ปักกิ่งแชมป์รถติด

ปักกิ่งแชมป์รถติด

โดย สิรีธร โกวิทวีรธรรม นักวิจัยประจำศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ 2 ตุลาคม 2553 11:18 น.   ภาพจราจรอันติดขัดบนถนนกรุงปักกิ่ง (ภาพเอเยนซี)        การจราจรติดขัดใน เมืองใหญ่แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนที่อาศัยอยู่ในเมือง ใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาแล้วเกือบทั่วโลก
       
       สมัยก่อนชาวจีนนิยมใช้จักรยานเป็นพาหนะพาไปยังสถานที่ต่างๆ แต่ปัจจุบันจำนวนจักรยานบนท้องถนนลดจำนวนลงอย่างมาก เพราะประชาชนหันมานิยมซื้อรถยนต์กันมากขึ้น
       
       เมื่อเร็วๆ นี้ “IBM Global Commuter Pain Study” ได้สำรวจสภาพการจราจรใน 20 เมืองใหญ่ทั่วโลก พบว่า กรุงปักกิ่งและกรุงเม็กซิโกซิตี้ครองแชมป์อันดับหนึ่ง ที่การจราจรติดขัดมากที่สุดในโลก สาเหตุหลักมาจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ประชากรชนชั้นกลางของจีนหันมาซื้อรถยนต์เป็นของตัวเองแทนการซื้อจักรยานกัน มากขึ้น เพราะมีความคิดว่า การมีรถยนต์เป็นของตัวเองจะช่วยยกระดับฐานะทางสังคมได้ สภาพการจราจรของกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนี้ต้องถือว่าเป็นปัญหาใหญ่และเลวร้าย มาก
       
       สำนักงานภาษีของกรุง ปักกิ่ง รายงานว่า เพียง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีรถยนต์มาขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมากถึง 248,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 23.8% หากเทียบเป็นวัน พบว่า จำนวนเพิ่มขึ้นของรถยนต์ในปักกิ่งสูงถึง 1,900 คันต่อวัน โดยที่ผ่านมาจำนวนรถยนต์ในปักกิ่งเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านคันเป็น 4 ล้านคัน ใช้เวลาเพียง 2 ปี 7 เดือน ถือว่า เป็นปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลให้การจราจรติดขัดรุนแรงยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาเร่งด่วนช่วงเช้าและเย็น ความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์มีความเร็วเพียง 22 - 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแนวโน้มจะลดลงต่ำกว่า 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหากปั่นจักรยานก็คงจะถึงที่หมายได้เร็วกว่าเสียด้วยซ้ำ ในแต่ละวันผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องใช้เวลาเพื่อเดินทางไปทำงานโดยเฉลี่ยบนถนน ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง
       
       นอกจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นแล้ว หน่วยงาน สถานที่สำคัญต่างๆ ต่างก็กระจุกตัวแต่ในตัวเมือง ทำอะไรก็จะวนเวียนไปมาอยู่แค่ในเมือง ไม่มีการกระจายตัวสถานที่ต่างๆ ไปยังชานเมือง ทำให้คนและรถจำนวนมากต่างก็หลั่งไหลต่อคิวกันเข้าเมือง
       
       รัฐบาลท้องถิ่นกรุงปักกิ่งเองก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหารถติดที่เกิด ขึ้น ในปี 2551 รัฐบาลท้องถิ่นได้ใช้มาตรการลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนด้วยการจำกัดวันที่ สามารถใช้รถได้ตามเลขท้ายของทะเบียนรถ แต่มาตรการนี้ก็ยังสู้กับจำนวนรถยนต์ที่ชาวจีนแห่ซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ไหว
       
       รัฐบาลท้องถิ่นกรุงปักกิ่งได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลล่าร์ ในการสร้างถนนหนทางเพิ่มขึ้น และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนเพื่อให้รองรับปริมาณคนได้อย่างเพียงพอ ที่จะเห็นได้เร็วๆ นี้คือ รถไฟใต้ดินที่จะเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นภายในสิ้นปีนี้อีก 5 สาย คือ สายอี้จวง สายต้าซิง สายฝังซาน สายชางผิงช่วงที่ 1 และสาย 15 ช่วงที่ 1 การเปิดบริการเส้นทางสายใหม่นี้จะทำให้ระยะทางรถไฟมีความยาวถึง 300 กิโลเมตร และยาวถึง 561 กิโลเมตรในปี 2558 ซึ่งในอนาคตข้างหน้าคาดว่า เส้นทางรถไฟในปักกิ่งจะมีทั้งสิ้น 30 สาย โดยจะสามารถขยายไปครอบคลุมเกือบทุกจุดของกรุงปักกิ่งได้
       
