10 อันดับสัตว์ที่อาจสูญพันธุ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า

การสูญพันธุ์เป็นกระบวนการตามธรรมชาติ ขณะที่วิวัฒนาการดำเนินไป สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ไป 
และสัตว์ชนิดใหม่ได้เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง (เรียกว่า background extinction) 
อีกทั้งยังเกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตครั้งใหญ่ (mass extinction) ที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่เกิด 
ขึ้นกะทันหันเช่นอุกกาบาตพุ่งชนโลกหรือการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลในหน้าประวัติศาสตร์ทาง 
ธรณีวิทยาถึง 5 ครั้งเลยทีเดียว 

ตอนนี้พวกเรากำลังพบเจอกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าเป็น "คลื่นการสูญพันธุ์ลูกที่ 6 (sixth wave 
of extinction)" ซึ่งหมายถึงการลดลงของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งที่เกิดจากมนุษย์ ผู้เชี่ยวชาญคาด 
การณ์ว่าอัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันอยู่ระหว่าง 100-1,000 เท่าของอัตราการสูญพันธุ์ปกติ 
หรือ background extinction rate (ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่ามันสูงกว่านั้นคือ 10,000 เท่าเลยทีเดียว) 

ตามข้อมูลของสหภาพโลกว่าด้วยการอนุรักษ์ (the World Conservation Union) หรือที่รู้จักกันในชื่อ 
สหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ 83 ประเทศ, 
800 องค์กรอิสระ และ 10,000 นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางโลกไว้ 
ปัจจุบันมีสัตว์ที่อยู่ใน "ภาวะสูญพันธุ์อย่างยิ่ง (critically endangered species)" ถึง 3,071 ชนิดทั่วโลก 
ในข้อตกลงไซเตส (CITES) สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งคือ สัตว์ที่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะสูญพันธุ์ใน 
สภาพธรรมชาติ นี่เป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อยของสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งครับ: 


10. เต่ามะเฟือง (Leatherback Turtle, Dermochelys coriacea) 
 
เต่ามะเฟืองถือเป็นเต่าทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันมีความยาวถึง 8 เมตรและหนักมากถึง 2,000 ปอนด์เลยทีเดียว มันยังดำน้ำได้ลึกที่สุดคือ 
1,200 เมตรเพื่อตามล่าแมงกะพรุน เต่ามะเฟืองสามารถพบได้ในมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และอินเดีย และอาจจะพบได้เหนือสุดที่เมือง 
บริติชโคลัมเบียและใต้สุดที่ประเทศอาเจนติน่า พวกมันมักจะมีการอพยพไปมาในมหาสมุทรแอตแลนติกหรือแปซิฟิกเพื่อหากินและออกไข่ 
จำนวนประชากรของมันลดลงมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการลักลอบขโมยไข่และบริโภคเนื้อเป็นอาหาร การทำลายแหล่ง 
วางไข่จากการพัฒนา(ด้านธุรกิจ)บริเวณหน้าหาด การเปลี่ยนเพศของลูกที่เกิดจากแสงที่มาจากโรงแรมหรืออื่นๆ การติดอวนประมงโดยบังเอิญ 
และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ในปี 1980 การคาดการณ์จำนวนประชากรตัวเมียที่ขึ้นมาวางไข่ทั่วโลกอยู่ที่ 115,000 ตัว แต่ในปัจจุบันตัวลดลง 
เหลือ 26,000-43,000 ตัวเท่านั้น 


9. ลิงทามารินหลากสี (Pied Tamarin, Saguinus bicolor) 
 
หรือเรียกอีกอย่างว่า "bare-faced tamarin" เนื่องจากหน้าและหูที่ไม่มีขนของมัน ลิงทามารินหลากสีอาศัยอยู่ในพื้นที่เล็กๆ รอบเมืองมาเนาส์ 
(Manaus) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล การขยายตัวของเมือง การเลี้ยงปศุสัตว์ และเกษตรกรรมทำให้ป่าร้อนชื้นที่เป็นบ้านของ 
ลิงทามารินลดลงไปมาก และที่แย่ไปกว่านั้น ลิงทามารินชนิดนี้ถูกแย่งพื้นที่หากินที่ทับซ้อนกันจากลิงทามารินอีกชนิดหนึ่งคือลิงทามารินแขน 
เหลือง (golden-handed tamarin) 


