ย้อนดูคดีดังสุดสะเทือนใจ : เหยื่อสังคม "ศยามล" บันทึกรัก-รอยแค้น

เหยื่อสังคม "ศยามล" บันทึกรัก-รอยแค้น นานนับสิบปีมาแล้วที่ "นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์" อดีตแพทย์ รพ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำกลางบางขวาง ในฐานะผู้ต้องขังคดีอันครึกโครมสะเทือนใจยิ่ง จ้างวานฆ่าภรรยาตัวเอง "ศยามล ลาภก่อเกียรติ" !!!


"หมอบัณฑิตถือเป็นนักโทษชั้นดี มีวิถีชีวิตในเรือนจำไม่ต่างจากนักโทษรายอื่นๆ และได้อาสาเข้าไปช่วยงานในเรือนพยาบาลแดน 6 อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ยังคอยรักษาพยาบาลอาการป่วยเบื้องต้นให้แก่เพื่อนๆ นักโทษที่อยู่แดนเดียวกันด้วย" อัศวิน คุณพันธ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง เปิดเผยกับ "คม ชัด ลึก"

อัศวินยืนยันด้วยว่า หมอบัณฑิตไม่มีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษรายอื่น ชีวิตความเป็นอยู่เหมือนกับนักโทษทั่วไป ระหว่างต้องโทษอยู่ในเรือนจำสนใจเรียนหนังสือ และเพิ่งจบการศึกษาสาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ชีวิตของนายแพทย์อนาคตไกลต้องพลิกผันกลายมาเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ หลังจากว่าจ้างให้ บรรจบ นิลน้อย, สมหมาย สังข์เคลือบ, สมหมาย เนียมศรี และ สาธิต มีเย็น ฆาตกรรมภรรยาตัวเอง

เช้าตรู่วันที่ 29 กันยายน 2536 ขณะพระภิกษุเดินบิณฑบาตผ่านทางเข้าหมู่บ้านหนองปลาไหล หมู่ 12 ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ สีขาว ทะเบียน ก 2344 ประจวบคีรีขันธ์ ที่จอดสงบนิ่งอยู่ริมถนน เมื่อเพ่งมองเข้าไปในรถก็พบภาพชวนสลดใจ เด็กหญิงตัวน้อยนั่งกอดศพหญิงสาววัยประมาณ 30 ปี บริเวณเบาะหน้าข้างคนขับที่ถูกปรับเอนราบไปกับเบาะหลัง เลือดท่วมร่างแห้งเกรอะกรัง กางเกงถูกรูดลงมาอยู่แค่เข่า หน้าอกและลิ้นปี่มีรอยถูกแทงเป็นแผลฉกรรจ์

ภาพที่ชวนสังเวชใจแก่ผู้พบเห็นอีกประการก็คือ เด็กหญิงตัวเล็กๆ ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง มือกำกระดาษทิชชูคอยเช็ดคราบเลือดออกจากร่างไร้วิญญาณที่นอนทอดกายไม่ไหวติง ด้วยความรักห่วงใยและอาลัยอาวรณ์ เมื่อตำรวจตรวจสภาพศพและที่เกิดเหตุแล้วเชื่อว่า เด็กหญิงร้องไห้กอดศพซับเลือดอยู่ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และแม้จะพยายามอุ้มเด็กออกจากร่างปราศจากลมหายใจอย่างไร เด็กก็ไม่มีทีท่าจะยอมออกห่าง เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ตำรวจต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะปลอบประโลมหนูน้อย และแม้จะแยกออกมาได้แล้วหนูน้อยก็ยังพร่ำเรียกหาแต่แม่

จากการสอบสวนทำให้ทราบว่าผู้ตายคือ ศยามล ลาภก่อเกียรติ ผู้ช่วยพยาบาล รพ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าบูติก "บารมี" ในตัวเมืองหัวหิน ส่วนเด็กหญิงคือ น้องอิงอิง บุตรสาวของศยามลวัย 2 ขวบเท่านั้นเอง !?!

