ซึโตมุ มิยาซากิ ฆาตกรโอตาคุ

ถ้าเราทำสกู๊ปซ้ำก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ

mashachu:

greedy-emotion:

800-588-2300:

 
Tsutomu Miyazaki (宮﨑 勤 Miyazaki Tsutomu, August 21, 1962 – June 17, 2008), also known as The Otaku Murderer, The Little Girl Murderer, and Dracula, was a Japanese serial killer
.Miyazaki’s premature birth left him with deformed hands, which were permanently gnarled and fused directly to the wrists, necessitating him to move his entire forearm in order to rotate the hand. Due to his deformity, he was ostracized when he attended Itsukaichi Elementary School, and consequently kept to himself. Although he was originally a star student, his grades at Meidai Nakano High School dropped dramatically; he had a class rank of 40 out of 56 and did not receive the customary admission to Meiji University. Instead of studying English and becoming a teacher as he originally intended, he attended a local junior college, studying to become a photo technician.
Between 1988 and 1989, Miyazaki mutilated and killed four girls, aged between four and seven, and sexually molested their corpses. He drank the blood of one victim and ate her hands. These crimes — which, prior to Miyazaki’s apprehension and trial were named “The Little Girl Murders”, and later known as the Tokyo/Saitama Serial Kidnapping Murders of Little Girls shocked Saitama Prefecture, which had few crimes against children.
During the day, Miyazaki was a mild-mannered employee. Outside of work, he randomly selected children to kill. He terrorized the families of his victims, sending them letters recalling in graphic detail what he had done to their children. To the family of victim Erika Nanba, Miyazaki sent a morbid postcard assembled using words cut out of magazines: “Erika. Cold. Cough. Throat. Rest. Death.”
He allowed the corpse of his first victim, Mari Konno, to decompose in the hills near his home, then chopped off the hands and feet, which he kept in his closet. They were recovered upon his arrest. He charred her remaining bones in his furnace, ground them into powder, and sent them to her family in a box, along with several of her teeth, photos of her clothes, and a postcard reading: “Mari. Cremated. Bones. Investigate. Prove.”
Police found that the families of the victims had something else in common: all were bothered by silent nuisance phone calls. If they didn’t pick up the phone, it would sometimes ring for 20 minutes.
On July 23, 1989, Miyazaki attempted to insert a zoom lens into the vagina of a grade school-aged girl in a park near her home and was attacked by the girl’s grandfather. After fleeing naked on foot, Miyazaki eventually returned to the park to retrieve his Toyota car, whereupon he was promptly arrested by police who had responded to a call by the grandfather. A search of Miyazaki’s two-room bungalow turned up a collection of 5,763 videotapes, some containing anime and slasher films (later used as reasoning for his crimes). Interspersed among them was video footage and pictures of his victims. He was also reported to be a fan of horror films and had an extensive collection, with the centerpieces being the first five Guinea Pig films; he reportedly used the fourth film in the series as a template for one of his killings. Miyazaki, who retained a perpetually calm and collected demeanor during his trial, appeared indifferent to his capture.
The media soon came to call him “The Otaku Murderer”. His bizarre killings fueled a moral panic against otaku, accusing anime and horror films of making him a murderer. However these reports were disputed: in Eiji Otsuka’s book on the crime, he argued that Miyazaki’s collection of pornography was probably added or amended by a photographer in order to highlight his perversity. Another critic, Fumiya Ichihashi, suspected the released information was playing up to public stereotypes and fears about otaku, as the police knew they would help cement a conviction

Disgusting.

The Japanese have a lot of issues, honestly. High as fuck suicide rates, disgusting and disturbing stories of murder and rape. Psh, and all the weabos worship them. Not one country in this world is perfect. Not. One.


