12 อันดับ สัตว์ร้ายที่คนไม่ค่อยรู้จัก

 

12 .giant short face hyena

       หนักเกิน 250 ปอนด์ และมีกรามที่หักกระดูกได้ ทำให้เป็นสัตว์ร้ายที่น่าสยดสยองในยุคโบราณ สำหรับไฮยีนายักษ์ ไฟโคคราครูต้า คาดว่าเจ้าแห่งสัตว์กินซาก จะปกครองท้องทุ่ง ในยุค 3 ล้านปีก่อน ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โต การล่าม้าลายจึงถือว่าง่ายดายยิ่งนัก

 

11.dire wolf

       ทรงพลังพอจะฆ่าเสือเขี้ยวดาบบางพันธ์ กัดขยี้กระดูกของไบซันร่างยักษ์ วิ่งผ่าหิมะมาในลำดับ 11 กับหมาป่าแห่งความตาย ไดร์ วูลฟ์ มีแรงกัดมากกว่า 1100 psi ขนาดตัวปกติอยู่ที่ 170-180 ปอนด์ แต่จากกระดูกที่ใหญ่ที่สุด คาดการ์ณว่า ไดร์วูลฟ์อาจหนักได้มากถึง 250 ปอนด์ ต่อให้ร็อตไวเลอร์หรือพิตบูลรุมสัก 2 ตัว ก็เชื่อว่าโค่นไดร์วูลฟ์ไม่ได้ เพราะมันหักกระดูกไบซันยักษ์ได้เลย!

 

10.north american giant short face bear

       ใหญ่กว่าและดุร้ายกว่า สำหรับหมียักษ์หนัก 2000 ปอนด์และสูงกว่า 5 ฟุตยามยีนสี่ขา ถ้ายืน 2 ขา จะสูง มากกว่า 12 ฟุต อาร์โทดัสคือเวอร์ชั่นอัพเกรดของกรีซลี่ มีขายาวสำหรับวิ่งระยะใกล แรงตบมหาศาลสามารถหักคอกวางใหญ่ได้ มีหลักฐานการหักกระดูกแมมมอธ และเอาชนะสลอธยักษ์โบราณ ร่ำลือว่ามันคือฝันร้ายของมนุษย์ยุคหิน มันวิ่งได้เร็วกว่า 35 MPH นั่นหมายถึงมันพุ่งได้ 53 ฟุตในวินาทีเดียว ปีศาจชัดๆ คาดว่าสุญพันธ์เพราะขาดอาหารในปลายยุคน้ำแข็ง

 

9.giant cheetah

       เจ้าแห่งความเร็วในยุคโบราณ ชีตาห์ยักษ์ ผู้ปกครองแอฟริกาในยุคโบราณด้วยเล็บคมและความเร็ว มันใหญ่กว่าชีตาห์ในปัจจุบันสองเท่า(200-280 ปอนด์) หัวใจใหญ่ทรงพลังทำให้สูบฉีดเลือได้ดี คาดว่ามันสามารถไล่ตามชีตาห์สายพันธ์สมัยใหม่จนทันได้ แรงกัดมหาศาลสามารถหักกระดูกกวางเอลค์และม้าลาย เท้าที่มีกรงเล็บคม ตะปบได้ดีกว่าชีตาห์ในปัจจุบัน

 

8. megalania

       ยาวได้ร่วม25 ฟุต หนักได้เกิน 2 ตัน กระโหลกยาว 2.5 ฟุต จะฉีกเหยือเป็นชิ้นๆ เมกะลาเนีย อาศัยอยู่บริเวณที่เป็นทวีปออสเตรเลียในปัจจุบัน และได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 45,000-50,000 ปีก่อน ในปลายยุคเพลสโตซีน หรือ ยุคสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคน้ำแข็ง หัวกะโหลกของเมกะลาเนีย ที่แสดงเห็นถึงฟันอันแหลมคม ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์บอสตัน เชื่อว่าเมกะลาเนีย มีพฤติกรรมและมีพิษในน้ำลายเช่นเดียวกับมังกรโคโมโดในปัจจุบัน และเชื่อว่าเมกะลาเนียยังเป็นสัตว์นักล่าที่น่ากลัวมากอีกด้วย เนื่องจากมีกรามที่ใหญ่และฟันที่แหลมคมมากในปาก

