นี่คือสัตว์ลึกลับที่ออกอาละวาดดูดเลือดสัตว์มากมาย มันคือตัวอะไรกันแน่

read:http://petmaya.com/chupacabra-legend

ย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม ปี 1995 จู่ๆ ก็มีแพะจำนวน 8 ตัวถูกฆ่าตายในแถบเปอร์โตริโก ลักษณะการตายของพวกมันแตกต่างจากการเป็นโรคระบาด เพราะร่างกายของแพะ 3 ใน 8 ตัวถูกดูดเลือดออกมาจนหมดพร้อมกับกลิ่นคล้ายกำมะถันติดอยู่

ต่อมาเริ่มพบซากของสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นแพะ สุนัข ตายในลักษณะเดียวกันนี้มากขึ้น ผู้คนต่างร่ำลือกันไปต่างๆ นานา ว่าเป็นปีศาจบ้าง แวมไพร์บ้าง แต่ไม่มีใครอธิบายเหตุการณ์นี้ว่ามันเป็นอะไรหรือมันเกิดขึ้นเพราะอะไรจนกระทั้งอีกหกเดือนต่อมา

และนั่นเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านเริ่มเห็นสัตว์แปลกๆ ที่มีขนาดประมาณ 4-5 ฟุต อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ลักษณะของมันดูคล้ายกับหมีผสมสุนัข มีแขนขาที่เล็ก มีหนามแหลมตั้งแต่คอลงไปจนถึงกลางหลัง มีศีรษะที่เหมือนสัตว์ประหลาดไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตใดบนโลก ดวงตากลมโตมีสีแดงกล่ำ

จนกระทั่งเดือนกันยายนปี 1995 แม่บ้านคนหนึ่งนามว่า มาเดลีน โตเลนติโน ได้มีโอกาสเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เข้าจังๆ ขณะกำลังทำร้ายแพะของเธออยู่ ดวงตาของมันฉายประกายเจิดจ้าอยู่ในความมืด เขี้ยวของมันยาวโง้ง ผิวหนังของมันเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งเช้าวันถัดมา เธอก็พบศพแพะทั้งหมดถูกดูดเลือดออกจนหมด หลังจากนั้นมันจึงถูกตั้งชื่อว่า “ตัวดูดเลือดแพะ” หรือถูกเรียกในภาษาสเปนว่า ชูปาคาบรา (El Chupacabra)

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เหยื่อของชูปราคาบราไม่ได้มีแค่แพะเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์เล็กสัตว์น้อย ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว เป็ด ไก่ ห่าน กระต่าย หรือแม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างวัว ก็ตกเป็นเหยื่อของมันอีกด้วย และตั้งแต่นั้นชาวบ้านที่ส่วนใหญ่มักจะทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เริ่มหวาดกลัวและหาทางรับมือกับสัตว์ร้ายตัวนี้มากขึ้น

ในเดือนพฤษจิกายน 1995 จอร์ต มาร์ติน ได้เผยแพร่เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ต และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจเจ้าตัวดูดเลือดแพะนี้กันมากมาย มีพยานผู้พบเห็นหลายคนมาสนับสนุนเรื่องราวชวนสยองนี้

หลุยส์ กัวดาลูป หนึ่งในพยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รูปร่างของมันน่าเกลียดน่ากลัว ลิ้นของมันยาวเหมือนกับลิ้นงู และไม่รู้ว่ามันจะบินได้หรือเปล่า ส่วน อังเคล พูลิโด พยานอีกหนึ่งคนกล่าวว่า มันดูเหมือนค้างคาวตัวใหญ่จนดูคล้ายกับแม่มด

