มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน

"กิ๊ก...มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน"

 

 

     นิยาม  ของ ความรักในหมู่วัยรุ่นที่เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน มีความรู้สึกพิเศษ ผูกพันกัน คิดถึงกัน แต่ไม่ใช่แฟนกัน แล้วถ้าเพื่อนถามจะบอกว่าเขาอยู่ในฐานะไหน มีหลายคำจำกัดความของสถานะนี้มากมาย และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย ตามกาลเวลา โบราณหน่อยเรียก "เด็ก" ยุคต่อมาเรียก "โปร" ปัจจุบันคำนี้ได้รับความนิยม และติดหูขึ้นชาร์ตมากที่สุดคือ "กิ๊ก"


    เหตุที่ต้องเรียกว่า "กิ๊ก" ผู้รู้ตอบว่าอาจเป็นเพราะย่อคำพูดแล้วเพี้ยนเสียงมาเรื่อยๆ คงมาจากกริยาว่า "กุ๊กกิ๊ก" แปลว่า กะหนุงกะหนิง จู๋จี๋กัน แล้วคงขี้เกียจพูดเลยย่นย่อเหลือแค่ "กิ๊ก" แต่มีคนพูดแล้วเห็นภาพชัดเจนคือ กิ๊กเหมือนอารมณ์ความรู้สึกอย่างหนึ่ง ซึ่งทุกคนฟังแล้วก็เข้าใจในสถานภาพ มีหลายคนพูดว่ากิ๊กก็คือ "ชู้" แต่จากการลงลึกถึงรากศัพท์ และคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์แล้ว กิ๊กเป็นสับเซตของชู้ และยูเนี่ยนอยู่กับการมีเพศสัมพันธ์ คือกิ๊กมีสถานะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่แฟน และอาจมี หรือไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ได้ โดยส่วนใหญ่จากผลวิจัยคือไม่มีเซ็กซ์ แต่ชู้จะเป็นแฟนที่ไม่ใช่แฟนอันดับ 1 แต่ได้รับการยอมรับ และให้เรียกสถานะได้ว่าเป็นแฟน อาจมี หรือไม่มีเพศสัมพันธ์กันได้ ส่วนใหญ่ยอมรับว่ามีทั้งกิ๊ก และชู้ อาจจะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ให้เรียกเป็นกิ๊ก หรือชู้ก็ได้ แต่เพื่อความง่าย และสะดวกในการทำความเข้าใจ และความชัดเจนในการวิจัย ขอเรียกทุกสถานะที่ไม่ชัดเจน คือมีมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนว่า "กิ๊ก"

    คำจำกัด  ความของคำว่า "กิ๊ก" คือคนที่เราใส่ใจมากกว่าเพื่อน รู้สึกพิเศษเกินเพื่อน แต่ไม่ได้คิดกับเขาแบบแฟน คือไม่รู้สึกพิศวาส ไม่อยากมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย ไม่อยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกัน ไม่อยากนอนเตียงเดียวกัน แต่ถ้าเห็นหน้ากันทุกวัน คุยกันนานๆ ก็คงดี กิ๊กคือคนที่กำลังจะมาเป็นแฟน จีบๆ กันอยู่ในขั้นศึกษาดูใจ ลองคบกันแต่ไม่ผูกมัดกัน ให้อิสระ และเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ไปศึกษาผู้อื่นได้เพื่อค้นหาคนที่ใช่ และชอบจริงๆ ด้านการแสดงออกก็ทำต่อคนที่คบกันเสมือนแฟน(แต่ไม่ใช่แฟน) เหมือนคู่รัก(แต่หนักไปทางคู่ควง) คบกันแล้วมีความสุขทั้งคู่ 

   จากการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ได้ข้อสรุปว่า "กิ๊กไม่ใช่ชู้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิก" ต้องรู้สถานะของตนเอง และต้องเจียมตัวว่าอยู่ตรงไหน ส่วนการแสดงออกจะเป็นแนว "รักเหมือนแฟน แสดงเหมือนเพื่อน" คือรัก แต่ทุ่มเทให้ได้เท่าเพื่อน ห้ามง้องแง้งด้วยเพราะเธอไม่ใช่แฟนฉัน จะเรียกร้องอะไรมากมายไม่ได้ ปกติไม่ได้คิดว่ากิ๊กมีความหมายอะไร แต่ก็ทำให้เกิดพลังได้อย่างน่าประหลาดในวันที่พลังรักของเราอ่อนเปลี้ยลง

