วิกฤตรุม ปะการัง ลามทั่วโลกถึงไทย

  วันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7397 ข่าวสดรายวัน


วิกฤตรุม'ปะการัง' ลามทั่วโลกถึงไทย

ศักดิ์สกุล กุลละวณิชย์




ปะการัง เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลอยู่ในชั้น 'แอน โธซัว' จัดเป็นพวกดอกไม้ทะเล ส่วนแนวปะการังนั้นสร้างขึ้นมาจากโครงสร้างของ 'ปะการังแข็ง' หรือปะการังที่ถูกรองรับด้วยชั้นของสารแคลเซียมคาร์บอเนตที่ผลิตขึ้นมาโดย สาหร่ายคอรอลลีน

แนวปะการังเป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมาก เป็นที่อยู่อาศัยของปลามากกว่า 4,000 ชนิด ชุมชนของหอย และสัตว์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมแล้วมีจำนวนประชากรสัตว์น้ำที่ได้ประโยชน์จากปะการังกว่า 275 ล้านตัวต่อแนวปะการังหนึ่งๆ เลยทีเดียว

ในช่วงเวลาที่อุทยานแห่ง ชาติหมู่เกาะช้างสั่งปิด 3 เกาะ หลังเกิดปัญหาปะการัง ฟอกขาว ซึ่งตายไปกว่า 90% ก็มีรายงานของ "บีบีซี อังกฤษ" ในเรื่องนี้ตรงกันพอดี

โดยมีผลการประเมินล่าสุดระบุว่า 3 ใน 4 ส่วนของแนวปะการังโลกกำลังเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่

รายงาน ทางวิทยาศาสตร์ 20 กว่าชิ้น ที่ทางสถาบันทรัพยากรโลก (WRI) รวบ รวมและได้ข้อสรุปว่า มีสาเหตุสำคัญมาจากการทำประมงจับปลา และการเปลี่ยน แปลงของสภาพอากาศโลก


"ถ้า พวกเราไม่ทำอะไรกันเลยกับปัญหานี้ ผมเชื่อว่าอีกประมาณ 50 ปี ปะการังในแบบที่เรารู้จักจะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป" ดร.มาร์ก สปอลดิง แห่งศูนย์ วิจัยธรรมชาติประเทศอังกฤษกล่าว

"จะเห็นได้ว่า จากรายงานสภาพปะการังในปัจจุบันของสถาบันทรัพยากรโลก มีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่น ตัวทั้งในภาครัฐบาลประเทศต่างๆ, ภาคธุรกิจเอกชน ให้หันกลับมามองปัญหาและร่วมกันอนุรักษ์แนวปะการังชายฝั่งกันอีกครั้ง" เจน ลุบเชนโก ประธานกลุ่มอนุรักษ์ทะเลและอากาศแห่งสหรัฐกล่าว

"ตอนนี้ แน่ชัดแล้วว่า ตัวการของปัญหามาจากทั้งคนท้องถิ่น และสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อปะการังทั่วโลก" ลุบเชนโกกล่าวย้ำ



สําหรับเรื่องการทำประมงจับปลาของ ประเทศต่างๆ จากรายงานระบุว่าเป็นตัวทำลายปะการังกว่าครึ่งหนึ่งของโลก เพราะมักเป็นการทำลายโดยตรง ปะการังไม่สามารถขึ้นใหม่ได้ทัน ยกตัวอย่างเช่นการใช้ระเบิดจับปลาในกลุ่มประเทศโลกที่สาม ที่มักทำให้แนวปะการังหายไปเป็นแถบๆ

ส่วนเรื่องสภาพอากาศ มีหลายสาเหตุย่อย เช่น มลพิษของน้ำทะเลแต่ละที่, ผลกระทบจากธุรกิจการท่องเที่ยว ไปจน ถึงปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ซึ่งถ้าดูจากสถิติ ตัวเลขการเพิ่มขึ้นของมลพิษ และสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ก็จะทำให้ 95% ของปะการังทั้งหมดถูก 'ฟอกขาว' และตายลงอย่างแน่นอน

"ปะการังกำลัง ถูกทำลายจากภาวะโลกร้อน เพราะปะการังนั้นอ่อนไหวต่อเรื่องอุณหภูมิอย่างมาก ถ้าน้ำร้อนขึ้นปฏิกิริยาการฟอกขาวก็จะเร็วขึ้น ในอนาคตผมหวังว่าภาวะโลกร้อนจะถูกชะลอจากการร่วมมือกันของทุกคน แต่นี่ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียว ยังมีเรื่องอื่นอีกที่ต้องแก้ไข ถ้าเราอยากจะรักษาปะการังไว้" ดร.สปอลดิง แสดงความเห็น



หัน มาดูในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในรายงานระบุว่าเป็นภูมิภาคที่มีปัญหามากที่สุด และสภาพปัญหาส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ เพราะในพื้นที่ที่มีคนอยู่มากอัตราของปะการังถูกทำลายก็มากไปด้วย คนอยู่น้อยปัญหาก็น้อยนั่นเอง

โดยกลุ่มประเทศที่มีปัญหาปะการัง ถูกทำลายอยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ โคโม รอส ฟิจิ เฮติ อินโดนีเซีย คิริบาติ ฟิลิปปินส์ แทนซาเนีย และ วานูอาตู

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ยังให้ความหวังว่ายังพอมีทางออกในการที่จะช่วยเหลือปะการังที่ยังสมบูรณ์ ไม่ถูกทำลาย

"ต้อง เริ่มจากการลดกิจกรรมของคนในพื้นที่ เท่านี้ก็ซื้อเวลาได้บ้าง จากนั้นค่อยมาช่วยกันในเรื่องแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งทำยากกว่า" ลอเร็ตตา เบิร์ก เจ้าหน้าที่อาวุโสของสถาบันทรัพยากรโลกกล่าว

"ในรายงานมี ทางแก้ไขให้หลายวิธี และก็มีตัวอย่างในหลายพื้นที่ที่สามารถรักษาความสมบูรณ์ไว้ได้ ดังนั้น เราจึงต้องเรียนรู้จากกันและกัน เพราะถ้าทำไม่ได้ อีก 50 ปีเราจะเหลือเพียงก้อนหินปูนขาวๆ ที่มีปลาไม่กี่ตัวว่ายผ่านเท่านั้น" ดร.สปอลดิง กล่าวทิ้งท้าย

หน้า 21
#ปะการัง
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
2 มี.ค. 54 เวลา 05:59 1,189 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...