หลังพบศพ พ.ต.อ.พิสิทธิ์ คำแน่น ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี (ตำแหน่งขณะนั้น) เดินทางมายังที่เกิดเหตุและสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีด้วยตนเอง

"มันเป็นคดีสะเทือนใจชวนหดหู่ ผมสงสารน้องอิงอิงมาก เด็กอายุ 2 ขวบ กอดศพแม่อยู่นานกว่า 6 ชั่วโมง ในมือกำทิชชูคอยซับเลือดให้แม่ ปากก็พร่ำบอกเช้าแล้วแม่ ตื่นเถอะ หนูหิว ผมยังจำติดหู"พ.ต.อ.พิสิทธิ์ย้อนเหตุการณ์

ตำรวจใช้เวลาสืบสวนหาตัวคนร้ายเพียง 3 สัปดาห์ ก็สามารถจับกุม บรรจบ นิลห้อย คนรับงาน, สมหมาย สังข์เคลือบ คนขับรถพาหนี, สมหมาย เนียมศรี มือมีด และ สาธิต มีเย็น ทีมสังหารศยามลได้ครบชุด แล้วสิ่งที่ทั้งสี่ให้การสาภาพก็นำมาสู่ความจริงอันแสนโหดร้าย และเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของความรักแรงแค้น ที่กล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้

...นานมาแล้วที่ ศยามล ลาภก่อเกียรติ ผู้ช่วยพยาบาล แอบหลงรัก นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล กระทั่งพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นแอบจดทะเบียนสมรสกันอย่างลับๆ อยู่กินกันจนให้กำเนิดน้องอิงอิง

 


เนื่องจากครอบครัวของศยามลและหมอบัณฑิต ค่อนข้างมีฐานะ และเป็นที่นับหน้าถือตาใน อ.หัวหิน เมื่อทราบเรื่องของทั้งสองจึงโกรธถึงขั้นยื่นคำขาดให้ศยามลเลือกว่าจะอยู่กับฝ่ายชายหรือญาติพี่น้อง ในที่สุดศยามลก็จำใจหย่ากับ นพ.บัณฑิต พร้อมกับเรียกร้องเงิน 2 ล้านบาท เป็นค่าเลี้ยงดูบุตรสาว

2 ปีให้หลัง นพ.บัณฑิต พบรักใหม่กับแพทย์หญิงคนหนึ่งใน รพ.หัวหิน เมื่อศยามลทราบเรื่องอาจด้วยความรักและเยื่อใยที่ยังมีเหลืออยู่ ทำให้เธอไม่อาจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เรื่องรักสามเส้าเริ่มตึงเครียดเขม็งเกลียวขึ้นทุกขณะ กระทั่งศยามลถูกข่มขู่ให้ออกไปจาก อ.หัวหิน

ความรักที่ไม่ลงตัวยังคงดำเนินต่อไปจนวันที่ 28 กันยายน 2536 นพ.บัณฑิตโทรศัพท์หาศยามลบอกให้ไปพบเพื่อจะพาไปดูบ้านหลังใหม่ ที่สร้างเป็นของขวัญให้เธอและลูก พร้อมกับกำชับไม่ให้บอกคนในครอบครัว แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ในสายตาของ "ปาริชาติ ลาภก่อเกียรติ" พี่สาวศยามลตลอด และรู้แม้กระทั่งว่าน้องสาวออกไปพบอดีตสามี

ศยามลขับรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ สีขาว ออกจากร้านบารมีภายในศูนย์การค้าหัวหิน คอมเพล็กซ์ โดยมีน้องอิงอิงตามไปด้วย จนปั๊มน้ำมันหนองหอย ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้า อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งขับรถปาดหน้าบังคับให้ศยามลหยุดรถ ก่อนจะกรูกันขึ้นไปบนรถของเธอ ใช้มีดและปืนจี้บังคับศยามลและน้องอิงอิงให้มานั่งเบาะหน้าคู่คนขับ