ประวัติของมิยาซากิ ทสึโตมุ

 

มิยาซากิ ทสึโตมุ เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1962 ในครอบครัวผู้มีฐานะปานกลางที่เมืองนิชิทามะ จังหวัดโตเกียว บิดาและมารดาทำงานกันทั้งคู่ ทสึโตมุในวัยเด็กจึงโตมากับปู่ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่คนในเมืองนับถือกับพี่ เลี้ยงซึ่งเป็นชายวัยกลางคนผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญา ปู่เอ็นดูทสึโตมุเป็นอย่างมาก และตัวเขาเองซึ่งเป็นเด็กเก็บตัวก็เคารพเชื่อฟังปู่มากเช่นกัน

ทสึโตมุเป็นโรคข้อเชื่อมกระดูกบกพร่องโดยกำเนิดซึ่งทำให้เขาไม่สามารถหงาย ฝ่ามือขึ้นด้านบนได้ และนี่เองที่กลายมาเป็นปมด้อยของเขาตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากเขาเป็นเด็กคนเดียวในชั้นอนุบาลที่ไม่สามารถทำท่า"ขอ"หรือเล่นเกม ได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ สมัยประถม ทสึโตมุเป็นเด็กเรียนเก่งแต่ไม่ถนัดวิชาภาษาญี่ปุ่นกับวิชาสังคม เมื่อขึ้นชั้นมัธยมปลายก็ไปเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายเมย์ไดนากาโนะซึ่ง ต้องเดินทางจากบ้านด้วยรถไฟไปถึงสองชั่วโมง และเหตุผลก็มาจากปมด้อยเรื่องมือนั่นเอง

(หากพ่อแม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเจ้าตัวอยากจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในอนาคต) แต่หลังจากที่เข้าเรียนในชั้นมัธยมปลาย ผลการเรียนของทสึโตมุก็แย่ลงเรื่อยๆ เพื่อนร่วมชั้นให้การในภายหลังว่าเขาเป็นคนเก็๋บตัวและไม่เด่นสะดุดตา ทสึโตมุตั้งความหวังว่าจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเมย์ได หากสุดท้ายความหวังของเขาก็ไม่เป็นจริงเพราะคะแนนไม่ถึง หลังจากสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมในปี 1981 เขาจึงเข้าเรียนในคณะอนุปริญญาเทคนิคการวาดภาพของมหาวิทยาลัยช่างศิลป์ โตเกียวแทน แต่กระทั่งหลังจากเข้าเรียนที่นี่แล้ว ทสึโตมุก็ยังคงเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวจนแทบไม่มีใครในชั้นเรียนที่จดจำเขา ได้

ปี 1983 หลังจากที่จบอนุปริญญามาแล้ว ทสึโตมุได้รับการแนะนำจากปู่ให้เข้าทำงานในโรงพิมพ์ที่เมืองโคไดระโดยรับ หน้าที่เป็นผู้คุมเครื่องจักร เพื่อนร่วมงานให้การในภายหลังว่าเขาไม่ตั้งใจทำงานและเข้ากับคนรอบข้างไม่ ได้ จนเดือนมีนาคมปี 1986 ก็ออกจากงานที่โรงพิมพ์ไป ทสึโตมุเก็บตัวอยู่ในห้องเป็นเวลาหลายเดือน (อย่างที่เรียกกันว่าฮิกิโคโมริ) และในเดือนกันยายนปีเดียวกันก็ยอมออกมาช่วยงานเล็กๆน้อยๆของกิจการในครอบ ครัวเช่นการออกไปรับต้นฉบับใบปลิว ในช่วงนี้เองที่เขาหันมาออกโดจินชิของอนิเมชั่น หากก็ถูกพรรคพวกเกลียดจนออกหนังสือได้เพียงเล่มเดียว หลังจากนั้น เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของเซอร์เคิ่ลวีดีโอหลายกลุ่ม (หมายถึงกลุ่มแลกเปลี่ยนวีดีโอที่อัดมาจากรายการต่างๆในทีวี) แต่ทสึโตมุชอบจู้จี้กับสมาชิกคนอื่นเรื่องวิธีการอัดวีดีโอ รวมทั้งไม่ยอมส่งวีดีโอที่ตัวเองต้องก็อปปี้มาแลกให้กับอีกฝ่าย เขาจึงเป็นที่เหม็นขี้หน้าในที่นี้เช่นกัน

ทสึโตมุไม่มีประสบการณ์ในการคบกับผู้หญิง ซึ่งสาเหตุสำคัญนั้นมาจากปมด้อยเรื่องมือที่ทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้ผู้หญิง ที่เป็นผู้ใหญ่ เขาเคยถูกมารดาคะยั้นคะยอให้ไปดูตัวถึงสี่ครั้ง แต่หลังการดูตัวก็ถูกปฏิเสธโดยฝ่ายหญิงหมดทุกครั้ง (ภาพที่ใช้ในการดูตัวก็คือภาพข้างบนนี่เอง)

