10 ผลวิจัยสุดฮาที่ไม่คิดว่าจะมีคนศึกษา!!

ที่มา : http://www.fhm.in.th/SECTION-FEATURES/TOP-10/READ-10-Bizarre-Research-Finds/
พอพูดถึงคำว่างานวิจัยหรืออะไรเทือกๆนี้ คนก็มักจะคิดว่าเป็นเรื่องซีเรียส น่าปวดหัวไปซะหมด แต่วันนี้ทางทีมงาน Toptenthailand ก็ได้นำเอา 10 งานวิจัยสุดฮา (แต่ได้ความรู้) มาให้ทุกคนได้อ่านกัน เชื่อว่าบางข้ออาจจะงงว่า..คิดกันไปได้ยังไง?
10. ยกทรงป้องกันก๊าซพิษ
เอลีนา บอดนาร์ ผู้ซึ่งคว้ารางวัล อิกโนเบล สาขาสาธารณสุข ปี 2009 ได้ค้นพบว่ายกทรงสามารถนำมาทำเป็นหน้ากากป้องกันก๊าซพิษฉุกเฉินได้ถึง 2 ชิ้น!! แถมดีไม่ดียังมีประสิทธิภาพมากกว่าหน้ากากที่ขายๆอยู่ตามท้องตลาดด้วยซ้ำ ก็แหม...ยกทรงสมัยนี้ฟองน้ำหนาเป็นนิ้ว!!

ขอบคุณภาพจาก http://www.fhm.in.th/
9. เลื่อนขั้นพนักงานโดยการสุ่ม
แนวคิดนี้เป็นของ อเลซซานโดร พูลชิโน, อันเดรีย ราพิซาร์ดา และเคซาเร กาโรฟาโล ที่ไปคว้ารางวัลอิกโนเบล สาขาการจัดการประจำปี 2010 โดยพวกเขาแสดงให้เห็นว่า องค์กรแต่ละแห่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากใช้วิธีเลื่อนขั้นพนักงานโดยวิธีการสุ่ม (หรือตามใจหัวหน้า) แต่เอ๊ะ..มันจะดีมั้ยน๊า

ขอบคุณภาพจาก http://www.gethow.org/get-noticed-and-promoted-in-your-job
8. องคชาตขาดก็ต่อกลับได้
ไม่น่าเชื่อว่าหัวข้อนี้จะเป็นผลงานของคนไทยเรานี่เอง!! ที่โด่งดังไปไกลระดับโลก จนคว้ารางวัลอิกโนเบลประจำปี 2013 สาขาสาธารณสุข โดยเป็นการรายงานถึงเทคนิคและประสบการณ์ในการผ่าตัดต่อคืนองคชาติที่ถูกเฉือนขาดไปให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ดูๆไปงานนี้คุณผู้ชายหลายคนคงต้องขอบคุณผู้ศึกษากันแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณภาพจาก http://writer.dek-d.com/atompp/story/
7. เอาแบคทีเรียในอึมาทำไส้กรอก
แค่หัวข้อก็ทำเอาอึ้งไปแล้ว..แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ที่ราเกวล รูบิโอ และคณะจากสเปน ได้ทำการค้นคว้าก็ได้รับรางวัลอิกโนเบลประจำปี 2014 สาขาโภชนศาสตร์ไปครอง โดยได้ศึกษาเรื่องของแบคทีเรียในอุจจาระของทารก!! มาเป็นจุลินทรีย์ตั้งต้นในการผลิตไส้กรอก...ถึงแม้จะเป็นของทารกแต่ก็พอคิดถึงกลิ่น ถึงรูปก็ทำเอากินไม่ลงเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก http://emtutorials.com/2013/10/killer-sausage/
6. คน 40% จะช่วยสุนัขของตัวเองมากกว่าจะช่วยชาวต่างชาติ
มีรถคันหนึ่งเล่นมาด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โดยที่มีสุนัขของคุณ กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยืนอยู่ในจุดอันตราย และคุณสามารถช่วยได้แค่ 1 คน/ตัว เท่านั้น คุณจะเลือกอะไร ผลปรากฏว่า 40 % เลือกจะช่วยสุนัขของตัวเองมากกว่า จะช่วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และถ้าเป็นผู้หญิงเปอร์เซ็นต์จะพุ่งกระฉูดไปที่ 45% เลยทีเดียว...เห็นทีว่าสำนวนหมาหัวเน่าก็ใช้ไม่ได้ซะแล้ว

