แอบถ่าย ?ดาราจำเป็น? (มันมากับความเงียบ)

 

เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าในขณะที่คุณกำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำ เวลาที่สภาพร่างกายของคุณไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม หรือแม้แต่เวลาที่คุณกำลังทำอะไรที่เป็นส่วนตัวอย่างอื่นๆ คุณกำลังถูกจับตามองจากกล้องวงจรปิดที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของห้องนั้น
       
       ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับคุณ พื้นที่ส่วนตัวถูกบุกรุกจากคนไม่ประสงค์ดี เผลอๆ อาจจะกลายเป็นดาราหน้ากล้องไปโดยไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็ปรากฏว่าภาพลับของคุณถูกเผยแพร่ไปตามวีซีดี ‘แอบถ่าย’ ที่กองพเนินอยู่บนแผงบ้านหม้อ พันธุ์ทิพย์ ไว้รอพวกที่มีรสนิยมชอบแอบดูมาหยิบจับไป

 

 


       
       ที่ผ่านมาคงเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง สำหรับการแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในห้องน้ำห้างสรรพสินค้าหรือแม้กระทั่งห้องลองเสื้อผ้าของผู้หญิง
       
       และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หากใครได้ติดตามข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ก็พอจะเห็นเรื่องราวการพบกล้องวงจรปิดในห้องพักของนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านบางเขน ซึ่งห้องพักดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง แบ่งเป็นห้องพักให้เช่า
       
       “หลังจากมีการตรวจสอบร่องรอยการติดตั้งพบว่าบริเวณมุมห้องมีวัตถุคล้ายกล่องเซฟทีคัต เมื่อเปิดดูก็พบว่ามีกล้องวงจรปิดซุกซ่อนอยู่ข้างใน”
       
       โอ้...แม่เจ้า แล้วตอนที่กำลังอาบน้ำ กำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า กำลังทำอะไรๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ หรือแม้กระทั่งเวลาที่คุณกำลังเล่นบทรักกับแฟนหรือคู่รักของคุณ ก็แสดงว่า...กล้องวงจรปิดตัวที่ซ่อนตัวอยู่ ณ มุมใดมุมหนึ่งนั้นได้บันทึกภาพเราไว้หมดแล้วอย่างนั้นหรือ
       
       ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าบางทีสถานที่ส่วนตัวของคุณก็อาจจะเป็นสถานที่สาธารณะสำหรับใครบางคน ที่เขาสามารถดูว่าคุณกำลังทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไรบ้าง และนำไปสู่การเผยแพร่สู่สายตาสาธารณชนต่อไป

 


       
       กล้องวงจรปิดกับนักกฎหมาย
       
       จากการสอบถามไปยัง ศิริวรรณ ว่องเกียรติไพศาล นักกฎหมายและทนายความซึ่งทำงานร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถึงกรณีนี้ว่าเป็นการผิดกฎหมายมาตราใด
       
       “ในเบื้องต้น สำหรับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่เขาได้จากการถ่ายกล้องวงจรปิดจะต้องเปิดโดยเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ เพราะถ้าเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเป็นสื่อลามก ใน พ.ร.บ.นี้จะบอกไว้ว่าถ้านำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใดๆ ก็ตาม มีลักษณะอันลามกก็จะมีความผิดอยู่แล้ว ซึ่งในกฎหมายไม่ได้บอกว่าต้องเผยแพร่ ผู้ใดกระทำความผิดตามที่ระบุไว้คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ก็มีความผิดแล้ว โดยความผิดตรงนี้จะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ตามมาตรา 14”
       
       แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะศิริวรรณบอกว่า ถ้าเจ้าของห้องพักไม่ได้ดูผ่านคอมพิวเตอร์ กรณีนี้ก็จะไม่เข้าองค์ประกอบตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และจำต้องใช้กฎหมายแทน เช่น ในกรณีที่เจ้าของหอพักแอบเอากล้องวงจรปิดไปติดไว้ขณะที่เจ้าของห้องไม่อยู่ กรณีนี้ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก แต่ถ้าติดก่อนจะมีคนมาเช่าห้อง แบบนี้ก็เอาผิดข้อหาบุกรุกไม่ได้
       
