พ่อสวีเดนเห็นลูกติดเกมสงคราม พาไปดูสงครามจริงซะเลย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก taringa.net

            พ่อสวีเดนพาลูกชายไปดูพื้นที่สงครามที่อิสราเอล หลังเห็นลูกติดเกมคอล ออฟ ดิวตี้ (Call of Duty)

            เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 เว็บไซต์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า คุณพ่อชาวสวีเดนตัดสินใจพาลูกชายไปชมบรรยากาศสงครามจริงที่อิสราเอล หลังพบลูกชายชื่นชอบการเล่นเกมสงคราม เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่าสงครามในโลกความจริงนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกสักนิด

            คุณพ่อรายนี้มีนามว่า คาร์ล แมคนัส เฮลเกเกรน ผู้เป็นทั้งนักข่าว ครู และคุณพ่อลูกสอง ได้เห็นว่าเลโอและแฟรงก์ ลูกชายวัย 10 ขวบ และ 11 ขวบ ชื่นชอบการเล่นเกม คอล ออฟ ดิวตี้ (Call of Duty) ซึ่งเป็นเกมสงครามที่มีเนื้อหารุนแรง พวกเขาก็เล่นอย่างสนุกสนาน แถมยังเร้าให้คุณพ่อซื้อเกมภาคใหม่ให้อีกด้วย เมื่อเห็นว่าลูกติดเกมเช่นนี้ เฮลเกเกรนจึงตัดสินใจ พาลูกชายทั้งสองเดินทางจากสวีเดนไปยังบริเวณพื้นที่ขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกาซา เพื่อให้ลูกได้เห็นสงครามจริง ๆ ว่า ไม่ได้สนุกสนานเหมือนอย่างในเกมเลย กลับกันมันเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวอย่างมาก

     เฮลเกเกรนเปิดเผยว่า ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยเป็นเหมือนลูกชาย ที่ไม่เคยเข้าใจเลยว่าสงครามในโลกความจริงนั้นเป็นอย่างไร จนได้มาเห็นกับตาตัวเองเมื่อเขาเป็นนักข่าวประจำภูมิภาคตะวันออกกลางเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ดังนั้น เขาจึงอยากให้ลูกได้เข้าใจ ได้เห็นบรรยากาศในสงครามเหมือนกับเขาบ้าง ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าจะพาลูกไปอิรักไม่ก็อัฟกานิสถาน แต่ก็ตระหนักว่ามันอันตรายเกินไป จึงพาลูกมาที่อิสราเอลดังกล่าว

            "ผมพาลูกไปดูบรรยากาศที่ค่ายอพยพทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม พาลูกไปเห็นผู้คนเผาถังขยะบนถนน พาไปคลินิกเพื่อให้ดูว่ามีเด็ก ๆ ถูกส่งตัวมารักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกลูกหลงทุกวัน ให้ลูกได้เห็นด้วยตาตัวเองทุกอย่าง และเมื่อผมกลับมา ผมก็ถูกชาวเน็ตวิจารณ์ว่าผมเป็นพ่อที่แย่มาก ผมทำให้จิตใจลูกบอบช้ำหดหู่ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้รับคำวิจารณ์เช่นนี้"

            อย่างไรก็ดี แม้เฮลเกเกรนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้น แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หลังจากที่เลโอและแฟรงก์กลับมาจากทริป 10 วันในอิสราเอล เด็กชายทั้งสองก็ไม่ต้องการเล่นเกม คอล ออฟ ดิวตี้ อีกเลย