8. แรดดำ (Black Rhinoceros, Diceros bicornis) 
 
แรดดำแตกต่างจากแรดขาวตรงที่มันมักจะมีผิวสีออกเทา นอของมันเป็นของตกแต่งราคาแพงและมีสรรพคุณทางยา(เหมือนกับอุ้งตีนหมีครับ) 
ถึงแม้ว่านอเหล่านี้ประกอบไปด้วยเคราตินเหมือนกับผมหรือเล็บมือ ในช่วงต้นศตวรรษ มีแรดดำอยู่ในทวีปแอฟริกานับหมื่นตัว แต่ในปัจจุบัน 
มันเหลืออยู่แค่ไม่กี่พันตัวเท่านั้น ในจำนวนชนิดย่อยของแรดดำทั้ง 4 ชนิด สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตกอยู่ในภาวะถูกคุกคามมากที่สุดและน่าจะ 
สูญพันธุ์จากธรรมชาติไปแล้ว การลักลอบจับสัตว์และการสูญเสียแหล่งที่อยู่ที่เกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องล้วนคุกคามการอยู่รอดของแรดเหล่านี้ 


7. อัลลิเกเตอร์พันธุ์จีน (Chinese Alligator, Alligator sinensis) 
 
เราจะพบอัลลิเกเตอร์ขนาดเล็กชนิดนี้ที่มีความยาวเมื่อโตเต็มที่เกิน 2 เมตรหรือน้ำหนักมากกว่า 40 กิโลกรัมได้ยาก มันอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำ 
แถบแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเดียวกับโลมาแม่น้ำพันธุ์จีน (Chinese river dolphin) ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในปัจจุบันอาศัยอยู่ อัลลิเกเตอร์ชนิดนี้ 
ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการขุดโพรง ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเพาะพันธุ์อัลลิเกเตอร์ชนิดนี้แล้วก็ตาม แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าพวกมันหลงเหลืออยู่ใน 
ป่าเพียง 150-200 ตัวเท่านั้น ซึ่งทำให้มันเป็นจระเข้ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดในโลก 


6. ค้างคาวหางปลอกซีเชลล์ (Seychelles Sheath-Tailed Bat, Coleura seychellensis) 
 
คาดกันว่ามีค้างคาวชนิดนี้เหลืออยู่บนโลกแค่ 50-100 ตัวเท่านั้น พวกมันพบได้เฉพาะในเกาะ Silhouette, Mahu, Praslin และ La Digue ของ 
หมู่เกาะซีเชลล์เท่านั้น (อยู่ในมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมาดากัสการ์) นักวิจัยเชื่อว่ามันอาศัยอยู่ในถ้ำสองแห่ง 
ของเกาะ Silhouette สนธิสัญญาปกป้องธรรมชาติแห่งหมู่เกาะซีเชลล์กำลังตรวจสอบจำนวนประชากรอย่างใกล้ชิด 


5. กาเซลล์ดามา (Dama Gazelle, Gazella dama) 
 
แอนทิโลปชนิดนี้มีโอกาสสูญพันธุ์สูงมาก เมื่อสิบปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรในป่าหายไปถึง 80% ซึ่งเป็นผลมาจากการลักลอบล่าและการ 
ทำลายแหล่งที่อยู่เป็นหลัก ตอนนี้ประชากรที่เหลือไม่ถึง 100 ตัวกระจายอยู่ทั่วไปทางตอนเหนือของแอฟริกาในประเทศชาด ไนเจอร์ และมาลี 
สถานการณ์ในปัจจุบันของพวกมันยังคงน่าเป็นห่วงเพราะมีนายพรานต่างถิ่นเดินทางเข้ามาล่าพวกมันอย่างต่อเนื่อง 


4. อูฐสองโหนก (Bactrian camel, Camelus bactrianus) 
 
