เจาะประวัติศาสตร์ 246 ปี…กับ 15 ความจริงที่คุณไม่เคยรู้ของ ‘จักรพรรดินโปเลียน’

https://www.meekhao.com/history/15-facts-of-napoleon

นโปเลียน โบนาปาร์ต ชายสามัญชนที่มีความสามารถและความทะเยอทะยานสูง เขาเริ่มต้นจากนายทหารเล็กๆ ก้าวขึ้นเป็นนายพล ได้รับแต่งตั้งให้เข้ามาแก้ไขปัญหาภายในของประเทศฝรั่งเศส กระทั่งเขาได้ลงมือก่อการรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจและก้าวขึ้นเป็น จักรพรรดินโปเลียนที่ 1

เนื่องในวันเกิดครบรอบ 246 ปี ณ วันที่ 15 สิงหาคม จึงขอนำเสนอเรื่องราวความจริงที่น่าสนใจของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ “นโปเลียน”

1. เขาผ่านการฝึกฝนแบบทหารทั่วไป

นโปเลียนเกิดในครอบครัวสามัญชนที่เกาะคอร์ซิกา (Corsica) อาณานิคมของฝรั่งเศสในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นก็ถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนนายร้อย École Militaire กรุงปารีส ฝรั่งเศส เขาเป็นชาวคอร์ซิกาคนแรกที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยฝรั่งเศส และได้เข้าเป็นทหารในตอนที่อายุเพียง 16 ปี

2. เขาเป็นชาวคอร์ซิกัน ไม่ใช่ฝรั่งเศส

แม้นโปเลียนจะเป็นที่รู้จักกันในฐานะจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศส แต่ในวัยเด็ก เขาอาศัยอยู่ในเกาะเล็กๆ ที่ถูกยึดครองด้วยประเทศที่ในอนาคตจะตกอยู่ใต้อำนาจของเขา นโปเลียนเห็นความโหดร้ายทารุณและการกดขี่ข่มเหงที่ประชาชนในเกาะของเขาได้รับ เขาเคยบรรยายถึงการกระทำของชาวฝรั่งเศสว่าเป็น “ปีศาจ” เป็นศัตรูของประชาชน ช่วงหนึ่งในชีวิตเขาได้กลับไปใช้ชีวิตในเกาะบ้านเกิด แต่ก็พบว่าตัวเองได้พบเห็นโลกที่กว้างไกลเกินกว่าจะกลับไปอยู่ในเกาะเล็กๆ และยังพบว่าตัวเองได้ซึมซับเอาวิถีความเป็นฝรั่งเศสไปมากแล้ว ในขณะที่เหล่าผู้ปกครองเกาะที่เคยเป็นต้นแบบของเขากลับถูกกลืนไปกับวิถีแบบอังกฤษ เขาจึงจากเกาะบ้านเกิดมาเพื่อแสวงหาความก้าวหน้าในกองทัพฝรั่งเศส

3. ภรรยาของเขาหลบหนีจากการประหารชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด

Joséphine de Beauharnais เกิดมาในครอบครัวชาวนา เคยแต่งงานกับชายชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศส Alexandre de Beauharnais เมื่ออายุได้ 16 ปี แต่สามีของเธอไม่สนใจไยดีเธอมากนัก เธอจึงพยายามมองหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยคนใหม่ แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติ ผู้คนมากมายถูกจับกุม สามีของเธอถูกประหารด้วยกิโยตีน เกือบถึงคราวของโจเซฟีน แต่รัฐบาลก็หมดอำนาจและเกิดการหยุดชะงัก เธอจึงหลบหนีมาได้อย่างเฉียดฉิวและกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นในวงสังคม จนกระทั่งมาพบกับนโปเลียนในงานเลี้ยง ขณะนั้นเธออายุ 32 ปี เป็นม่าย ในขณะที่นโปเลียนเป็นหนุ่มน้อยขี้อายวัย 26 ปี ในพิธีแต่งงานของพวกเขาอีก 6 เดือนหลังจากนั้น เธอลดอายุตัวเองลงไป 4 ปี ในขณะที่นโปเลียนเพิ่มอายุของเขาอีก 18 เดือน เพื่อที่ทั้งคู่จะได้มีอายุเท่ากัน อย่างน้อยก็ในทะเบียนสมรส