บรรจบ นิลน้อย และ สมหมาย เนียมศรี ตรงไปนั่งเบาะหลังประกบหญิงสาวกับลูกไว้ แล้วให้ สมหมาย สังข์เคลือบ เป็นคนขับรถเก๋งของเธอไปยังทางเข้าหมู่บ้านหนองปลาไหล หมู่ 12 ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี สมหมาย เนียมศรี ใช้เชือกรัดคอและใช้มีดแทงศยามลอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าน้องอิงอิง ก่อนจะจับถอดเสื้อผ้าแล้วทำบางสิ่งบางอย่างอำพรางว่าเป็นการฆ่าข่มขืนชิงทรัพย์ให้เป็นไปตามคำสั่งของผู้จ้างวาน

ใช่แล้ว นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ คือผู้จ้างวานคนนั้น !?!

"ตอนที่ผมนำกำลังเข้าจับกุม หมอทำงานอยู่ที่ รพ.หัวหิน โดยระหว่างเข้าจับกุม เขามีทีท่าเรียบเฉย ไม่ตกใจหรือหวั่นวิตกใดๆ และยังปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โชคดีที่ผมจับผู้สังหารได้ทั้งหมดและให้การสอดคล้องต้องกันว่า รับว่าจ้างจาก นพ.บัณฑิต จึงทำให้หมอดิ้นไม่หลุด" พ.ต.อ.พิสิทธิ์กล่าว

การสืบสวนแรกๆ อาจจะติดขัดอยู่บ้าง เพราะคนร้ายพยายามจัดฉากว่าเป็นการฆ่าข่มขืนเพื่อชิงทรัพย์ แต่พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ทำให้การสืบสวนพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งระหว่างศยามลกับหมอบัณฑิตอดีตสามี ทว่ากระบวนการสอบปากคำหมอบัณฑิตกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากหมอบัณฑิตเองก็มีหลักฐานยืนยันแหล่งที่อยู่ชัดเจน

ช่วงเวลาที่ศยามลถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม เป็นช่วงเดียวกันกับหมอบัณฑิตลาพักร้อน มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 27-30 กันยายน และลากิจเพิ่มอีกในวันที่วันที่ 1 ตุลาคม อีก 1 วัน ประกอบกับหมอบัณฑิตมีหลักฐานมายืนยันแหล่งที่อยู่ เป็นภาพถ่ายและใบเสร็จค่าโรงแรมที่พักใน รร.แปซิฟิกไอซ์แลนด์ จ.ภูเก็ต ซึ่งหมอบัณฑิตอ้างว่าพักอยู่ที่นั่นตลอดช่วงลาพักร้อน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ทว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเองก็สามารถหักล้างได้ว่า หมอบัณฑิตมีเจตนาจะจัดฉากขึ้น เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง เพราะผู้ต้องหาที่ลงมือสังหารต่างให้การซัดทอดถึงตัวผู้บงการสอดคล้องกัน ไม่มีประเด็นใดสงสัยเป็นอย่างอื่นได้

"สาเหตุการสังหารมาจากหมอต้องการไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แม้จะหย่ากับศยามลแล้ว แต่ก็หวั่นวิตกว่าในวันแต่งงานศยามลจะไปก่อกวนงานแต่งจึงต้องสังหาร" พ.ต.อ.พิสิทธิ์ ระบุ


 



หลังการจับกุม พนักงานสอบสวน สภ.อ.บ้านลาด ได้สรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องดำเนินคดี นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ ในข้อหาจ้างวานฆ่า ส่วน สมหมาย เนียมศรี สมหมาย สังข์เคลือบ บรรจบ นิลน้อย และ สาธิต มีเย็น ถูกฟ้องในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต นพ.บัณฑิต ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจำคุกตลอดชีวิต นพ.บัณฑิตยื่นอุทธรณ์แต่ไม่เป็นผลจึงยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต่อมา นพ.บัณฑิต ได้รับการอภัยโทษประหารชีวิตลดเหลือจำคุกเพียง 40 ปี

ขอบคุณที่มา ::komchadluek

 

10 มิ.ย. 58 เวลา 03:14 20,510 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...