับมาที่ห้องเปิดทีวีที่ไม่มีภาพฟังแต่เสียง ถ้าไม่นอนงีบก็จะรื้อชุดการแสดงออกมาซ่อมแซม หรือถ้ายามว่างก็จะไปทำบุญที่วัดนั่งฟังเทศน์ พอเกือบๆ 1 ทุ่มละครมาก็จะเริ่มแต่งหน้าแต่งตัว แต่งเสร็จก็ประมาณเกือบ 4 ทุ่ม ที่แต่งหน้านาน เพราะหูตาป้ามันไม่ค่อยดีก็ต้องใช้เวลานานหน่อย

เสร็จแล้วก็นั่งตุ๊กตุ๊กไปทำงานที่ซอยทานตะวันถนนสุรวงศ์ ค่ารถไป – กลับ ก็ประมาณ 50 บาท ได้ค่าโชว์ 100 – 200 บาท หักค่ารถก็จะพอกินข้าวซื้อบุหรี่สูบไปวันๆ ส่วนที่เหลือป้าก็ต้องเก็บไว้จ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ

ทุกวันนี้ป้าไม่คิดไม่หวังอะไรอีกแล้วในชีวิต ขอเพียงอย่างเดียวอย่าได้อด มีกินมีใช้ไปวันๆนึงก็ดีแล้ว วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ ขอทำหน้าที่นางโชว์อย่างนี้จนกว่าจะไม่มีแรง”

การตีแผ่คุณค่า ของกะเทยเฒ่าคนหนึ่ง จากรายการคนค้นคน ทำให้ได้เห็นว่า คุณค่าชีวิต มีได้ไม่ใช่เพียงแค่เพศชายหรือเพศหญิง หรือแม้กระทั่งคนหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ในฐานะกะเทยเฒ่าคนหนึ่ง ที่สู้ชีวิตด้วยอาชีพที่สุจริต และมีจิตวิญญาณของนางโชว์ วันนี้ ป้านงค์ จะอยู่เป็นความทรงจำ ตลอดไป

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...