http://www.saradd.com/12487-content/

ย้อนกลับไปในช่วง 40 ปีก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรโรมันถูกปกครองโดยจักรพรรดิ Tiberius เป็นจักรพรรดิที่ได้รับยกย่องในปัจจุบันว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่มีความสามารถในด้านการทหาร และเป็นผู้บุกเบิกในการวางรากฐานอำนาจของโรมทางด้านเหนือได้จนสามารถขยายอาณาจักรได้สำเร็จ และพระองค์ก็มีอีกชื่อเสียงหนึ่งในด้านความเหี้ยมโหด เด็ดขาดและมีรสนิยมในการลงทัณฑ์เชลยและผู้กระทำความผิดที่โหดจนผู้คนขยาดไม่กล้ากระทำความผิด เพราะในการประหารนักโทษแต่ละครั้งในรัชสมัยของพระองค์นั้น จักรพรรดิ Tiberius จะทรงร่วมเป็นสักขีพยานทุกครั้ง ว่ากันว่าวิธีการประหารวิธีหนึ่งที่พระองค์ทรงโปรดให้ใช้กว่าชนิดอื่นๆ นั่นก็คือวิธีที่เรียกว่า “ดื่มจนตาย” วิธีนี้คงจะเป็นวิธีที่คอไวน์คอแอลกอฮอล์ได้ยินในตอนแรกคงต้องกลืนน้ำลายลงคอเป็นแถวๆ เพราะมีการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทไวน์เป็นอาวุธในการประหารครั้งนี้

สำหรับวิธีประหารแบบ “ดื่มจนตาย” จะถูกใช้เฉพาะนักโทษผู้ชายเท่านั้น โดยเริ่มด้วยการจัดหาไวน์มาเตรียมไว้เป็นถังๆ หรือเป็นลิตร ๆ จากนั้นนักโทษก็จะต้องเดินขึ้นไปนั่งคุกเข่าบนแท่นประหารในสภาพที่ถูกมัดมือไพร่หลังไว้เรียบร้อย และยังมัดส่วนอื่นอีกซึ่งขออุบไว้ก่อนว่ามัดอะไร จากนั้นเพชฌฆาตก็จะจับนักโทษให้เงยหน้าขึ้นเพื่อกรอกไวน์ใส่ปากทีละเหยือกๆ ห่างกันเหยือกละ 5-10 นาที แค่คิดก็ดูน่าฟินใช่มั้ย ถูกประหารด้วยการกรอกเหล้าไวน์ ตายไปแบบฟิน ๆ

แต่เมื่อกรอกไวน์ใส่ปากไปสักระยะหนึ่ง คราวนี้แหละความทรมานก็จะเพิ่มมากขึ้น เพราะอวัยวะเพศของนักโทษผู้นั้นถูกมัดไว้ด้วยเชือกหนัง ทำให้ขับถ่ายไม่ได้ ฉี่ออกก็ไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งนี่คือความลับที่อุบไว้ในทีแรก เพราะเป็นวิธีที่จะทำให้นักโทษทรมานมากที่สุด นอกจากอาการตึงท้องแล้วนักโทษยังต้องปวดท้องจากอาการปวดฉี่แบบหน้าดำหน้าแดงไปข้างหนึ่ง ลองนึกถึงความเป็นจริงสิ แค่อั้นฉี่ 5 นาทีก็แย่แล้ว แต่นี่ต้องถูกจับกรอกไวน์ไปเรื่อย ๆ และถ้านักโทษคนไหนแสดงอาการทรมานขึ้นมา ก็จะถูกแกล้งด้วยการปล่อยทิ้งระยะไว้ประมาณชั่วโมงถึงสองชั่วค่อยกลับมากรอกไวน์ต่อเรื่อยๆ จนนักโทษอ้วกแตกอ้วกแตน และอวัยวะเพศบวมเป่งจนหนังปริเนื่องจากไม่สามารถขับถ่ายออกไปได้ (อยากรู้จังว่ามัดยังไง)

นักโทษจะถูกกระทำซ้ำด้วยวิธีนี้จนกว่าขาดใจตาย เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะแตกตายคาลานประหาร นักโทษผู้ที่ทนได้เยอะที่สุดนั้นถูกกรอกไวน์ไปร่วม 15 ลิตรก่อนขาดใจตาย ต่อมา วิธีการนี้ถูกเลิกใช้ไปเนื่องจาก “สิ้นเปลือง” เกินเหตุ และไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่ากับการปล่อยให้ลงไปสู้กับสัตว์ ที่ได้ทั้งความสะใจและได้เงินจากการเก็บค่าเข้าชม

ที่มา SARADD.COM