       สำหรับคำว่าเมกะลาเนียนั้นตั้งโดย เซอร์ริชาร์ด โอเวน นักบรรพชีวินวิทยาชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษามัน และตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้แก่มันด้วย โดยมาจากภาษากรีก ที่มีความหมายว่า “ผู้เดินทางที่ยิ่งใหญ่ในอดีต” (Ancient Great Roamer) มีอีกชื่อว่าvaranus pricus มันฆ่าสิงโตมาร์ซูเปียล กินวอมแบทยักษ์ไดโปรโตดอน เฉียนเนึ้อของจิงโจ้ยักษ์เป็นท่อนๆ ล่า อย่างไรก็ตาม ได้มีรายงานว่าในป่าดิบชื้นของออสเตรเลียและนิวกินีพบ สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่คล้ายเมกะลาเนียอยู่เป็นระยะ ๆ หลังจากเมกะลาเนียได้เป็นที่รู้จักกันเป็นครั้งแรก แต่ทว่าก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันได้ถึงการมีอยู่จริง ๆ อีกทั้งก็ไม่ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์อีกด้วย ในปี ค.ศ. 2009 สารคดีของดิสคัฟเวอรี่ แชนนอล ในชุด Lost Tapes (นำมาออกอากาศในประเทศไทยช่วงกลางปีเดียวกัน ) ซึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวเรื่องราวของสัตว์ประหลาดที่โจมตีใส่มนุษย์ชนิดต่าง ๆ ก็มีเรื่องของเมกะลาเนียด้วย ในชื่อตอนว่า Devil Dragon

       น้ำลายของมัน ถูกพบว่ามีพิษคล้ายโคโมโด เมกะลาเนียเป็นนักล่าที่มีความเร็วสูง และไม่เหนื่อยล้าโดบง่าย ราชันย์แห่งกิ้งก่ามีเกล็ดแกร่ง ทำให้สามารถชนะไทลาโคและจระเข้บก การฟาดหางของมัน สามารถหักกระดูกสัตว์ใหญ่เป็นตันง่ายดาย เจ้าเครื่องจักรสังหารคาดว่าสูญพันธ์ไปเมื่อสิ้นยุคน้ำแข็ง กับการถูกแย่งอาหารโดยมนุษย์ ทว่ายังมีรายงานการพบสัตว์ใหญ่ และซากของจิงโจ้แดนที่ถูกตัดขาดเป็นท่อน รวมถึงฟอสซิลจำนวนมาก นักวิทย์บางคนเชื่อว่า ถ้านำโคโมโดมาปล่อยบนเกาะออสเตรเลีย เอาการล่าจากมนุษย์และปรับธรรมชาติให้มีอาหารดีๆ เพียงพอ ราชันย์กิ้งก่าจะกลับมาในเวลาไม่นาน

 

7.titanoboa

       ยาวกว่า 60 ฟุต หนักกว่า 4000 ปอนด์ กับราชันย์งูในยุคโบราณ ไททันโอโบอา เจ้าปีศาจตัวนี้คาดว่ามีวิธีชีวิตคล้ายอะนาคอนด้า ซุ่มอยู่ใกล้แหล่งน้ำ รอเวลาม้วนตัวรัดเหยื่อ ก่อนกระชากลงน้ำไปอย่างสยดสยอง มีร่องรอยการสังหารจระเข้โดยราชันย์แห่งงู และบางสารคดี ถึงกับคาดการ์ณว่า ไททันโบอา สามารถต่อกรกับที่เร็กซ์ไดด้วยแรงม้วนตัวมหาศาลครับ

 

