เรื่องลวงโลก ที่ทําให้วงการวิทยาศาสตร์เสียหน้า

เรื่องลวงโลก ที่ทำให้วงการวิทยาศาสตร์เสียหน้า
Ouroboros (49,437 views) first post: Fri 1 April 2011 last update: Mon 11 April 2011
เนื่องในวัน พูดปด ขอเสนอเรื่องวิทยาศาสตร์ลวงโลกในอดีต ที่มีผู้หลงเชื่อมากมาย แม้กระทั่งในเว็บ วิชาการ.คอม ก็เคยโดนหลอกมาแล้ว

 

หน้าที่ 1 - เรื่องโป้ปด
 

            วันที่ 1 เมษยน เป็นวันเอพริล ฟูลส์ เดย์ (April’s Fool Day) ภาษาไทยอาจเรียกว่า "วันโกหก"  "วันเมษาหน้าโง่"  เป็นวันที่จะอนุญาตให้โกหกต่อกันได้โดยไม่ถือโกรธ บางประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเล่นกันจริงจัง ถึงขนาดลงข่าวที่น่าตกใจในหนังสือพิมพ์ แล้วมาเฉลยว่าเป็นเรื่องโกหกในวันถัดไป

เนื่องในโอกาสวันโกหก จีงขอนำเสนอเรื่องโป้ปดในวงการวิทยาศาสตร์ ที่มีผู้หลงเชื่อมากมายในอดีต ก่อนจะถูกแฉ

เรื่องที่ 1 มนุษย์พิลท์ดาวน์ (Piltdown Man ) 

 

 

           ตามทฤษฎีวิวัฒนาการ คนไม่ได้วิวัฒนาการมาจากลิง แต่คนกับลิงเคยมีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อน ซึ่งบรรพบุรุษร่วมนั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้ว จึงไม่มีใครทราบว่าจุดเชื่อมโยงระหว่างคนกับลิงมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
           ในปี 2455 Charles Dawson อ้างว่าพบฟอสซิลที่เชื่อว่าเป็นจุดเชื่อมโยงที่ขาดหายไป (missing link) ระหว่างคนกับลิง (ape) ฟอสซิลดังกล่าวเป็นเศษกระโหลก ขากรรไกรและฟัน พบที่บ่อกรวดในหมู่บ้านพิลท์ดาวน์ (Piltdown) ประเทศอังกฤษ


           เศษกระดูกถูกประกอบเข้าด้วยกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษ ได้เป็นหัวกะโหลกที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีส่วนขากรรไกรคล้ายลิง ตามที่ตั้งสมมุติฐานไว้เป๊ะ เรียกชื่อฟอสซิลนี้ว่า มนุษย์พิลท์ดาวน์  ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ นำไปศึกษาต่อยอดมากมาย มีการจำลองใบหน้าตาโครงสร้างของหัวกะโหลกขึ้นมา แถมยังมีคำอธิบายอีกสารพัด ทั้ง พฤติกรรมการกินอาหาร การดำรงชีวิต

           แต่ในปี 2496 หลังการค้นพบมนุษย์พิลท์ดาวน์ 40 ปี โลกต้องตะลึงเมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์พิลท์ดาวน์เป็นของ ปลอม ทำขึ้นจาก กะโหลกส่วนบนของมนุษย์ยุคกลาง (Middle Ages) ขากรรไกรเป็นของลิงอุรังอุตัง ฟันเป็นของลิงชิมแปนซี กลายเป็นว่าองค์ความรู้ต่างๆ ที่ต่อยอดจากมนุษย์พิลท์ดาวน์เชื่อถือไม่ได้สักอย่าง


คนกลาง เสื้อขาวคือ Charles Dawson                                   รูปขณะขุดฟอสซิล

 


อนุสรณ์ตั้งไว้ ณ ที่ขุดพบมนุษย์พิลท์ดาวน์

 

เรื่องที่ 2 ยักษ์คาร์ดิฟ (Cardiff Giant)
           ยักษ์คาร์ดิฟ คือ สิ่งที่ผู้พบอ้างว่าเป็นคนยักษ์ที่กลายเป็นหิน มีลักษณะเป็นหินรูปร่างคล้ายคน สูงประมาณ 3 เมตร หนักประมาณ 1,360 กิโลกรัม เรื่องนี้เป็นเรื่องลวงโลกที่เกิดขึ้นในอเมริกา ในปี 2412
           คนที่สร้างยักษ์คาร์ดิฟเป็นคนปลูกยาสูบชื่อ George Hull ตั้งใจสร้างเพื่อหลอกคนอื่นตั้งแต่ต้น โดยได้ไอเดียจากคัมภีร์ไบเบิลบทปฐมกาล (Genesis 6:4 ) ที่กล่าวว่าครั้งหนึ่งเคยมีมนุษย์ยักษ์อาศัยอยู่บนโลก
           ส่วนเรื่องกลายเป็นหินนั้นได้แนวคิดจากเรื่องลวงโลกอีกเรื่องในหนังสือพิมพ์ ที่กล่าวว่าการดื่มน้ำจากหินโพรงผลึกจะทำให้ร่างกายกลายเป็นหิน
           George Hull สั่งซื้อแท่งยิปซั่ม และให้ช่างแกะสลักเป็นรูปร่างคนอย่างหยาบๆ จากนั้นนำมาตกแต่งด้วยสีและใช้กรดกัดกร่อนให้ดูเก่า ใช้เข็มถักนิตติ้งสร้างรุและลวดลายบนผิวหนังเลียนแบบมนุษย์