   เหตุผล ของการมีกิ๊ก คือเกิดจากความประทับใจในตัวใครบางคนที่บังเอิญเข้ามาได้ถูกเวลาที่เรากำลัง ต้องการสักคน ถึงแม้ว่าเราจะมีหรือไม่มีอีกคนอยู่ก็ตาม บางคนยังไม่มีแฟนก็คบกันไว้เผื่อได้เป็นแฟนกัน ดีกว่าอยู่คนเดียว เวลาเหงาจะได้มีคนไว้อ้อน คอยเป็นกำลังใจ ไปดูหนัง แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ไล่ไปไกลๆ โดยไม่ต้องคิดมาก เพราะเขาไม่ได้เป็นแฟนเรา แต่บางคนที่มีแฟนอยู่แล้วก็ยังอยากมีกิ๊กเพราะต้องเข้าใจว่าแฟนที่คบอยู่อาจ จะยังไม่ใช่คนที่ใช่ที่สุด จึงมีคนอื่นมาพิจารณาเพื่อตามหารักแท้ และเป็นการค้นหาตัวเอง บางคนอยากเติมสีสันให้ชีวิตเพราะแฟนน่าเบื่อ บางคนอาจต้องการโชว์ว่าตัวเองเจ๋ง มีเด็กในสังกัดเยอะ หรือแข่งกับเพื่อนทำสถิติก็มีให้เห็นถมไป บางกรณีอาจมีความสุขกับการมีใครไว้ หลบๆ ซ่อนๆ รู้สึกดี เป็นคนมีค่า เป็นคนของสังคมที่ใครๆ ต้องการ แต่การเป็นกิ๊กจะสำเร็จได้ต้องเกิดการรู้เห็นเป็นใจร่วมกันด้วย เพราะคนเราตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว เหตุผลของการมีกิ๊กอีกอย่างคือมีคนช่วยแชร์ค่าอาหาร ดูหนัง เที่ยว ซื้อเสื้อผ้า และบางทีอาจได้เงินใช้ฟรีๆ ด้วย

   ใน เรื่องสิทธิ และการแสดงออกของกิ๊กว่า ยังไม่มีกฎตายตัวให้ทำ หรือห้ามทำ ขึ้นอยู่กับการตกลงใจ และเต็มใจที่จะให้ทำมากกว่า แต่เรียกร้องอะไรไม่ได้มาก หึงหวงออกนอกหน้าไม่ค่อยได้ เพราะต่างคนไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ถ้าใส่อารมณ์ว่าห้ามยุ่งกับคนอื่นละโดนเขี่ยทิ้งแน่ๆ กับกิ๊กไม่ต้องทุ่มเทให้มาก ไม่ต้องเทกแคร์มาก ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือทุกอย่างกับกิ๊ก ส่วนการวางตัวของกิ๊กไม่ยากเลย แต่ต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด อย่าล้ำเส้นเข้าไปวุ่นวายในชีวิตเขาเพราะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ถ้าไปกิ๊กกับคนที่มีแฟนแล้ว ก็ต้องช่วยเหลือให้ความร่วมมือในการหลบซ่อน ซึ่งเป็นสีสันกับชีวิตเหมือนกำลังทำราชการลับ แต่ต้องรู้ขอบเขต และเห็นใจแฟนเขาหน่อย ต้องไม่ทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับแฟนเขา โดยเป็นแค่ยาชูกำลังเท่านั้น แต่ถ้าทนเห็นภาพบาดตากับแฟนเขาไม่ได้ก็แค่เลิกคบ