6.sacosuchus

       ชาละวันหลบไปใกลๆ วันนี้จระเข้หนักเท่าทีเร็กซ์มาแล้ว! ยาวได้ 40 ฟุต หนักร่วม 18,000 ปอนด์ นับว่าทรงพลังเป็นที่สุด สำหรับราชันย์ จระเข้แห่งครีเตเชียส สามารถใช้ฟันขนาดใหญ่ และขากรรไกรยาว หักได้แม้แต่คอไดโนเสาร์คอยาว มันต้องอยู่ร่วมกับคาร์ชาโรดอนโทซอรัส และราชันย์ไดโนเสาร์อย่างสไปโนซอรัส รูปร่างคล้ายตะโขงจึงคาดว่า เน้นที่การล่าปลา+ความเร็วไต้น้ำ มากว่าไดโนซูคัสมาก สัตว์ขนาดใหญ่ย่อมมีพละกำลังมหาศาล ถ้าโดนมันเอาหางฟาดเข้าไป สภาพศพคงดูไม่จืดที่เดียว

 

5.colossal squid

       หมึกโคลอลซัล หรือหมึกยักษ์อาร์คติค ครอบครองโลกไต้ทะเล ในฐานะสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลักที่ใหญ่ที่สุด บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ด้วยความยาวรวมหนวดเกิน 40 ฟุต และน้ำหนักตัว เกือบตัน ทำให้สามารถต่อกรได้แม้ฉลามจอมโหด คาดว่าเป็นที่มาตำนานคราเคน ดวงตาที่ใหญ่ถึง 12-16 นิ้ว ทำให้มันน่าจะดูน่ากลัวมากไต้น้ำที่เดียว มีคู่ปรับคือวาฬสเปิร์ม ที่มีแรงกัดทรงพลัง และเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งมีชีวิตบนโลก ที่ล้มหมึกโคลอสซัลในน้ำลึกได้

 

4.giant otter

       สัตว์กินเนึ้อที่ใหญ่ที่สุด โหดที่สุดในตระกูลมัสทิตด์ ร้ายการยิ่งกว่าฮันนี่แบดเจอร์ เพราะมันฆ่าปลาช่อนยักษ์อะเมซอน ลุยกับฝูงปิรันย่า กัดทะลุเกราะของเคแมน ถ้ารวมกันเป็นฝูง แม้แต่อนาคอนด้าหรือจากัวร์ก็ไม่กล้าเสี่ยง พวกมันอาจเป็นฝูงนักล่าที่โหดที่สุดในป่าอะเมซอนก็ได้ ยาวได้ถึง 8 ฟุต หนัก 80 ปอนด์ ซึ่งนั่นพอสำหรับการฆ่ามนุษย์

 

3.Dunkleosteus

ยานเกราะกระหายเลือดได้ทะเล หนึ่งในนักล่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ยาวได้ 33 ฟุต แรงกัด 7400 นิวตัน เกราะด้านหน้าปากทำหน้าที่คล้ายขากรรไกร ปรากฏตัวในยุคดีโวเนียน ครองทะเลอยู่ 50 ล้านปี ถ้ามันยังอยู่ถึงทุกวันนี้ ทะเลคงได้นองเลือดเพื่มพอควร เป็นปลาเกราะในตระกูลพลาโคเดิร์ม ที่สุญพันธ์แล้ว

 

2.rhizodus

       ไอ้นี่ก็โหด ฟันยาวร่วม 9 นิ้ว ทำให้ถูกคาดการ์ณว่าเป็นนักล่าที่น่ากลัว ขนาดตัวโตเต็มที่อาจยาวถึง 20+ ฟุต และว่องใวในทะเลมาก มีฉายาว่าปีศาจตัดเกราะ ครองทะเลในยุคคาร์นิฟอเบอร์รัส ตัดร่างเหยื่อด้วยฟันคม

 

1.Cymbospondylus

       ยาวร่วม 33 ฟุต บวกกับความเร็วและความคล่องตัวในน้ำที่มหาศาล ทำให้สามารถตัดร่างเหยื่อด้วยฟันคม ด้วยลำตัวที่ผอมบาง และหางที่ยาว จึงคิดว่ารูปแบบการว่ายน้ำอาจคล้ายงูทะเล เป็นนักล่าชอร์ตเบิร์สที่กินปลาที่ละเป็นฝูง ขากรรไกรทรงพลัง และฟันก็คมยิ่งนัก เราคาดว่าอสุรกายทะเลตัวนี้ออกลูกเป็นตัวคล้ายวาฬ

ที่มา: http://www.soccersuck.com/boards/topic/1286874

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...