       “ถ้าเก็บไว้ดูเอง ไม่เข้าระบบคอมพิวเตอร์ อย่างนี้เอาผิดยาก เพราะกฎหมายเราตอนนี้ต้องยอมรับว่ามีช่องว่างค่อนข้างมาก ซึ่งจะตีความเป็นการอนาจารอาจจะไม่เข้าข่ายซะทีเดียว แต่มันจะมีมาตราเกี่ยวกับการทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย ซึ่งเป็นเรื่องกฎหมายอาญาคือเอาไว้ดูเอง ทีนี้ ถ้าเจ้าตัวรู้ เกิดความอับอายหรือทำให้เขาเกิดความอับอาย ก็จะเป็นแค่ลหุโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ในส่วนของผู้เสียหายถ้าเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือมีการกระทำที่เป็นการละเมิดก็มีความผิดในทางแพ่ง สามารถฟ้องร้องเรียกความเสียหายได้”
       
       ศิริวรรณบอกว่า กฎหมายที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่ครอบคลุมกรณีถ้ำมอง อย่างไรก็ตาม มีความมพยายามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ที่จะร่างกฎหมายขึ้นมาเพื่อให้ครอบคลุมและทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป


       
       กลัว-ไม่กลัวไม่รู้ รู้แต่ต้องระวัง
       
       หลังกระแสข่าวเรื่องการแอบถ่ายในหอเริ่มกระจายออกไป บรรดาลูกหอจำนวนมาก ก็ถึงกับตื่นตระหนกในข่าวนี้ บางคนถึงกับต้องลุกขึ้นมาตรวจดูจุดต่างๆ ในห้องอย่างจริงจัง เผื่อมีกล้องวงจรปิดติดอยู่จะได้รู้ตัวก่อน
       
       จากการพูดคุยกับบรรดาผู้ที่ต้องอาศัยอยู่หอพัก เพื่อสะท้อนว่าพวกเขามีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้บ้าง กลัวบ้างไหม แล้วหากเจอจริงๆ จะจัดการอย่างไร
       
       เริ่มจากหญิงสาววัย 24 ปี อย่าง นิชนันท์ กิตติคุณ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเพิ่งย้ายหอพักมาหมาดๆ เธอเล่าว่า หลังจากได้ยินข่าวก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ
       
       “มันน่ากลัวนะ พอมีข่าวแบบนี้ก็ทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าหอเราจะมีแบบนี้บ้างหรือเปล่า”
       
       เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ได้ตรวจดูตามจุดต่างๆ ในหอบ้างหรือยัง เธอหัวเราะ พร้อมกล่าวออกมาว่า ยังไม่มีเวลาตรวจเลย เพิ่งจัดห้องเสร็จ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจระดับหนึ่งว่า คงไม่มีหรอก เพราะหอที่อยู่มีเด็กนักเรียนอยู่เยอะ และเจ้าของหอค่อนข้างน่าเชื่อถือ
       
       “แต่เราก็ไม่ได้ไม่ระวังเลยนะ ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปตรวจดู เห็นเขาบอกว่ามีวิธีดูเหมือนกัน คือให้เอากระจกไปส่อง หากมีแสงกระทบออกมาแสดงว่าน่าจะมีกล้องอยู่”
       
       นอกจากนี้เธอกล่าวว่า คนที่ทำแบบนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีมากๆ ค่อนข้างโรคจิต ถ้าเจอกับตัวก็คงต้องแจ้งตำรวจ หรือถ้าไม่ใช่เจ้าของหอเป็นคนทำ ก็ต้องให้เขามาจัดการให้เด็ดขาดไปเลย
       
       ขณะที่ชายหนุ่มนักศึกษา วัย 20 ปี อย่าง นนทัช พรหมศรี ซึ่งเช่าหออยู่ร่วมกับเพื่อนๆ กล่าวว่า การทำแบบนี้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวอย่างมาก ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และสมควรถูกลงโทษ แต่หากถามว่ากลัวไหม โดยส่วนตัวไม่ค่อยรู้สึกกลัวเท่าไหร่
       
       “ผมไม่หนักใจเท่าไหร่ เพราะผมเป็นผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะหนักหน่อย เพราะเกิดหลุดออกไปก็จะเสียหาย”
       
       เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการตรวจดูภายในหอบ้างหรือไม่ นนทัชบอกว่า ก็ดูบ้าง แต่ไม่ค่อยละเอียดมากเท่าใด แต่หากเจอจริงก็คงต้องแจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบ และจัดการ
       
       “จริงๆ เราก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะ ถ้าผมไปเจอ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ เอากระดาษกาวปิดกล้องเอาไว้ คนถ่ายมันจะได้มองไม่เห็น (หัวเราะ)”
  