ขอบคุณภาพจาก http://bebehblog.com/not-frowned-upon-in-this-establishment/
5. 1 ใน 5 ของชาวอังกฤษ ต้องการมีเซ็กซ์กับหุ่นยนต์
จากการสำรวจในปี 2014 ของมหาวิทยาลัย Middlesex University กว่า 2,000 คนในสหราชอาณาจักรพบว่า พวกเขายินดีที่จะมีเซ็กซ์กับหุ่นยนต์!! และอีก 33% เชื่อว่าวันหนึ่งเจ้าหุ่นยนต์พวกนี้จะเข้ามาแทนที่ ครู ทหาร รวมถึงตำรวจ เหมือนที่เราได้เห็นกันมามากในหนังนั่นเอง

ขอบคุณภาพจาก http://www.thedailybeast.com/articles/
4. 1 ใน 4 ของชาวอเมริกันคิดว่า ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก
โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ หรือ ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลกกันแน่? และถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานที่เรียนกันมาตั้งแต่สมัยประถม แต่ชาวอเมริกันประมาณ 26% ก็ยังคงตอบคำถามนี้ไม่ถูกอยู่ดี..เอ๊ะแล้วคนไทยล่ะ ตอบว่าไงกันบ้าง?

ขอบคุณภาพจาก https://johnosullivan.wordpress.com/
3. 51% ของชาวอเมริกันคิดว่า ฟ้าผ่าจะทำให้ระบบ Cloud Computing เสียหายได้
จากการสำรวจของ Wakefield Research ในปี 2012 พบว่าชาวอเมริกันกว่า 1,000 คน เชื่อว่า Cloud Computing คือ เมฆจริงๆ และสภาพอากาศฝนฟ้าคะนอง มีผลต่อระบบ ทำให้ไฟล์บางไฟล์เกิดความเสียหายได้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว Cloud Computing มันเป็นระบบประมวลผลบนโลกออนไลน์เท่านั้นเอง

ขอบคุณภาพจาก http://allaboutcloud.info/
2. 1 ใน 4 ของคนอเมริกาเชื่อว่า พระเจ้าเป็นผู้บันดาลผลฟุตบอล!!
เมื่อปี 2013 ทางสถาบัน "Public Religion Research Institute" ได้ทำการสำรวจทางโทรศัพท์ จากชาวอเมริกันจำนวน 1,033 คน โดยพบว่า มากกว่าครึ่งเชื่อว่า พระเจ้าเป็นคนกำหนดทีมที่จะชนะในการแข่งขันกีฬา!! เอ่อ..แบบนี้กต้องขอพรจากพระเจ้าอย่างเดียวสิเนาะ

ขอบคุณภาพจาก http://www.catdumb.com/10funny-research-results/
1. 1 ใน 10 คน คิดว่า HTML คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์!?
น่าขำยิ่งนักเมื่อ เว็บไซต์ Vouchercloud.net เผยผลสำรวจที่บอกว่าคนกว่า 11% คิดว่า HTML คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่ภาษาในการสร้างเว็บแต่อย่างใด และยังมีข้อค้นพบสุดฮาอีกหลายอย่าง เช่น กิกะไบต์ เป็น แมลงที่พบได้ทั่วไปในทวีปอเมริกาใต้ “MP3” คือ หุ่นยนต์ในสตาร์วอร์ และ “Blu-ray" คือสัตว์น้อยน่ารักใต้ท้องทะเลนั่นเอง

ขอบคุณภาพจาก http://www.webanywhere.co.uk/blog/
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...