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอะไรเป็นชนวนทำให้ทสึโตมุเริ่มก่อคดี แต่คดีแรกของเขานั้นเริ่มขึ้นสามเดือนหลังจากที่ผู้เป็นปู่เสียชีวิตไปใน เดือนพฤษภาคมปี 1988 นี่เอง (มีคำให้การว่าทสึโตมุกินเถ้ากระดูกของปู่ลงไปเพื่อแสดงถึงความเคารพอีก ด้วย)

 

 


เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย



วันที่ 22 สิงหาคม 1988 คงโนะ มาริ (4 ขวบ) หายสาบสูญไปจากละแวกบ้าน ทสึโตมุให้การสารภาพในภายหลังว่าเขาลักพาตัวมาริมาจากใกล้บ้านของเด็กหญิง นั่นเอง หลังจากที่บีบคอมาริตายและศพเริ่มแข็งตัว เขาก็ทำการอนาจารกับศพของเด็กหญิง (ไม่มีการข่มขืน) และถ่ายวีดีโอเก็บไว้ ซึ่งเกี่ยวกับข้อนี้ ทสึโตมุแสดงความเห็นในภายหลังว่า"ผมอยากจะได้ร่างกายนั้นเป็นของตัวเอง ศพยังไงก็ต้องเน่า แต่วีดีโอยังเอามาดูซ้ำได้อีก"

วันที่ 3 ตุลาคม โยชิซาว่า มาซามิ (7 ขวบ) หายสาบสูญไปจากละแวกบ้าน ทสึโตมุบีบคอฆ่ามาซามิแล้วเริ่มทำการอนาจารในทันที หากจากคำให้การในภายหลัง ตอนนั้นมาซามิยังพอมีลมหายใจอยู่ แขนขาของเธอจึงกระตุกเป็นระยะ

วันที่ 9 ธันวาคม นันบะ เอริกะ (4 ขวบ) หายสาบสูญไปจากละแวกบ้าน หลังจากฆ่าแล้ว เอริกะปัสสาวะราดออกมา ทสึโตมุจึงทิ้งศพของเด็กหญิงไว้ในภูเขา และในวันที่ 15 เดือนเดียวกัน ศพเปลือยของเอริกะก็ถูกพบในภูเขา หลังการพบศพ พ่อของเอริกะให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ว่า"ถึงจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังดีที่เขากลับมา" ทสึโตมุจึงวางแผนจะคืนศพของผู้เคราะห์ร้ายให้กับครอบครัว แต่ลงท้าย เขาก็ไม่สามารถหาศพของมาซามิซึ่งเป็นเหยื่อรายที่สองพบ

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1989 มีกล่องกระดาษถูกวางทิ้งไว้ที่หน้าบ้านครอบครัวคงโนะ ภายในคือเถ้ากระดูกและฟันบางส่วนซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นของคงโนะ มาริ เหยื่อเคราะห์ร้ายรายแรก และในวันที่ 10 เดือนเดียวกันก็มีจดหมายจากฆาตกรซึ่งอ้างตัวเป็นผู้หญิงชื่อ"อิมาดะ ยูโกะ"ส่งไปยังหนังสือพิมพ์อาซาฮิ (มีทฤษฎีกล่าวว่าแผลงมาจากประโยค"มาตอนนี้แล้วเลยพูดได้") บอกว่าเธอเป็นผู้ลักพาตัวเด็กหญิงไปฆ่าเนื่องจากความน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัว เองมีร่างกายบกพร่องทำให้ไม่สามารถมีบุตรได้

บางส่วนจากจดหมาย
"นี่เป็นกระดูกของมาริจังอย่างแน่นอน พอเผาแล้วกระดูกก็สลายลงไปตามธรรมชาติ.... พอคนเรากลายมาเป็นกระดูก กระดูกนั้นก็ช่างเล็กและมีจำนวนน้อยกว่าที่คิดไว้เสียอีก แต่ฉันก็พยายามเก็บกระดูกใส่ลงมาในกล่องทั้งหมดแล้วค่ะ อาจจะมีคนพูดว่าคดีในครั้งนี้เป็น"ความแค้น" "การเล่นเกม" "การกลั่นแกล้ง" หรือ"การท้าทาย" แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ฉันเพียงแค่มา"คืน"มาริจังเท่านั้นเอง