หลังจากกระแสของชูปราคาบราได้แพร่กระจายออกไป ทางนักการเมืองท้องถิ่นจึงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง โฆเซ โซโต นายกเทศมนตรีของเมืองจึงได้ส่งทีมค้นหาออกไปมากถึง 200 คน ไล่ตรวจสอบพื้นที่ตามฟาร์มต่างๆ ในตอนกลางคืน เนื่องจากคิดว่ามันเป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน แต่ผลสุดท้ายก็ล้มเหลว เนื่องจากหุบเขาในเปอร์โตริโกนั้นมีคามซับซ้อนและยาวมาก

ข่าวคราวเรื่องชูปาคาบราออกเล่นงานเหยื่อยังคงมีปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งต้นปี 1996 จึงเริ่มค่อยๆ ชาลงไป อาจเป็นเพราะปีนี้อากาศหนาวผิดปกติ หลายคนจึงคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะจำศีลหนีหนาวอยู่ในถ้ำที่ไหนสักแห่งบนเทือกเขาบริเวณนั้น

แต่ความสงบนี้เกิดขึ้นแค่เพียงไม่กี่เดือน เพราะในเดือนมีนาคม 1996 ฮารูตูโร โรดริเกวส ชาวนาในหมู่บ้านแจ้งว่าไก่ชนที่เขาเลี้ยงไว้ ทั้งตัวผู้และตัวเมียร่วม 30 ตัว ถูกชูปาคาบราฆ่าตาย ตามร่างกายและคอหอยของซากไก่มีบาดแผลเป็นรูเล็กๆ และไม่มีรอยเลือดที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบดูก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชูปาคาบรา เพียงแต่บอกว่ามันอาจเกิดจากหมาป่าหรือฝูงค้างคาวกัดก็เป็นได้

วันที่ 9 มีนาคม เด็กชายโอริโอ เมนเดซ กำลังขุดหลุมเพื่อฝังไก่เขาที่ตายอยู่สนามหลังบ้านนั้น แต่แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นตัวอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างแปลกประหลาด สูงราว 4 ฟุต เดินสองขา นัยน์ตาแดง มีเขี้ยวใหญ่ มือมีอุ้งเล็บ ตัวสีเทา เด็กคนนั้นเล่าให้ตำรวจฟังว่า “เจ้าสัตว์หูแหลมตัวนั้นยื่นนิ่งอยู่นาน แต่มันไม่ทำร้ายผม และจู่ๆ ก็วิ่งหายไป”

ความตายของสัตว์เลี้ยงยังดำเนินต่อไปจนถึงแถบบาร์ริโอ ซูมีเดโร โดยเฉพาะตำบลลา เวกาคาปิญา และ ลา อาราญา พวกสัตว์เลี้ยงหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ ห่าน แพะ แกะ หรือแม้แต่วัวก็ล้มตายโดยถูกดูดเลือดจนหมดทุกตัว มีอยู่ที่หนึ่งประตูสังกะสีขนาดใหญ่ ถูกกระชากจนหลุดจากบานพับแสดงว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้จะต้องมีกำลังมหาศาลอย่างมาก

ฮูลิโอ โลเปซ ยืนยันว่าชูปาคาบรามีพละกำลังมหาศาล “กรงกระต่ายของลูกสาวผมเสียหายอย่างหนัก ท่อเหล็กและลวดตาข่ายถูกฉีกขาด มันเอากระต่ายไปฆ่า และควักหัวใจไส้พุงออกมา พวกหมา ลิงทโมน หรืองู ไม่มีทำเรื่องแบบนี้ได้แน่นอน”

เรื่องของชูปาคาบราแพร่กระจายไปไกลมาก และนั่นทำให้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตัวมัน บางคนคิดว่าชูปาคาบราเป็นผีดูดเลือด ที่ต้องใช้กระสุนเงินฆ่ามันเท่านั้น ส่วนบางคนก็คิดไปไกลว่าต้องใช้แสงเลเซอร์ฆ่า