4. ชายผู้ไม่เคยปฏิเสธภรรยา เราคงไม่สามารถรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคู่สามีภรรยาได้ แต่จากจดหมายระหว่างทั้งสอง ดูเหมือนว่าหนุ่มนโปเลียนจะหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวภรรยาของเขาเสียเหลือเกิน เขาเขียนจดหมายไปหาเธอเป็นประจำสม่ำเสมอขณะที่อยู่ในกองทัพ เต็มไปด้วยความรักและความต้องการในตัวภรรยา จึงสามารถสรุปได้ว่าคู่รักคู่นี้น่าจะทำกิจกรรมร่วมรักกันอย่างไม่เคยขาดทุกค่ำคืน

5. นโปเลียนไม่ได้เตี้ย

ข่าวลือและเรื่องล้อเลียนเกี่ยวกับความสูงของนโปเลียนแพร่สะพัดไปทั่วในช่วงสงคราม สื่ออังกฤษมักจะวาดการ์ตูนโฆษณาล้อเลียนเขาในสภาพร่างกายที่เล็กกว่าคนปกติทั่วไป แต่จริงๆ แล้วนโปเลียนตัวเตี้ยหรือเปล่า? เขามีความสูงราว 5 ฟุต 6 นิ้ว หรือราวๆ 160 เซนติเมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในระดับคนแคระ แต่ถือเป็นความสูงเฉลี่ยของประชาชนทั่วไปในยุคนั้น หลังเสียชีวิต แพทย์ได้ระบุว่าเขามีความสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ 5.2 ฟุตเมื่อวัดแบบฝรั่งเศส และได้หมายเหตุไว้ว่าเท่ากับ 5.6 ฟุตของอังกฤษ

6. นโปเลียน นักเขียนนิยายโรแมนซ์ เขาคือสามัญชน นักปฏิวัติ และจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และยังเป็นนักเขียนนิยายรักโรแมนติก! ก่อนจะพบกับภรรยาของเขาในปี 1795 เขาได้แต่งนิยายรักที่มีชื่อว่า Clisson et Eugénie เรื่องราวของทหารหนุ่มกับหญิงสาว Bernardine Eugénie Désirée Clary ผู้ซึ่งพี่สาวของเธอแต่งงานกับพี่ชายของเขา ทั้งคู่มีความรักหวานซึ้งและต้องพรากจากกันเนื่องจากสงคราม ผลงานการประพันธ์ของนโปเลียนไม่ได้ถูกตีพิมพ์ตลอดช่วงชีวิตของเขาและแม้กระทั่งหลังจากเสียชีวิตไปหลายปี แต่เพิ่งถูกนำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี 2009 และถูกวางจำหน่ายในเว็บ Amazon

7. เขาไม่ได้กลัวแมว แม้จะมีเรื่องตลกขบขันล้อเลียนมากมาย(อีกแล้ว)เกี่ยวกับความกลัวของนโปเลียน ว่าเขาเป็นโรค ailurophobia หรือ “โรคกลัวแมว” แต่ Katharine MacDonogh ผู้เขียนหนังสือ “Reigning Cats And Dogs: A History Of Pets At Court Since The Renaissance” กล่าวว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่สามารถยืนยันหรือพิสูจน์ได้ว่าเขากลัวหรือชอบแมวกันแน่

8. กองทัพของเขาคือผู้ค้นพบศิลาโรเซตตา

เป็นที่ทราบกันดีว่ากองทัพของจักรพรรดินโปเลียนนั้นมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใด เขาเดินทางแผ่ขยายอำนาจไปในหลายพื้นที่รวมทั้งที่ประเทศอียิปต์ ซึ่งกองทัพของเขานั้นไม่ได้มีเพียงแต่ทหาร แต่ยังประกอบไปด้วยวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายด้าน และได้ขุดค้นพบศิลานี้ที่เมืองโรเซตตา (ปัจจุบันคือเมืองราชิด) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1799 ศิลาโรเซตตา เป็นหินแกรนิตสีเทาเข้มแกมชมพู เป็นศิลาจารึก 2 ภาษา คือภาษาอียิปต์และภาษากรีก โดยใช้อักษร 3 แบบ คือ อักษรภาพอียิปต์ อักษรเดโมติกของกรีก และอักษรกรีก นับเป็นจารึกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการศึกษาประวัติศาสตร์และภาษาอียิปต์โบราณ