           ด้วยความสมจริงทำให้มีผู้คนเชื่อเรื่องนี้สนิท มีเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ยักษ์ปรากฏในวรรณกรรมที่แต่สมัยนั้น เช่น เรื่อง A Ghost Story โดย Mark Twain  เป็นต้น
          ยักษ์คาร์ดิฟทำรายได้งามจากการเก็บค่าเข้าชม ก่อนจะมีการพิสูจน์ว่าเป็นเพียงก้อนยิปซัมเท่านั้น  Hull ถูกฟ้องศาล และสารภาพหมดเปลือก หลังจากนั้นมีพฤติกรรมเลียนแบบตามมากมาย




เรื่องที่ 3 อาคีโอแรปเตอร์ (Archaeoraptor)

      

           คล้ายๆ กับกรณี มนุษย์พิลท์ดาวน์ คือ เป็นการค้นพบฟอสซิลที่เชื่อว่าเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างสัตว์ปีกและสัตว์ เลื้อยคลาน รายงานการค้นพบฟอสซิลตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ในปี 2542 หลังจากนั้นก็เป็นข่าวครึกโครมได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค และในวารสารชื่อดังอย่าง Nature แม้กระทั่งในเว็บวิชาการ.คอม ก็ยังนำบทความเรื่องนี้มาแปลเผยแพร่!



           ฟอสซิลมีถูกขุดพบในประเทศจีน โครงสร้างลำตัวคล้ายนกแต่มีส่วนหางคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งหลังจากนั้น 1 ปี ก็ถูกจับได้ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง จากการวิเคราะห์ด้วย CT scan ระบุว่าฟอสซิลนี้น่าจะประกอบด้วยกระดูกของสัตว์ 2-5 ชนิด
           เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าร่างกายช่วงบนเป็นฟอสซิลของ Yanornis martini ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับนกสมัยใหม่ กินปลาเป็นอาหาร ส่วนหางเป็นของ Microraptor zhaoianus ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ แต่ขาและปากยังไม่ทราบว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด

           เรียกได้ว่าถูกหลอกไปตามๆ กัน วารสารได้ถอดถอนบทความการค้นพบอาคีโอแรปเตอร์ออก นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ออกมายอมรับว่าได้ตีพิมพ์เรื่องที่เป็นเท็จ  ส่วนในเว็บวิชาการ.คอม ยังสามารถอ่านบทความดังกล่าวได้ พร้อมทั้งบทความชี้แจงที่เปิดโปงเรื่องลวงโลกนี้

อย่างไรก็ตามแม้ว่า หลักฐานชิ้นนี้จะเป็นของปลอม แต่มีหลักฐานจากแหล่งอื่น ที่ยืนยันว่านกและสัตว์เลื้อยคลานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในเชิงวิวัฒนาการ จริง

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
หรือนกจะเป็นญาติสนิทกับไดโนเสาร์
ไดโนเสาร์ยังอยู่ร่วมกับพวกเรา?
ด่วน! ไดโนเบิร์ด แท้จริงเป็นเรื่องเบิกเนตร

อ้างอิงจากบทความต้นฉบับ
http://news.nationalgeographic.com/news/2009/03/photogalleries/april-fools-day-hoaxes/
http://news.nationalgeographic.com/news/2002/11/1120_021120_raptor.html#related
http://www.nhm.ac.uk/dinobirds/


 

บทความที่เกี่ยวข้อง
1 ไขข้อข้องใจ...วิทยาศาสตร์ลวงโลก Pseudo Science
2 เมื่อลูกน้อยเรียนรู้คณิต วิทย์จากเสียงดนตรี : บูรณาการกิจกรรมเพื่อสร้างนักวิทยาศาสตร์น้อย
3 เหลียวหลังแลหน้าการศึกษาวิทยาศาสตร์ สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย ต่างกันอย่างไร ?
4 คุยแบบวิชาการ: ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ยอดแย่
5 ปฏิทินวิทยาศาสตร์ 2554
*หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา เท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและแหล่งข้อมูลทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.
ท่านสามารถนำเนื้อหาในส่วนบทความไปใช้ แสดง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้าและห้ามดัดแปลง
#วิทยาศาสตร์
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
22 เม.ย. 54 เวลา 06:56 4,761 9 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...