 

     
       ตรวจดูว่ามีใครแอบดูอยู่หรือเปล่า
       
       เมื่อคุณเข้าสู่สถานที่เสี่ยงในการถูกแอบถ่าย เช่น ห้องพักรายวัน โรงแรม หอพักให้เช่า ห้องน้ำสาธารณะ สถานที่เหล่านี้ล้วนไม่สามารถรู้ได้ว่าในพื้นที่ส่วนตัวนั้นมีสายตาของใครที่จับจ้องผ่านกล้องวงจรปิดตัวจิ๋วที่ซุกซ่อนอยู่ ณ มุมใดมุมหนึ่ง ขั้นตอนวิธีการตรวจสอบว่าบริเวณนั้นมีกล้องที่ว่านี้ติดอยู่หรือเปล่า
       
       หากสัญญาณโทรศัพท์มือถือขาดหายขณะโทร.อยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยง ขอให้สันนิษฐานว่ามีการแอบติดกล้องวงจรปิดไว้ในบริเวณนั้นเพื่อ ‘แอบถ่าย’
       เมื่ออยู่ในห้องน้ำสาธารณะหรือห้องลองเสื้อผ้าตามห้างสรรพสินค้าใช้โทรศัพท์มือถือโทร.ออกไปหาใครก็ได้ หากโทร.ติดแสดงว่าไม่มีกล้องซ่อนอยู่ ในทางตรงข้าม โทร.ไปหาใครต่อใครแล้วก็ไม่ติดสักทีทั้งๆ ที่มีสัญญาณอยู่ แสดงว่ามีกล้องซ่อนอยู่ ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าคลื่นของโทรศัพท์ถูกรบกวนโดยคลื่นของกล้องที่ส่งไปยังเครื่องรับ
       
       ปกติกล้องพวกนี้จะใช้รังสีอินฟราเรด มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่มีวิธีตรวจด้วยโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูปหรือวิดีโอ โดยเปิดระบบถ่ายรูปหรือวิดีโอของโทรศัพท์ไว้ และส่องดูจุดที่สงสัยว่าติดตั้งหรือไม่ ถ้าในจอภาพมือถือมีจุดสีแดงเกิดขึ้น หมายความว่าในห้องนั้นมีกล้องติดอยู่
       
       วิธีตรวจสอบ การสังเกตง่ายๆ ให้นำโทรศัพท์มือถือเปิดระบบวิดีโอหรือระบบถ่ายรูปไว้ แล้วนำรีโมตของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนก็ได้กดรีโมตค้างไว้ นำมือถือส่องดูจะเห็นเป็นจุดสีแดงที่หัวรีโมต ถ้ามองด้วยตาเปล่าเราจะมองไม่เห็นตัวของรังสีอินฟราเรด ลองทำดู เพื่อให้ระวังตัวไว้อย่าประมาท
       
       เคยมีบุรุษท่านหนึ่งโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ pantip.com ว่า เมื่อเราไม่สามารถรู้ได้ว่ากำลังถูกแอบถ่ายอยู่หรือเปล่าก็ให้เรารู้วิธีป้องกันตัวเองไว้ เช่น เวลาเข้าห้องน้ำ โดยเขาแนะนำให้นำหนังสือพิมพ์หรือร่มมาปิดที่บริเวณของสงวนเวลาปฏิบัติภารกิจ
       
       และยังเคยมีดาราตลกหญิงคนหนึ่งพูดไว้ว่า เวลาเข้าห้องน้ำหรือเปลือยกายอยู่ให้หาอะไรรมาคลุมหน้าเอาไว้ เพราะคนที่ดูหรือเห็นจะได้ไม่รู้ว่าคนถูกถ่ายเป็นใคร (แม้ว่าคนดูจะได้เห็นสรีระของเราก็ตาม)
       
       ..........
       
       เมื่อกลายเป็นข่าวให้เห็นกันอยู่จนชิน เรื่องแบบนี้ เราในฐานะสามัญชนคนธรรมดาก็ได้แต่ป้องกันตัวเองเท่าที่จะทำได้ ตราบใดที่โลกยังคงหมุนอยู่ตามจังหวะของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นไป มนุษย์เองก็ต้องมีการปรับตัวเตรียมรับมือให้เท่าทันมันเท่านั้นเอง...
       
       ..........
       
       เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
       ภาพ : ทีมภาพ CLICK

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th

6 ต.ค. 52 เวลา 22:00 26,128 53 422
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...