เมื่อมีงานวิจัยบอกว่า "การสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกัน" ในศตวรรษที่ 16 ทำให้โลกเย็นลง

https://www.catdumb.com/genocide-of-native-americans-cooled-the-planet-378/

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ก็ตาม แต่เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในระหว่างการล่าอาณานิคมช่วงศตวรรษที่ 16 ชาวยุโรปได้สังหารชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาไปเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษย์ 

 

แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับสภาวะของโลกในสมัยนั้น ทั้งในการปกครองพื้นที่ สังคม วัฒนธรรม แถมจากงานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ดูเหมือนว่าชาวยุโรปจะสังหารชนพื้นเมืองอเมริกันไปเยอะมาก จนอุณหภูมิของโลกเย็นลงเลย อ้างอิงจาก Alexander Koch ผู้นำการวิจัยในครั้งนี้ การสังหารหมู่ชนพื้นเมืองนั้นรุนแรงมากพอที่จะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศลดลงเป็นอย่างมาก จนส่งผลให้อุณหภูมิของโลกโดยรวมตกลง 

 

จากการคาดการ การสังหารหมู่ในครั้งนั้นได้ทำให้ชาวพื้นเมืองอเมริกันเหลือเพียง 5-6 ล้านคนจากตอนแรกมีถึง 60 ล้านคน ภายในเวลา 100 ปี

 

ดังนั้นหากคำนวนตามพื้นที่ที่มนุษย์ใช้อาศัย พื้นที่ที่เคยมีคนอยู่ราวๆ 560,000 ตารางกิโลเมตรจะถูกทิ้งร้างจนกลับไปเป็นผืนป่าอีกครั้ง และต้นไม้ในป่าเหล่านี้เองที่ดูดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศจนทำให้บริมาณคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกลดลงไปราวๆ 7-10 ppm เลย (เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ในปัจจุบันถ่านหินที่เราเผาเพื่อเป็นพลังงานจากทั่วโลกจะทำให้คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นราวๆ ปีล่ะ 3 ppm)

 

นั่นหมายความว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นทำให้โลกที่ในช่วงศตวรรษที่ 15-18 ค่อนข้างเย็นอยู่แล้ว (จากภาวะยุคน้ำแข็งน้อย) มีสภาพที่เย็นมากยิ่งขึ้นไปอีก แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่มนุษย์สามารถทำกับโลกได้เป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่ออกมานี้ยังคงถูกมองจากนักวิทยาศาสตร์หลายๆ ฝ่าย ว่ามีการกล่าวอ้างที่เกินจริงอยู่บ้าง และยังคงต้องมีการหาหลักฐานมายืนยันทฤษฎีเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวิจัยดังกล่าว

 

ที่มา https://allthatsinteresting.com/little-ice-age-cause

#ฆ่าหมุ่
THEBOxrun
นักแสดงรับเชิญ
สมาชิก VIP
24 มี.ค. 62 เวลา 11:49 2,953
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...