สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ก.ย .ว่า ครอบครัวของหนุ่มชาวอังกฤษรายหนึ่งที่เดินทางมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในประเทศไทยจนอาการสาหัส  ออกโรงร้องขอความช่วยเหลือให้ผู้ใจบุญช่วยนำตัวบุตรชายกลับประเทศ

รายงานข่าวระบุว่า  ครอบครัวของ  ทอม มอสส์ อดีตพนักงานเทเลเซลส์ วัย 26  ปีจากเมืองทูตติงในอังกฤษซึ่งมาประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนประสานงากับรถบรรทุกและรถอีก 2  คันที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน   ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือในการพาตัวของหนุ่มเคราะห์ร้ายชาวเมืองผู้ดีรายนี้กลับประเทศ   หลังจากที่ทางครอบครัวเพิ่งหาเงินได้เพียง 4,000 ปอนด์หรือราว192,568บาทเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะใช้นำตัวมอสส์กลับบ้าน เนื่องจากคาดว่าค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการนำตัวเขากลับประเทศทั้งหมดในขณะนี้น่าจะอยู่ ที่ราว  35,000 ปอนด์หรือราว  1.68 ล้านบาท     

สื่ออังกฤษรายงานว่าขณะนี้ มอสส์ซึ่งถูกนำตัวจากจังหวัดเชียงใหม่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไม่สามารถขยับตัวได้เลยตั้งแต่ส่วนคอลงไป และยังสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว 95 เปอร์เซ็นต์   รวมถึงมีกระดูกขากรรไกรหัก จมูกหัก โหนกแก้มแตก      

ขณะนี้นางจีนา  อัลลาเวย์  มารดาวัย 53  ปีของมอสส์ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่ออยู่ดูแลบุตรชายซึ่งเริ่มรู้สึกตัวแล้ว แต่เขายังไม่สามารถจดจำอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ และยังพูดคุยได้อย่างยากลำบาก    รวมถึง ยังไม่สามารถจดจำนางอัลลาเวย์ผู้เป็นมารดาได้ในบางครั้งอีกด้วย  ขณะที่เจมี่ ฮาร์วีย์ วัย 31 ปีพี่สาวของมอสเปิดใจให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ "ลอนดอน อีฟนิง สแตนดาร์ด"  โดยระบุว่า อาการของน้องชายยังคงสาหัส  เพราะตอนที่เกิดอุบัติเหตุมอสส์ได้หยุดหายใจไปแล้ว  และ "หน่วยแพทย์กู้ชีพของไทย"  ได้ใช้เวลากว่า 7 นาทีกว่าจะทำให้เขาฟื้นกลับมาได้ แต่สมองของเขาก็ขาดออกซิเจนไปนานแล้ว

พี่สาวของมอสส์ระบุว่า น้องชายของเธอซึ่งเป็นแฟนตัวยงของทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษได้ตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเวลานานถึง 6 เดือนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเนื่องจาก "ประทับใจความงดงามของเมืองไทย" แต่น้องชายของเธอกลับทำ"ผิดพลาดครั้งใหญ่"  ด้วยการไม่ยอมต่อประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทางให้เรียบร้อยก่อนเดินทางมายังประเทศไทย

ทั้งนี้   มีรายงานว่าหากอาการของมอสส์ทรุดลงมากกว่านี้  เงินค่าใช้จ่ายในการนำตัวเขากลับอังกฤษก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย  โดยอาจสูงถึง 85,000 ปอนด์หรือราว 4 ล้านบาท