เหตุชูปาคาบราอาละวาดฆ่าสัตว์เลี้ยงไม่ได้มีแต่เฉพาะเปอร์โตริโกเท่านั้น มันยังลามไปถึงอเมริกา และเม็กซิโกด้านมหาสมุทรแปซิฟิก และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1996 ได้มีรายงานการตายของสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ที่รัฐซิโนโลอา ฮาลิสโค และเวราครูซ โดยเฉพาะรัฐเวราครูซได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเพราะรัฐนี้เป็นรัฐที่เลี้ยงแพะมากที่สุด

เหตุการณ์ในเม็กซิโกเริ่มเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อมีรายงานว่ามีคนถูกชูปาคาบราทำร้าย ส่วนใหญ่ผู้ถูกทำร้ายจะปรากฏบาดแผลเป็นรูเล็กๆ สองรูตามร่างกาย หรือรอยเล็บ และมีรายงานชูปาคาบราโดนคนยิงแต่ไม่สามารถทำอันตรายมันได้ แล้วมันก็หนีไปในความมืด

ในปานามาเองก็มีรายงานที่คล้ายๆ กัน หญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อลิซาเบธ ซาเวอร์ดรา เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกทำร้าย บางครั้งก็พบว่าอวัยวะของซากสัตว์นั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีรอยฉีกขาด เหมือนตัดเอาไปด้วยแสงเลเซอร์

นอกจากนั้นในประเทศบราซิลเองก็มีการบันทึกของชูปาคาบราด้วย แต่คราวนี้ไม่ใช่รายงานสัตว์ที่โดยทำร้ายแต่เป็นการตายของเจ้า ชูปาคาบรา เสียเอง โดยถูกนักตกปลากลุ่มหนึ่งยิงได้ที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง และพวกเขาได้ตัดส่วนหัวของมันเก็บไว้และได้นำมาออกในรายการทีวีในเวลาต่อมา แต่ก็มีข่าวว่ามีคนจับตัว ชูปาคาบราเป็นๆ ไว้ได้แต่ไม่ได้ถูกนำมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ เพียงแต่ยอมให้นักสำรวจของอเมริกาตรวจดูได้เท่านั้น

สรุปแล้ว มันคือตัวอะไรล่ะ ?

จากคำบอกเล่าของพยานผู้รู้เห็น จากซากสัตว์ที่โดยทำร้าย และจากซากของชูปาคาบรา พบว่าชูปราคาบรานั้นมีรูปร่างหลายแบบ แตกต่างกัน บ้างก็เหมือนมนุษย์ต่างดาว เหมือนหนูตัวใหญ่ บ้างก็เหมือนลิง บางตัวก็มีปีก บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน บางก็มีเสียงเห่าหอน ทำให้ผู้ออกความเห็นมากมาย บ้างก็ว่าเป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน

มีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ ที่ป่าเอลยุงเกเมื่อหลายปีมาแล้ว รัฐบาลสหรัฐเคยมาสร้างสถานีวิจัยทางทหารลับๆ ไว้แห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อปี 1989 เกิดพายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำ เป็นไปได้ที่อาจมีสัตว์อะไรสักอย่างหลุดหนีออกมา เป็นต้นว่า ลิงกลายพันธุ์ที่ทดลองทางพันธุ์วิศวกรรม แต่เพราะพายุทำให้มันหนีและไปเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ในป่า

บางทีอาจเป็นแค่สัตว์ร้ายในท้องถิ่น

ใช่ว่าทุกคนจะลงความเห็นว่าสัตว์เลี้ยงของตนตายเพราะชูปาคาบรา หญิงสาวคนหนึ่งให้การว่ากระต่ายเธอถูกหมากัดต่างหากละ หรือไม่ก็มีลิงทโมนหลุดจากที่ไหนสักแห่ง บางที่เพราะสื่อมวลชนสร้างข่าวให้ใหญ่โตเกินเหตุมากกว่า

นักสัตว์วิทยาบางคนลงความเห็นว่ามันอาจเป็นฝีมือของหมาป่าไคโยตีที่อพยพหนีจากพื้นที่แห้งแล้งทางตอนเหนือของประเทศ หรือไม่ก็ค้างคาวดูดเลือดชนิดใหม่ที่อพยพจากทางเหนือเช่นกัน

ไดโนเสาร์หรือสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ???