9. บีโธเฟนเคยคิดจะอุทิศเพลงซิมโฟนีที่ 3 ของเขาให้กับนโปเลียน

ลุดวิจ ฟาน บีโธเฟน (Ludwig van Beethoven) เป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขากันอย่างกว้างขวางมากที่สุดคนหนึ่ง เขาเคยนับถือนโปเลียนในขณะที่ดำรงตำแหน่งกงสุลเอก และได้รับแรงบันดาลใจในการแต่งซิมโฟนีที่ 3 จากความกล้าหาญและยึดมั่นในประชาธิปไตยของนโปเลียน แต่หลังจากนโปเลียนทำการยึดอำนาจและประกาศตนเป็นจักรพรรดิ บีโธเฟนตกตะลึงและสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งหมดในตัวนโปเลียนไป Ferdinand Ries ผู้ศึกษาประวัติบีโธเฟนได้ระบุว่า บีโธเฟนเดือดดาลอย่างหนักและร้องตะโกนออกมา “เขาด้วยงั้นหรือ? ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากคนธรรมดา เขา คนที่เคยยึดมั่นกับความถูกต้อง แต่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรนอกจากความทะเยอทะยานของตัวเอง” แล้วจึงฉีกเพลงซิมโฟนีออกเป็นสองส่วนและขย้ำทิ้งลงไปบนพื้น แม้ว่าบีโธเฟนจะผิดหวังและเดือดดาลในตัวนโปเลียน แต่ในจดหมายฉบับสุดท้ายของเขา เขายังคงระบุว่าเพลงที่แต่งนั้นมีชื่อจริงๆ ว่า “โบนาปาร์ต” ซึ่งแต่งขึ้นมาเพื่อยกย่องชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง

10. นโปเลียนผู้ใจกว้างเรื่องศาสนา

นโปเลียนเกิดมาในครอบครัวชาวคริสต์นิกายคาทอลิก เขาได้รับพิธีศีลจุ่มอย่างถูกต้องตามหลักการทางศาสนา แต่เมื่อเติบโตขึ้น งานเขียนของเขาเองก็ได้แสดงให้เห็นว่าเขามีความสงสัยในศาสนาและการมีอยู่ของพระเจ้า ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้เชื่อมั่นในศาสนาอย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็เคารพและยอมรับในพลังของความศรัทธา นโปเลียนไม่บังคับผู้คน เขาให้อิสระแก่ผู้คนในการนับถือศาสนา ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวคริสเตียน เพราะเขาเชื่อว่าพลังแห่งการควบคุมของศาสนาจะทำให้เขาสามารถควบคุมผู้คนได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์บางคนยังเชื่อว่าเขามีความสนใจในศาสนาอิสลามอีกด้วย

11. เขาเคยคิดจะฆ่าตัวตาย

แม้ว่าจักรพรรดินโปเลียนที่ 1จะมีชัยอย่างไม่น่าเชื่อในการรบที่ ฌองโปแบร์ และมองต์มิไรล์ ด้วยการนำทัพทหารใหม่ขาดประสบการณ์ แต่กรุงปารีสถูกตีแตกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม และเหล่าจอมพลได้บังคับให้จักรพรรดินโปเลียนสละราชบัลลังก์ นโปเลียนคิดว่าฝ่ายพันธมิตรจะแยกเขาออกจากจักรพรรดินีและพระโอรส ดังนั้น ในคืนวันที่ 12 และเช้าวันที่ 13 เมษายน จักรพรรดินโปเลียนได้เสวยยาพิษคือฝิ่นผสมกับน้ำเล็กน้อย มีคนบอกว่าส่วนผสมดังกล่าวมากพอที่จะฆ่าคนได้ถึงสองคน นโปเลียนเลือกที่จะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้เพราะเชื่อว่าศพจะต้องถูกประจานให้คนฝรั่งเศสดู พระองค์ต้องการให้ข้าราชบริพารของพระองค์จำพระพักตร์ที่เรียบเฉยได้เช่นเดียวกับที่เคยเห็นในสมรภูมิ แต่หลังจากผ่านพ้นเวลาเที่ยงคืนมาอย่างทุกข์ทรมาน จักรพรรดิก็บ่นว่าส่วนผสมฝิ่นของออกฤทธิ์ช้าไป นโปเลียนต้องไปลี้ภัยที่เกาะเอลบา ตามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาฟองเตนโบล ยังทรงดำรงพระยศเป็นจักรพรรดิ แต่ปกครองได้เฉพาะบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เท่านั้น

12. ผู้ปกครองอังกฤษเกรงว่าเขาจะได้รับความนิยมจากประชาชนในประเทศอังกฤษเอง หลังจากหลบหนีจากเกาะเอลบาและหวนคืนสู่อำนาจ กองทัพของเขาพ่ายการรบกับอังกฤษและปรัสเซียที่ยุทธการวอเตอร์ลู ในเบลเยียม เขาจึงถูกบังคับให้เดินทางไปยังประเทศอังกฤษ เขาเขียนจดหมายถึงเจ้าชายและกษัตริย์เพื่อขอสถานที่ลี้ภัยเล็กๆ นอกเมือง แต่เนื่องจากเกรงว่าเขาจะมีแผนยึดครองอังกฤษ จดหมายจึงไม่ถูกส่งไป และรัฐบาลอังกฤษยังเกรงกลัวว่าประชาชนอังกฤษจะนิยมชมชอบในตัวนโปเลียนจึงไม่ยอมให้เขาขึ้นฝั่ง ประชาชนมากมายแห่แหนกันมารอต้อนรับนโปเลียน ในที่สุดเขาจึงถูกเนรเทศไปยังเกาะเซนต์เฮเลน่าแทน

