ตามติดชีวิตมนุษย์เงินเดือน 4 ล้านบาทแห่งนิวยอร์ก วันๆ ใช้จ่ายไปกับอะไรแค่ไหนบ้าง!?

http://www.catdumb.com/4-million-bath-salary-woman-expenses-diary/

ชีวิตมนุษย์เงินเดือนส่วนมากไม่ได้ฟู่ฟ่าหรูหรานัก เพราะว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้เงินเดือนเยอะจนเหลือเก็บได้ ส่วนใหญ่ที่เหลือนั้นบางทีก็เงินน้อยจนใช้กันเดือนชนเดือนเลยทีเดียว ซ้ำร้ายบางคนยังหมุนเงินไม่ทันด้วย แต่ถึงจะเป็นมนุษย์เงินดือนก็ไม่ได้เงินน้อยเสมอไปหรอก ถ้าเกิดขึ้นไปถึงตำแหน่งหัวหน้างานใหญ่ๆ ได้ล่ะก็อาจจะมีเงินเดือนเป็นแสนเป็นล้าน สามารถใช้ชีวิตหรูหราแบบสบายๆ เลยนะ ไม่เชื่อลองไปดูผู้หญิงคนนี้สิ 

หญิงที่จะมาแบ่งปันไดอารี่ค่าใช้จ่ายของเธอในวันนี้ เป็นหญิงวัย 35 ปีที่ทำงานเป็นหัวหน้าผู้จัดการให้กับ Hedge Fund บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.3 ล้านบาท) หากรวมกับเงินโบนัสที่ได้ทุกเดือนแล้ว รายได้เฉลี่ยของเธอจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48 ล้านบาท) เยอะกว่าเงินรายเดือนของพนักงานทั่วๆ ไปในบ้านเราเป็นพันเท่าตัวเลยทีเดียว ลองไปดูว่าชีวิตการใช้เงินของเธอจะเป็นยังไงบ้าง 

 

วันจันทร์ 

เธอเริ่มต้นวันแรกของอาทิตย์ด้วยการส่งลูกทั้งสองคนไปโรงเรียน จากนั้นเธอจึงไปเข้าประชุมที่โรงแรม Palace Hotel หลังจากผ่านการประชุมติด 6 ครั้งมาอย่างเหนื่อยล้า ตอนเย็นเธอจึงแวะเติมพลังที่ร้านเสื้อผ้า Zara ด้วยการช็อปชุดเดรสใหม่ 2 ตัวรวมแล้วราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,800 บาท)

จากนั้นเธอก็เข้าไปที่ทำงานเพื่อเตรียมงานประชุมของวันรุ่งขึ้น แล้วจึงเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว รวมแล้ววันนี้เสียแค่ค่าช้อปปิ้ง 150 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,800 บาท) 

วันอังคาร 

วันนี้รถไฟที่เธอจะนั่งไปทำงานมาช้า เธอจึงออกไปกินมื้อเช้าในห้องประชุมเลย และตอนกลางวันเธอก็กินบุฟเฟ่ต์ที่ทางที่ทำงานจองไว้ให้แล้วก็นั่งฟังประชุมไปด้วย พอประชุมเสร็จแล้วเธอก็แวะที่ร้านรองเท้า Stuart Weitzman และเสียค่ารองเท้าใหม่ไปอีก 707.4 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 22,000 บาท)

เธอไม่รอให้รองเท้าเซลล์เพราะว่ากว่ามันจะเซลล์ ก็ไม่มีรองเท้าตรงไซส์ของเธอแล้ว จากนั้นเธอก็กลับไปกินอาหารเวียดนามที่บ้านกับลูกๆ ข้าวทุกมื้อของเธอฟรีหมดเลย จึงเสียแค่ค่ารองเท้า 707.4 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 22,000 บาท) 

วันพุธ 

ในตอนเช้าเธอไปเข้าร่วมงานประชุมที่โรงเรียนของลูกสาว แล้วก็พึ่งรู้ว่าตัวเองมีประชุมในต้นปีหน้า เธอจึงรีบจองเที่ยวบินเดินทาง และห้องพักที่อยู่ใกล้กับที่ประชุม รวมแล้วเสียเงินไป 4,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 140,000 บาท)

เท่านั้นยังไม่พอเธอยังจองตั๋วเครื่องบินให้กับญาติในราคา 660 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 21,000 บาท) เพื่อที่จะให้ทุกคนไปเที่ยวในวันหยุดยาวด้วยกัน แล้วพอตกเย็นเธอก็รับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนของสามี เสียค่าอาหารเย็นไปอีก 160 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,100 บาท) วันนี้เธอเสียเงินค่าที่พักและค่าเดินทางไปเยอะกว่าปกติ เมื่อรวมตั๋วเครื่องบินและค่าอาหารเย็นที่ไปทานกับสามีและเพื่อนด้วย รวมแล้วเป็นมูลค่า 5,120 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 163,000 บาท) 

วันพฤหัสบดี 

วันนี้เธอมีประชุมทั้งวันเลย แต่ก็ไม่ได้ใช้เงินในระหว่างวันแม้แต่แดงเดียว ทว่าพอเธอกลับบ้านมาเธอก็จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวทวีปเอเชียกับสามี โดยเสียค่าตั๋วเครื่องบินไป 6,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 200,000 บาท) ละค่าที่พัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 95,000 บาท)