"ชาย หรือหญิงมีกิ๊กมากกว่ากัน" นั้น ในงานวิจัยระบุว่า คะแนนสูสีกันมาก เสียงที่บอกว่าชายมากกว่าให้เหตุผลว่า เป็นธรรมชาติของผู้ชาย และก็ไม่น่าเกลียดด้วย ผู้ชายชอบมีกิ๊กมากเพราะชอบโชว์เพาเวอร์ จะได้มีเรื่องพูดในวงเหล้า ส่วนเสียงที่บอกว่าผู้หญิงมีกิ๊กมากกว่าเพราะปฏิเสธไม่ค่อยเป็น มักออกแนวรักพี่เสียดายน้อง ไม่กล้าตัดสินใจเลือกใครอย่างเด็ดเดี่ยว ออกแนวอยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน จึงสานสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ผู้หญิงอ่อนไหว และมักตกหลุมรักได้ง่ายๆ กับการเอาอกเอาใจของผู้ชาย และปัจจุบันผู้หญิงก็กล้า และมั่นใจมากขึ้น ชอบหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชาย แถมอยู่นิ่งๆ ผู้ชายก็เข้ามาทักเองไม่ต้องเสียแรง ด้วยวัย และฮอร์โมนมีความคะนองอยากมีเพื่อนต่างเพศมากๆ พอมีคนมาชอบหลายๆ คนจะทำให้รู้สึกว่าตัวเองดูดี มีเสน่ห์ ทำตัวเป็นพวกเบื่อง่าย ชอบเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นให้มาหลงใหล บางทีอยู่ในสังคมที่แวดล้อมด้วยการมีกิ๊กจึงต้องมีเพื่อให้อินเทรนด์ เพราะถ้าไม่มีเพื่อนจะล้อว่า "ป๊อด อ่อน" บางคนมีกิ๊กเพราะเพื่อท้าให้ทำ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวมันด่า "ไอ้กระจอก"

ข้อ ดีของการมีกิ๊กคงหนีไม่พ้นความสุข โลกนี้ช่างน่าอยู่เหลือเกิน สวีตหวานแหวว แฮปปี้กระตู้วู้ชุ่มชื่นหัวใจ และหลายพันความรู้สึกที่บรรยายไม่หมด นอกจากนี้ ยังมีความท้าทาย การได้ลิ้มลองคบคนหลายแบบ หลายรสชาติ ได้ทำอะไรที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ แก้เหงา แก้เซ็ง แก้เบื่อ ไม่ต้องอยู่คนเดียว เป็นการเปิดโอกาสให้ศึกษาคนมากขึ้น ได้เรียนรู้ และประยุกต์ใช้กับชีวิต เวลาเหงามีคนคอยอยู่เคียงข้าง ไว้อ้อนขอโน่นขอนี่ มีคนเอาอกเอาใจ ทะนุถนอมปกป้อง ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม คอยเป็นห่วงเป็นใย เป็นกำลังใจให้กัน คอยติวหนังสือ ชวนเป็นดูงานศิลปะ ออกกำลังกาย มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต

   ส่วน ข้อจำกัด และปัญหาของการมีกิ๊ก อยู่ที่การทำตัว และการปฏิบัติตัว ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกันแต่เดินจับมือกัน คนอื่นต้องเข้าใจว่าเป็นแฟนกัน ถ้าเปลี่ยนคนเดินด้วยบ่อยก็มองว่าทำตัวไม่ดี บางกลุ่มหัวโบราณหน่อยก็รับไม่ได้กับการกระทำของวัยรุ่นสมัยนี้ เพราะมองว่าคบเพศตรงข้ามทีเดียวหลายคนถือเป็นคนหลายใจ ส่วนคนมีแฟนแล้วแอบมีกิ๊กก็ย่อมเป็นความผิดเพราะทำร้ายจิตใจของคนรัก ส่วนตัวเองก็ต้องพะวงกลัวแฟนจับได้ บางคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มีภูมิต้านทานความรักต่ำจะเกิดปัญหามากเพราะแสดงอาการเกินเลย และเกินไป อยากเอาชนะ หรือต้องการล้ำเส้นแฟน คิดว่าเมื่อตัวเองไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ เมื่อไม่ได้ก็ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่น ตบตี ทะเลาะเบาะแว้ง ฆ่าตัวตาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ เข้าโรงพยาบาลจนสร้างปัญหาให้พ่อแม่ การเรียนตกต่ำ ต้องออกจากการเรียน ซึ่งเห็นอยู่บ่อยๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องไม่ดีและไม่ถูกต้อง ยิ่งกว่านั้น หากทัศนคติ และค่านิยมเกี่ยวกับกิ๊กเปิดกว้าง และฟรีกว่านี้ การกระทำที่เกินเลย และคาดไม่ถึงอาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงได้ โดยเฉพาะวัยรุ่นเป็นวัย อาจมีโอกาสพลาดพลั้งเปลืองเนื้อเปลืองตัว มีเพศสัมพันธฺสลับคู่ แลกเปลี่ยนคู่นอน ท้องขึ้นมาก็ต้องทำแท้ง ตามคอนเซ็ปต์ "ทุ่มเท ทิ่มแทง ทำแท้ง ทอดทิ้ง"