ฉันแค่อยากจะคืนมาริจังให้เท่านั้นเองจริงๆค่ะ ได้โปรดรีบจัดงานศพให้มาริจังเถอะค่ะ อาจจะฟังเป็นการเห็นแก่ตัว แต่ฉันก็ยังไม่อยากถูกจับค่ะ และฉันก็จะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีกแล้วด้วย
วันก่อน ฉันดูข่าวที่คุณแม่ทราบเรื่องจากตำรวจแล้วบอกว่า"เท่านี้ฉันก็พอจะมีความ หวังต่อไปได้" ฉันจึงคิดว่าควรจะจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น คนที่บ้านก็จะไม่มีวันรู้เลยว่ามาริจังอยู่ที่ไหน ฉันจึงรีบส่งจดหมายมาเช่นนี้ค่ะ

กระดูกพวกนั้นคือมาริจังจริงๆ"

วันที่ 11 มีนาคม มีจดหมายสารภาพจาก"อิมาดะ ยูโกะ"ส่งไปยังหนังสือพิมพ์อาซาฮิและบ้านครอบครัวของโยชิซาว่า มาซามิซึ่งเป็นเหยื่อรายที่สอง คราวนี้อ้างว่าตัวเองมีลูกที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กแต่ไม่ได้ทำศพให้ จึงลอบปนกระดูกบางส่วนของลูกตัวเองไปกับกระดูกของมาริเพื่อที่จะได้ทำศพเสีย ที

แต่ทสึโตมุก็ยังไม่หยุดตัวเองลงแค่นั้น

วันที่ 6 มิถุนายน โนะโมโตะ อายาโกะ (5 ขวบ) ถูกพบเป็นศพอยู่ที่ห้องน้ำในสวนสาธารณะ ศพของเด็กหญิงเปล่าเปลือยและถูกตัดข้อมือข้อเท้า ทสึโตมุให้การในภายหลังว่าอายาโกะหัวเราะมือของเขาทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้น หน้าและเผลอฆ่าอายาโกะทิ้ง ส่วนมือที่ตัดไปนั้นเอากลับไปบ้านแล้วย่างกินกับโชยุ รวมทั้งเขาได้ดื่มเลือดจากมือของเด็กหญิงที่ค้างอยู่ในถุงพลาสติกด้วย

วันที่ 23 กรกฎาคม ทสึโตมุทำอนาจารกับเด็กหญิงชั้นประถมหนึ่งโดยจับเด็กหญิงแก้ผ้าในห้องน้ำและ กำลังจะถ่ายภาพ หากผู้ปกครองของเด็กหญิงเข้ามาพบทันท่วงที เขาจึงถูกจับกุมในข้อหาพรากผู้เยาว์ และระหว่างการสอบปากคำก็รับสารภาพว่าตัวเองเป็นคนร้ายของคดีทั้งหมดที่ผ่าน มา (ศพของมาซามิ บางส่วนของศพมาริ และส่วนศีรษะของศพอายาโกะถูกพบหลังจากการสารภาพนี้)

งานอดิเรกของมิยาซากิ

 

หนังสือโป๊ การ์ตูนโป๊และอนิเมชั่นกว่า 6000 ชิ้น

รวมไปถึงภาพถ่ายขณะกำลังลงมือจัดการกับเหยื่อของเขา

และท่ามกลางวีดีโอเทปมากมายในห้อง..มีอยู่ห้าม้วนที่เป็นวีดีโอบันทึกขณะทดลองหาวิธีฆาตกรรมที่เหมาะสม
และมิบาซากิได้เลือกวิธีการในวีดีโอม้วนที่สองมาเป็นรูปแบบฆาตกรรมมาตรฐานของเขา

 

นอกจากนี้จากคดีของเขาทำให้หนังซีรีย์สนัฟฟิลม์เทียมของญี่ปุ่นแบนและห้าม ถ่ายด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้ค้นพบหลักฐานเป็นหนังชุด Guinea Pig 5 ภาคแรกในบ้านของเขา โดยฆาตกรโรคจิตได้ให้การเพิ่มเติมอีกด้วยว่า เค้าได้ทำการเลียนแบบการฆาตกรรมตามฉากต่างๆจากหนังชุดเหล่านี้.... (อ้าว.....มาแนวเดียวกับเด็กบาดคอแท็กซี่....) หลังจากนั้นทางการญี่ปุ่นเลยทำการแบนการสร้างหนังชุด Guinea Pig เป็นต้นมา...