13. มีการวางแผนช่วยเหลือนโปเลียนด้วยเรือดำน้ำ อังกฤษวางกำลังอย่างแน่นหนาในการควบคุมตัวนโปเลียนที่เซนต์เฮเลน่า เขาถูกคุมตัวอยู่ในเกาะโดดเดี่ยวห่างไกลพร้อมกองกำลัง 2,800 คนและปืนใหญ่ 500 อัน ล้อมรอบไปด้วยทะเลซึ่งมีกองทัพเรือพร้อมเรือ 11 ลำคอยลาดตระเวน แผนการหลบหนีที่นโปเลียนและข้ารับใช้ผู้จงรักภักดีได้คิดขึ้นมีทั้งทางเรือ บอลลูน และเรือดำน้ำ ในปี 1820 Tom Johnson ผู้ลักลอบขนของเถื่อนชาวอังกฤษเปิดเผยว่าเขาได้รับข้อเสนอให้พาจักรพรรดินโปเลียนหลบหนีด้วยค่าจ้างราว 40,000 ยูโรหรือ 2.2 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามจักรพรรดินโปเลียนไม่สามารถหลบหนีออกไปได้และสิ้นพระชนม์บนเกาะเซนต์เฮเลน่าแห่งนี้เอง

14. บ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนโปเลียน

Nicholas Girod นายกเทศมนตรีคนที่ 5 ของ นิวออร์ลีนส์ เป็นชาวฝรั่งเศสผู้สนับสนุนและจงรักภักดีต่อจักรพรรดินโปเลียน เขาได้ทำการช่วยเหลือเหล่าทหารของจักรพรรดิ และถึงกับวางแผนจะให้นโปเลียนเองอพยพมายังบ้านหลังหนึ่งที่เขาสร้างขึ้น หลังจากเกษียณอายุราชการ เขาได้ทุ่มเทการก่อสร้างสถานที่หลบภัยแห่งนี้ขึ้นที่มุมถนน Chartres และ St. Louis แต่เมื่อจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ เขาจึงย้ายครอบครัวของตนเองมาอาศัยที่บ้านหลังนี้แทน และยังคงเรียนบ้านหลังนี้ว่า “บ้านของนโปเลียน”

15. นโปเลียนสิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็งไม่ใช่สารหนู

จักรพรรดินโปเลียนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1821 ขณะที่ถูกคุมขังอยู่บนเกาะเซนต์เฮเลน่า แพทย์ประจำพระองค์ระบุว่าทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะ แต่หลายคนเชื่อว่าพระองค์ถูกลอบวางยาพิษด้วยสารหนู ในปีค.ศ. 2001 ปาสคาล คินท์ แห่งสถาบันกฎหมายเมืองสตราสบูร์กได้ทำการพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ด้วยการศึกษาหาระดับสารหนูในเส้นผมของจักรพรรดินโปเลียนซึ่งก็พบว่ามีสารหนูอยู่เกินกว่าระดับปกติถึง 100 เท่า แต่จากการวิจัยใหม่ในปี 2008 พบว่า เส้นผมของจักรพรรดินโปเลียนในแต่ละช่วงชีวิต ตั้งแต่เป็นเด็ก ช่วงที่ถูกเนรเทศไปเอลบา ช่วงที่อยู่ในเกาะเซนต์เฮเลน่า และหลังจากสรรคต แสดงให้เห็นว่าระดับของสารหนูไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่นักในแต่ละช่วงชีวิตของพระองค์ นอกจากนั้นยังใกล้เคียงกับระดับสารหนูที่พบในเส้นผมของพระโอรส พระจักรพรรดินี แสดงให้เห็นว่าอยู่ในระดับปกติของผู้คนในยุคนั้นที่นิยมสวมวิกผมพ่นทับด้วยแป้งผง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าจักรพรรดินโปเลียนสวรรคตจากโรคมะเร็งในกระเพาะจริง

ที่มา http://mentalfloss.com/article/67270/15-epic-facts-about-napoleon-bonaparte

7 มิ.ย. 60 เวลา 04:31 1,447 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...