       เนื่องจากช่วงเวลาที่การจราจรติดขัดมากที่สุดคือ เวลาเข้างานและเวลาเลิกงาน โดยปกติคนปักกิ่งส่วนใหญ่จะเข้างานเวลา 8.30น. เลิกงานเวลา 17.30น. ในช่วงเวลาเร่งด่วนนี้ผู้คนต่างก็ต้องการความเร่งรีบ คนที่ไม่มีรถส่วนตัว หรือคนที่ไม่ต้องการขับรถไปเพราะต้องการหลีกเลี่ยงรถติดก็ต้องอาศัยบริการขน ส่งมวลชน ซึ่งบางคนก็คิดว่าจะใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่า แต่แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เร็วไปกว่ากันเท่าไรนัก คนที่ใช้บริการรถเมล์ ก็ต้องใช้เวลาในการรอคอยรถเมล์ ถ้าโชคร้ายการจราจรก่อนรถจะมาถึงป้ายที่ยืนคอยหนาแน่นมาก ก็ทำให้ล่าช้าขึ้นไปอีก พอรถเมล์มาก็ต้องพยายามเบียดคนขึ้นไปบนรถให้ได้ ถ้าเบียดขึ้นไปไม่ได้แล้วก็ต้องทำใจยืนรอรถเมล์คันใหม่ที่ไม่รู้ว่าอีกนาน แค่ไหนถึงจะมา เมื่อเปรียบกับการใช้บริการรถไฟฟ้าดูเหมือนจะดีกว่าไม่น้อย เพราะไม่ต้องกังวลกับเรื่องรถติด แต่ก็ต้องใช้เวลาในการรอ เปลี่ยนสาย เบียดสุดชีวิตเพื่อขึ้นรถไฟให้ได้อยู่ดี        ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลท้องถิ่นปักกิ่งจึงเสนอให้ หน่วยงานบางหน่วยเปลี่ยนเวลาเข้างานและเลิกงาน จากเวลาเดิมเป็น 9.00น. และ 18.00น. มาตรการนี้เริ่มใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน เป็นต้นมา โดยรัฐบาลท้องถิ่นคาดการณ์ว่ามาตรการนี้จะเกี่ยวข้องกับคนจำนวนกว่าแปดแสนคน และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า รัฐบาลท้องถิ่นปักกิ่งจะสร้าง “รถด่วนยกระดับ” รถ ด่วนนี้มี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นชั้นสำหรับผู้โดยสาร สามารถจุคนได้ 1,200 - 1,400 คน ส่วนชั้นล่างจะทำเป็นทางสำหรับรถยนต์ที่มีความสูงต่ำกว่า 2 เมตรขับลอดผ่านไปได้ รถด่วนยกระดับเป็นผลงานการคิดค้นจากประเทศจีน ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม รถด่วนนี้จะมีขบวนรถ 4 ขบวน แต่ละขบวนมีความยาว 10 เมตร วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 60 - 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเทียบกับความเร็วของรถประจำทางแล้วจะเร็วกว่าค่อนข้างมาก การขับก็คล้ายกับการขับรถไฟฟ้า เป็นระบบอัตโนมัติใช้คนควบคุมเพียงแค่คนเดียว ซึ่งหากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถที่จะหยุดรถได้ ภาพการเดินรถของรถด่วนยกระดับ(ซูเปอร์บัส) ที่รองรับผู้โดยสารอยู่ชั้นบน (ภาพเอเยนซี)        สำหรับมูลค่าในการก่อสร้างต่อกิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านหยวน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของมูลค่าการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน และเส้นทางของรถด่วนยกระดับก็ใช้เวลาก่อสร้างน้อยกว่าการก่อสร้างเส้นทาง รถไฟใต้ดินมาก รถตัวอย่างจะเสร็จภายใน 3 เดือนหลังจากประกาศสร้างอย่างเป็นทางการ คาดว่า ภายในสิ้นปีนี้จะทดลองวิ่งครั้งแรกที่เขตเหมินโถวโกว ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร และอนาคตจะมีระยะทางกว่า 180 กิโลเมตร โดยจะเชื่อมกับสนามบินปักกิ่งด้วย
       
       ผู้เกี่ยวข้องหวังว่า รถด่วนยกระดับนี้จะเป็นเครื่องมือการเดินทางสาธารณะที่สำคัญอย่างหนึ่งใน ชีวิตประจำวันของคนปักกิ่ง ซึ่งจะสามารถแบ่งเบาสภาพแออัดของการจราจรได้ 20% - 30% เพราะไม่แย่งพื้นที่ท้องถนน อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับเส้นทางที่มีอยู่เดิมได้ เพียงแต่สร้างสถานีผู้โดยสาร และสัญญาณไฟจราจรใหม่เท่านั้น
       
       แต่หากรัฐบาลจีนยังไม่สามารถลดปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่องและไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของประชาชนให้หันมาใช้บริการขนส่งมวลชน เพิ่มมากขึ้นได้ กรุงปักกิ่งก็คงต้องเผชิญกับการจราจรที่เลวร้ายอย่างนี้ต่อไปอีกในอนาคต ภาพจำลองของรถด่วนยกระดับ(ซูเปอร์บัส) นวัตกรรมใหม่แก้ปัญหารถติด (ภาพเอเยนซี)        

#จราจร #อันดับ
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
17 ต.ค. 53 เวลา 05:45 1,867 3 46
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...