 

ช่วงระยะเวลาที่ถูกจับุม

 

 


หลังการจับกุม มีการพบวีดีโอ 5763 ม้วนจากห้องของทสึโตมุ และหลังการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ 74 คนกับเครื่องเล่นวีดีโอ 50 เครื่องเป็นเวลาสองสัปดาห์ ก็พบภาพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายปะปนอยู่ด้วย วีดีโอดังกล่าวกลายมาเป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องคดีของทสึโตมุในเวลาถัดมา

มิยาซากิ ทสึโตมุไม่ได้ให้การชัดเจนนักเกี่ยวกับแรงจูงใจในการฆ่า แต่ความแปลกประหลาดของคดีก็ทำให้อาชญากรรมนี้เป็นที่สนใจของหลายฝ่าย และมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา


วันที่ 14 เมษายน 1997 ทสึโตมุถูกตัดสินโทษประหารชีวิต เขาขอยื่นอุทธรณ์ หากก็ถูกศาลอุทธรณ์ปฏิเสธและพิพากษายืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น ขณะถูกขังอยู่ในเรือนจำโตเกียว เขาร้องเรียนว่าตนเห็นภาพลวงตาและถูกใช้ยาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง หากในวันที่ 17 มกราคม 2006 ศาลฎีกาก็ประกาศยืนยันโทษประหารของทสึโตมุในที่สุด

ช่วงระยะเวลาที่รอการประหาร

 

 

ในช่วงที่อยู่ภายใต้กระบวนการ ยุติธรรม นายมิยาซากิ ไม่เคยเอ่ยปากแสดงความเสียใจต่อเหยื่อ และครอบครัว เขาเอาแต่บอกว่า แรท แมนซึ่งเป็นตัวการ์ตูน เป็นผู้ที่ก่ออาชญากรรม ส่วนพ่อของเขา ไม่สามารถทำใจรับสิ่งที่ลูกชายกระทำ และได้กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เมื่อปี 2547 แต่นายมิยาซากิ กลับกล่าวว่า เขารู้สึกสดชื่น ….      

แต่หลังจากนั้นเขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในคุกระหว่างรอยื่นอุธรณ์เพื่อลดโทษประหารเป็นจำคุกตลอดชีวิต
ชีวิต ของเขาดูไม่ต่างกับยามอยู่นอกคุกมากนัก เขาใช้เวลาวันหนึ่งๆหมดไปกับการอ่านหนังสือการ์ตูนและดูอนิเมชั่นในทีวีส่วน ตัวเครื่องเล็กๆของเขา

ในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีกว่า 20 ปี มิยาซากิไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากแสดง
ความเสียใจต่อเหยื ่อ และครอบครัวของพวกเขา เขาพูดเพียงแต่ว่า “ไอ้หนู” ตัวการ์ตูน
ที่เขาวาดนั้นเป็นผู้ลงมือก่อเหตุทั้งหมด

สรุบ

 

มิยาซากิ ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในเรือนจำกรุงโตเกียวในวันที่ 17 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2008 และจากคดีฆาตกรรมดังกล่าวนี้เองส่งผลให้ซีรี่ย์ Guinea Pig ต้องถูกทางการญี่ปุ่นสั่งแบนตลอดกาล กลายเป็นหนังต้องห้ามที่ห้ามสร้างภาคต่อโดยเด็ดขาด ซีรี่ย์ Guinea Pig จึงยุติการสร้างลงที่ภาคที่ 7

และนั้นทำให้เขาได้รับฉายาว่าฆาตกรโอตาคุ

เขาแค่เป็นคนทำให้คำว่า Otaku เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าคนที่ชื่่นชอบการ์ตูนจะต้องทำแบบนั้น

เครดิต

http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=170070&sid=11285ef1e2757ade475ce8c5bcad59bf

http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2006/06/A4431584/A4431584.html

http://ohx3.exteen.com/20080906/miyazaki-tsutomu

 

 

4 มี.ค. 54 เวลา 21:02 4,763 9 110
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...