   ความ แตกต่างระหว่างกิ๊กกับแฟน "แฟนคือจำเจ ซ้ำซาก ของเดิมๆ ทุกวัน แต่แฟนจะมีความเข้าใจกันและกัน มองตาก็รู้ใจ ส่วนกิ๊กคือความสดใส ซาบซ่า มีชีวิตชีวา น่าลุ้น น่าค้นหา เพราะเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ กิ๊กคือแฟนคนที่ 2, 3, 4...แล้วแต่ เรามีใจให้กัน แค่มาเจอกันช้าไป ถึงเราหรือเขามีแฟนอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ว่าเราจะหลอกลวง เพราะเราอยู่ด้วยกัน ให้ความสบายใจ ให้เครดิตเท่าแฟนทุกอย่าง มีอย่างเดียวคือแฟนรู้ไม่ได้ ส่วนกิ๊กก็ต้องรู้ว่าเป็นได้แค่รอง ต้องรู้สถานะของตนเอง ส่วนปัญหาทางสังคมก็คือมีกิ๊กไม่รู้จักพอ ไม่รู้จะเลือกใคร หลายเหตุการณ์ที่วัยรุ่นที่เป็นแฟนกันทะเลาะกันเนื่องจากปัญหามือที่สาม จนบางรายฆ่าตัวตาย ฆ่ากัน ทำร้ายกัน เพราะความหึงหวง"

สรุปสิทธิของกิ๊ก

   1.ห้ามหึงหวง แต่ห่วงกันได้ 2.มีอะไรกันได้ แต่ไม่ใช่ของกันและกัน 3.ไม่มีสิทธิเรียกร้องมากเกินเหตุ 4.กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ แต่ถ้าไม่ได้ห้ามเศร้า 5.ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน 6.ถ้ากิ๊กคิดจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนโดยไม่ใช่เรา ห้ามฟูมฟาย แต่ต้องพยายามยอมรับ และยินดีด้วย ค่อยตกลงกันทีหลังว่าจะกิ๊กกันต่อไปหรือเปล่า 7.ไม่จำเป็นต้องเทกแคร์กันเกินเหตุ เพราะเป็นแค่กิ๊ก 8.กิ๊กไม่ได้จำกัดจำนวน เป็นอินฟินิตี้ ไม่จำกัดเพศ วัย และสถานภาพ ถ้าไม่กลัวตายเพราะเอดส์ 9.กิ๊กสำคัญรองจากแฟน และ 10.กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊ก ต้องเจียมตัว พร้อมสรุปว่า "กิ๊กไม่ใช่ชู้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิก"

   เราคงจะต้องยอมรับในภูมิปัญญาและการพยายามประนีประนอมสนองกิเลสของมนุษย์ พร้อมและเพื่อสร้างศัพท์บัญญัติ พฤติกรรมและกรอบความชอบธรรมให้กับตนเองอย่างลึกล้ำ โดยเฉพาะเรื่องทางเพศ ซึ่งเป็นปฏิกริยาสะท้อนวิชชากับอวิชชาสะท้อนให้เห็นสภาพความทุกข์ของพวกเขา ที่เคล้าความสุขแบบฉาบฉวยและโฉบเฉี่ยว ไม่อาจบอกได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเสื่อมโทรม ของสังคมแต่ฝ่ายเดียว หากแต่ต้องยอมรับว่า สังคมเราเสื่อมโทรมลงแล้ว มาวันนี้ ชายหญิง มุ่งหวังเรื่องทางเพศ เป็นหลักและแก่นกลางความสัมพันธ์ และมองข้ามกรอบวัฒนธรรมและจริยธรรมระหว่างมนุษย์กับสัตว์ จนเกิดปรากฎการณ์ต่าง ๆที่เราพบ ซึ่งผู้มีการศึกษาก็ใช้การศึกษาเพื่อรองรับความน่าเดียดฉันท์เหล่านี้ เราคงและควรต้องเรียนรู้และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างเสียมิได้พร้อมกับท อดถอนใจใหญ่หนึ่งครั้ง และปลงอนิจจากับ "มัน" อย่างเสียมิได้ เพราะเรารู้ว่าทุกคนก็ รักสุขและเกลียดทุกข์เหมือนกัน เราจึงไม่ต้องบ่นและบอกว่า ใครผิดใครถูก หากแต่แค่ว่า เราไม่ทำผิด และทำถูกก็พอแล้ว

.............อะนิจังค์

24 ก.ย. 54 เวลา 20:28 3,963 3 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...