ความจริงเรื่องของชูปาคาบราไม่ใช้เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะมันปรากฏในหนังสือโบราณเกี่ยวกับไสยเวทย์เล่าว่า มันออกมาอาละวาดเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 หรือ 12 ภาพเขียนหนังสือเล่มนั้นเหมือนตัวการ์กอยล์มาก

ต้องไม่ลืมว่าหุบเขาในเปอโตริโกนั้นซับซ้อนและมีความยาวมาก จึงไม่แปลกที่อาจจะมีสัตว์ประหลาดบางชนิดที่ยังไม่ถูกค้นพบซ่อนตัวอยู่ บางที่อาจมีอุโมงค์ลับอยู่ใต้ทะเลที่เชื่อมเกาะเปอร์ริโกกับเทือกเขาปีเรนิสและผืนแผ่นดินอเมริกาใต้ ทำให้ชูปาคาบราออกมาเดินเล่นดูดเลือดสัตว์ได้สะดวก ซึ่งจริงๆ แล้วมันอาจเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เหลือรอดจากยุคดึกดำบรรพ์ก็เป็นได้

เอเลี่ยน สิ่งที่มากับจานบินต่างดาว

มีพยานคนหนึ่งอ้างว่า เขาพบเห็นฝูงชูปราคับบราในป่าหลังบ้านกำลังมุ่งหน้าไปหาแสงไฟประหลาด หลังจากการสำรวจป่าอย่างละเอียด ก็พบว่ามีร่องรอยแปลกๆ บนพื้นดินที่ไม่สามารถอธิบายได้

เดือนตุลาคม พ.ศ. 2539 ในแคมโปริโก จอร์จ มาร์ติน ได้พบตัวอย่างเลือดที่ไหลออกมาจากตัวชูปราคับบรา หลังจากที่ตำรวจท้องที่ยิงมันได้ตัวหนึ่ง ทำให้ได้ตัวเลือดที่หยดไปเป็นสาย ผลการตรวจเลือดแสดงให้เห็นว่าลักษณะเลือดของมันคล้ายเลือดมนุษย์ แต่การวิเคราะห์พันธุกรรมแสดงว่าเลือดของมันเข้ากับเลือดมนุษย์ไม่ได้ และไม่มีทางที่จะไปกันได้ด้วย

ซูปราคับบราอาจนี้เป็นเศษเดนของเชื้อสายมนุษย์ต่างดาว ที่ได้ทิ้งไว้ในโลกใบนี้ก่อนที่จานบินระเบิด โดยที่เปอร์โตริโกเองถือว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ๆ มีการพบเห็น UFO มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีพยานพบเห็น UFO มานานหลายสิบปี

มาถึงตอนนี้ ชูปาคาบราได้กลายเป็นเรื่องท็อปฮิตในหมู่ชาวอเมริกันที่พูดภาษาสเปนไปแล้ว ภัตตราคารหลายแห่งทางตอนใต้ของอเมริกาได้ใช้ชื่อชูปาคาบรามาตั้งชื่ออาหาร คณะดนตรีใช้ชื่อวงว่า “ลอส ชูปาคาบรา” ขบวนพาเหรดในวันเปอร์โตริโกที่นิวยอร์คก็แต่งชุด ชูปาคาบรา และเสื้อเชิ้ตพิมพ์ลายรูปชูปาคราบรากำลังดูดเลือดเหยื่อก็กำลังระบาดในสหรัฐและเม็กซิโก

แล้วคุณล่ะ คิดว่าเจ้าชูปาคาบราเป็นตัวอะไร หรือเป็นเพียงแค่สัตว์ในตำนานเท่านั้นเอง

ที่มา http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/01/X7388054/X7388054.html

4 พ.ย. 60 เวลา 04:55 4,524
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...