บรรพบุรุษของอูฐเลี้ยงชนิดนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่แกชุนโกบิในทะเลทรายโกบิทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนและทางตะวันตกเฉียงใต้ของมองโกเลีย 
อูฐสองโหนกมีโหนกสองอันตามชื่อของมัน ซึ่งแตกต่างจากอูฐอาหรับ (Arabian camel) ที่มีโหนกเดียว ถึงแม้ว่าอุฐชนิดนี้สามารถอยู่รอดในพื้นที่ 
ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของจีนแห่งนี้มาเป็นเวลา 45 ปีแล้วก็ตาม แต่มันอาจทนกับแรงกดดันต่างๆ ในปัจจุบันไม่ได้ (เช่น การทำเหมือง การล่า 
การถูกหมาป่าจับกิน การพัฒนาทางอุตสาหกรรม และการผสมพันธุ์กับอูฐเลี้ยง เป็นต้น) จากข้อมูลของจอห์น แฮร์ (John Hare) ประธานกอง 
ทุนปกป้องอูฐป่าในประเทศอังกฤษพบว่าเหลืออูฐชนิดนี้ประมาณ 650 ตัวในประเทศจีนและ 350 ตัวในประเทศมองโกเลีย ผู้เชี่ยวชาญบางคน 
คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรจะลดลงถึง 84% ในปี 2033 


3. วอมแบทจมูกขนเขตเหนือ (Northern Hairy-Nosed Wombat, Lasiorhinus krefftii) 
 
วอมแบทเป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องที่พบในประเทศออสเตรเลีย มีรูปร่างอ้วนกลมและมีกรงเล็บแข็งแรงที่ใช้ขุดโพรงใต้ดิน วอมแบทสายพันธุ์ 
จมูกขนเขตเหนือนี้เป็นวอมแบทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโดยมีขนาดตัวยาวได้มากถึง 1 เมตรและหนักได้ถึง 40 กิโลกรัม มันยังมีขนที่อ่อนนุ่มและมี 
ท่าเดินที่ดูอุ้ยอ้าย (แต่สามารถวิ่งได้เร็วถึง 40 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว) พวกมันประมาณ 100 ตัวอาศัยอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ขนาดเล็กในรัฐ 
ควีนส์แลนด์ครับ 


2. ลิงอุรังอุตังสุมาตรา (Sumatran Orangutan, Pongo abelii) 
 
ตอนนี้มีลิงอุรังอุตังเหลืออยู่ในโลกไม่ถึง 7,500 ตัวและพวกมันก็มีอัตราการลดลงประมาณ 1,000 ตัวต่อปี กล่าวโดยอดัม โทมาเสก (Adam 
Tomasek) ผู้อำนวยการโครงการในเกาะบอเนียวและสุมาตราของกองทุนสัตว์ป่าโลก (the World Wild Fund, WWF) ในอัตรานี้ พวกมันจะ 
สูญพันธุ์ภายใน 10 ปีข้างหน้า สาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนประชาการของพวกมันลดลงคือการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยจากการตัดไม้ ไฟป่า 
และกิจกรรมของมนุษย์อื่นๆ 


1. แมวลิงซ์ไอบิเลีย (Iberian Lynx, Lynx pardinus) 
 
มันคือสัตว์วงศ์เสือที่ใกล้จะสูญพันธุ์มากที่สุดในโลก แมวลิงซ์ไอบีเลียเคยอาศัยอยู่ในแถบประเทศสเปน โปรตุเกส และฝรั่งเศสตอนใต้ ในปัจจุ 
บันจำนวนของมันเหลืออยู่เพียง 120 ตัวโดยแยกอาศัยเป็นกลุ่มในบริเวณแอนดาลูเซีย (Andalusia region) ในประเทศสเปน การลดลงของพวก 
มันเกิดมาจากการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย รถชนตาย การลักลอบจับ และการลดลงของประชาการกระต่าย ในการพยายามอนุรักษ์ส่วนหนึ่ง รัฐบาล 
สเปนได้ตัดสินใจให้มีการปล่อยกระต่ายในพื้นที่ป่า (กระต่ายเป็นอาหารโปรดของมัน) ถ้าแมวลิงซ์ไอบิเลียสูญพันธุ์ไป มันจะเป็นสัตว์พวกเสือที่ 
อาศัยในป่าชนิดแรกที่สูญพันธุ์หลังจากอยู่มานานกว่า 2,000 ปี 

#10อันดับ
sealotkung12
เด็กกองถ่าย
28 ก.ค. 53 เวลา 18:12 6,143 9 140
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...