เรื่องลึกลับในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เรื่องลึกลับในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย        
1. "ล็อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์" ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล็อกเกอร์ทีแรกเห็นแต่ขา แต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย 
2. "ห้องมืด (ห้องล้างฟิล์ม) ของคณะนิเทศศาสตร์ " เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิล์มในห้องนี้ แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย.... มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบ...ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อมาเล่าให้ฟังว่า... ยังมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีก เช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิล์มในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน... บอกให้หยิบของส่งให้ ก็มีคนหยิบส่งให้... แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่า ตนเข้าไปคนเดียว......แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้... ยังคงเป็นปริศนาอยู่............. 
3. "บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์" เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวตลอดทั้งตัว ยืนอยู่ที่บันไดนี้
4. "ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เล่ากันว่าถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง 
5. "ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา" ตอนดึกๆ หรือตอนเย็นๆ ใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้าจะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว 
6."ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์" ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยา นักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน ....ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต.... ....เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้........... ต่อมาเมื่อทางคณะได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้ แต่.......มีเฉพาะหน้าห้องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ...ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้........ 
======================================= เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจุฬาลงกรณ์ 
1. "พระบรมรูป 2 รัชกาล" เป็นพระบรมรูปที่เป็นที่เคาารพสักการะ ของชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป เป็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6) ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ได้ใช้พระนามของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และผู้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูป 2 รัชกาลนี้เป็นที่เคารพสักการะของนิสิตจุฬาลงกรณ์เป็นอย่างมาก โดยที่หากนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนใด เดินเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัย และผ่านพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้ จะพนมมือไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคล ทั้งในเวลาที่เข้ามหาวิทยาลัยและออกจากมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ถ้าหากใครมีเรื่องต้องการบนบานศาลกล่าวก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลการสอบของนิสิตนั่นเอง เช่น ขอให้เกรดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ขอให้ผลการเรียนไม่มี F ขอให้ไม่ตกมีน (ค่ากลางของคะแนนแต่ละรายวิชา) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเข้าเป็นนิสิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็จะไปบนบาน กับพระบรมรูปของทั้ง 2 รัชกาล สิ่งที่มีการนำมาใช้บูชาพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้ จะเป็น "ดอกกุหลาบสีชมพู" เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานดอกกุหลาบสีชมพูเป็อย่างมาก จึงมีการนำดอกกุหลาบสีชมพูมาใช้เป็นสิ่งที่ใช้ในการบูชา
2. "ศาลพระภูมิ หอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ศาลพระภูมินี้จะเป็นนที่สักการะบูชาของชาวหอพักนิสิตนี้ได้ตั้งขึ้น พร้อมกับหอพักนิสิต โดยเฉพาะสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 1ที่ผ่าน ประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะพาน้องๆ มาไหว้ศาลแห่งนี้ เพื่อความเป็นศิริมงคล และเป็นการแสดงการฝากตัว ประกอบกับความเคารพให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เมื่อเข้ามาอยู่ในหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเดินผ่านศาลพระภูมิไม่ว่าจะเข้าหรือจะออกจาก หอพักนิสิตนิสิตจะไหว้แสดงความเคารพเสมอ 
3. " ศาลหลวงชัยอัศวรักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์" หลวงชัยอัศวรักษ์เป็นชื่อของคณบดีคนแรกของคณะสัตวแพทยศาสตร์ ซึ่งท่านเป็นที่สักการะของนิสิตในคณะนี้มาก หลังจากนั้น ท่านได้เสียชีวิตลงจึงตั้งศาลขึ้นที่คณะเพื่อเป็นที่เคารพบูชาของชาวคณะ 
4. "ศาลพระภูมิ คณะรัฐศาสตร์" เป็นศาลที่ตั้งขึ้นมาพร้อมกับการแรกเริ่มตั้งคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งเล่ากันว่าในอดีตเจ้าที่ในบริเวณนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก จนถึงกับต้องตั้งศาลเพิ่มขึ้นพร้อมกันถึง 5 ศาล ต่อมาจึงลดจำนวนลงเหลือเพียงศาลเดียว ปัจจุบันศาลนี้เป็นที่สักการะของชาวรัฐศาสตร์ เมื่อถึงประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะนำรุ่นน้องมาสักการะ ณ ศาลแห่งนี้ 
5. "ต้นไทรใหญ่ ที่ลานไทร คณะรัฐศาสตร์" เมื่อมีการนำผ้าไปผูกที่โคนต้นไม้ก็มักจะเข้าใจกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเคารพสักการะ หรือเคยมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น โดยที่ต้นไทรคณะรัฐศาสตร์นี้เพิ่งจะมีการผูกผ้าสีได้ไม่นานนัก คือ ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งคณะซึ่งตั้งมากว่า 51 ปีแล้ว คนที่มาผูกผ้านี้ เข้าใจว่า คงเป็นนิสิตของคณะที่เคยบนบานกับต้นไม้นี้หรือพูดลอยๆ กับต้นไม้นี้ ว่า ถ้าหากสอบผ่านแล้วจะเอาผ้าสีมาผูกต้นไม้ แล้วสอบผ่านจริงๆ ก็เลยมีการเอาผ้าสีไปผูกต้นไทร อีกทั้งต้นไทรมีขนาดใหญ่และมีอายุมากจึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย 
6. "สัญลักษณ์ Rx คณะเภสัชศาสตร์" อยู่ข้างลานบ่อน้ำพุตึกเภสัชเก่า ห้ามไม่ให้นิสิตเดินข้ามสัญลักษณ์นี้ เพราะถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธ์ของคณะ
7. "ถ" ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จะมีสัญลักษณ์ "ถ" ในคณะ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะ และห้ามนิสิตข้ามหรือเดินเหยียบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของคณะ ถือว่าศักดิ์สิทธิ์และยังมีการห้ามเหยียบ "ถุง" ที่คณะนี้อีกด้วย 
8. "ใบชงโค" เป็นสัญลักษณ์ของคณะอักษรศาสตร์ จึงมีข้อห้ามไม่ให้เด็ดใบชงโค มิฉะนั้นจะโดนไล่ออก 
9. "ลาน 4 เสาเทวาลัย" ที่ 4 เสาเทวาลัยของคณะอักษรศาสตร์ที่เกิด เพราะเป็นการสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตึกเก่าตึกหนึ่งของคณะอักษรศาสตร์ จะห้ามนิสิตขึ้นไปนั่งเล่น นอกจากจะใช้ในพิธีการสำคัญ เช่น ประเพณีการรับน้องใหม่ หรือ การบูม 4 ทิศ เป็นต้น ======================================= 
1. "สระน้ำจุฬาฯ" เรื่องเกี่ยวกับสระน้ำจุฬาฯ ที่อยู่ด้านหน้าพระบรมรูป 2 รัชกาล มีเรื่องเล่าอยู่ 2 เรื่องคือ 
1.1 "วันลอยกระทง" เชื่อกันว่าถ้าชาย-หญิงคนใด ที่ยังไม่ได้เป็นคู่กันแล้ว ไปลอยกระทงร่วมกันแล้วจะได้เป็นคู่กัน แต่ถ้าเป็นคู่กันแล้วไปลอยกระทงร่วมกันจะแยกกัน 
1.2 ถ้าใครเดินผ่านสระน้ำจุฬาฯ แล้วเจอเต่าเป็นสัตว์ชนิดแรก จะถือว่าโชคดี แต่ถ้าได้เจอตะพาบน้ำก่อนจะโชคร้าย ยิ่งถ้าวันนั้นเป็นวันสอบเจอเต่าแล้วจะทำข้อสอบได้ แต่ถ้าเจอตะพาบน้ำข้อสอบจะยาก 
2. "สระน้ำคณะวิทยาศาสตร์" เชื่อว่าถ้าใครไปให้อาหารปลาที่สระน้ำข้างรอบคณะวิทยาศาสตร์ แล้วเจอเต่าแสดงว่าเย็นวันนั้นจะโชคดี มีเจ้ามือเลี้ยงข้าว 
3. "ลานเกียร์" ว่ากันว่าหนุ่มวิศวะคนใดเดินสะดุดในลานเกียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์จะได้แฟนในคณะตัวเอง 
4. "ป้ายคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี" เล่าว่า หนุ่มคนใด ถ้าบังเอิญเจอจิ้งจกเกาะหลังป้าย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จะได้แฟนอยู่คณะนี้ 
5. "ทางเดินระหว่างตึกคณะอักษรศาสตร์" อยู่ในตึกเทวาลัยหนึ่ง เป็นโถงที่มีพื้นสีแดง หากว่าใครไปสะดุดล้มที่นั่น จะได้แฟนเป็นสาวอักษร
(ทางที่ว่านี้ ปัจจุบันไม่ให้ใครเข้า) 
6. "บันไดหน้าตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์" เดิมทีนั้นตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์ เคยใช้เป็นที่เรียนของคณะแพทยศาสตร์ และที่ใต้บันไดเคยใช้เป็นที่เก็บอาจารย์ใหญ่ เชื่อกันว่าห้ามนิสิตปี 1 คณะวิทยาศาสตร์ เดินขึ้นบันไดนี้ มิฉะนั้นจะถูก Retire
7. "บันไดกลางคณะครุศาสตร์" ที่คณะครุศาสตร์เชื่อกันว่าถ้านิสิตปี 1 เดินผ่านขึ้นลงบันไดกลางแล้วจะเรียนไม่จบ แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้แล้วเดินผ่านก็ถือว่า "ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด"
8. "บันไดหน้าคณะอักษรศาสตร์" ห้ามนิสิตคณะอักษรศาสตร์ถ่ายรูปที่บันไดหน้าคณะอักษรศาสตร์ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เรียนไม่จบ และถ้าสำเร็จการศึกษาแล้วต้องไปถ่ายรูปที่นั่น เพราะถ้าไม่ได้ถ่ายรูปที่นั่นเหมือนว่าเรียนไม่จบจริงๆ 
9. "อนุสาวรีย์เกียร์" ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จะมีอนุสาวรีย์เกียร์ ซึ่งห้ามขึ้นไปนั่งหรือเหยียบ เพราะเชื่อว่า ถ้าทำแล้วจะโดนรีไทร์ 

ที่มา http://gensci.igetweb.com/index.php?mo=3&art=1025
4 พ.ย. 53 เวลา 05:38 6,047 10 70
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...