นอกจากนี้พวกเธอยังวางแผนทริปท่องเที่ยวเพื่อฉลองวันครบรอบแต่งงาน 10 ปีเพิ่มอีกด้วย พวกเขาวางแผนจะไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกัน 3 วัน จึงจองตั๋วเครื่องบินไปในราคา 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35,000 บาท) และค่าที่พักอีก 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48,000 บาท) ดังนั้นวันนี้จึงเสียค่าใช้จ่ายประจำวันที่จ่ายค่าเดินทางไปฉลองวันครบรอบ 10 ปี และค่าเดินทางไปท่องเที่ยทวีปเอเชียอีก รวมแล้ว 12,100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 380,000 บาท) 

วันศุกร์ 

มื้อกลางวันวันนี้เธอและเพื่อนออกไปทานซูชิด้วยกันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เมื่อคิดเงินแล้วเธอเสียค่าอาหารกลางวันไป 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,400 บาท)

พอตกดึกเธอก็พาลูกเข้านอน ส่วนตัวเธอและสามีก็หาเช่ารถเพื่อไปเที่ยวรัฐแมริแลนด์ด้วยกันในวันคริสต์มาส ในราคา 800 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 25,000 บาท) นอกจากนี้ก็ยังต้องจองที่พักให้ครอบครัวฝั่งเธอและสามีด้วย อีก 407 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13,000 บาท) เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว วันนี้เธอเสียค่าอาหารและค่าเดินทางรวมกันทั้งหมดเป็นเงิน 1,407 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 45,000 บาท) 

วันเสาร์ 

หลังจากที่ลูกสาวของเธอเรียนเปียโนเสร็จในช่วงเช้าแล้ว ครอบครัวเธอก็เดินทางไปเที่ยว Billy Beez ที่ๆ เต็มไปด้วยของเล่นเด็กด้วยกัน โดยเสียค่าเข้าไป 120 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,800 บาท) จากนั้นเธอก็กินข้าวกลางวันกับลูกๆ ที่ The Cheesecake Factory โรงงานชีสเค้กขนาดใหญ่ ที่นี่มีเสิร์ฟทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เธอและลูกๆ ก็กินกันไปเยอะเลย เสียค่าอาหารไป 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,500 บาท) เลยทีเดียว

พอกินข้าวเสร็จเธอก็พาลูกกลับไปเล่นเครื่องเล่นอีกครั้งหนึ่ง เสียค่าเครื่องเล่นไป 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 640 บาท) แล้วก็แวะซื้อชาไข่มุกก่อนกลับบ้านอีก 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 320 บาท) รวมค่าใช้จ่ายในการเที่ยวของครอบครัวเธอทั้งวันแล้ว วันนี้จึงเสียเงินไปเพียง 230 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,300 บาท) 

วันอาทิตย์ 

ในวันนี้เธอและลูกชายต้องไปงานวันเกิดของเพื่อนลูกชายเธอ จึงเสียค่าของขวัญไป 30 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 960 บาท) ในช่วงกลางวันเธอก็พาลูกทั้งสองคนไปเล่นที่อพาร์ทเม้นต์ของเพื่อน และเธอยังซื้อของไปทำขนมให้เด็กเด็กกินกันด้วย รวมแล้วเธอจ่ายเงินไป 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,300 บาท) พอลูกของพวกเธอกินขนมเสร็จพวกเขาก็ไปว่ายน้ำที่สระ 

พอตกเย็นเธอก็พาครอบครัวไปร้านอาหารเพื่อเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับคุณแม่ของเธอ ถึงแม้ว่าคุณยายจะอบเค้กมาให้หลานๆ ทานเอง แต่ก็เสียค่าอาหารไปอีก 150 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,800 บาท) รวมทั้งหมดแล้ว ในวันอาทิตย์เธอก็เสียค่าใช้จ่ายไปอีก 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,400 บาท) 

สรุปยอดค่าใช้จ่ายทั้งอาทิตย์ 

ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว หลังจากนับรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วพบว่าหญิงสาวมนุษย์เงินเดือนแสนล้านคนนี้เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมดทั้งมวล 19,914.4 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยกว่า  635,000 เลยทีเดียว นีี่ใช้เงินไปแค่อาทิตย์เดียวจริงเหรอเนี่ย!?

อย่างไรก็ตามนี่เป็นค่าใช้จ่ายของเธอเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น บางอาทิตย์เธออาจจะจ่ายเงินน้อยกว่านี้ หรืออาจจะมากกว่านี้อีกก็เป็นได้ 

อิจฉาคนรวย จะซื้ออะไรก็ซื้อ จะหยิบอะไรก็หยิบ 

ที่มา http://www.businessinsider.com/how-a-hedge-fund-manager-earning-15-million-salary-spends-in-nyc-2018-1?utm_content=bufferce24e&utm_medium=social&utm_source=facebook.com&utm_campaign=buffer-bi%2F/#day-1-a-mid-day-shopping-trip-at-zara-1

20 ม.ค. 61 เวลา 08:00 2,035 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...