วันที่ 25 ก.พ. ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม กล่าวว่า นโยบายหาเสียงโค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะเปิดตัวในวันพุธที่ 27 ก.พ.เวลา 10.00 น.คือ นโยบายสร้างความหวังให้คน กทม.โดยพล.ต.อ พงศพัศ พงษ์เจริญ จะอธิบายกระบวนการ “สร้างเครือข่ายใยแมงมุมแห่งโอกาส” โดยดึงจุดเด่นของพื้นที่กทม.ในแต่ละโซนขึ้นมาเพื่อสร้างช่องทางการหารายได้รูปแบบใหม่ๆได้อย่างไร และมีวิธีการอย่างไรที่จะปกป้องการคงอยู่ของธุรกิจดั้งเดิมในชุมชนที่คนรุ่นพ่อแม่ได้สร้างไว้ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้เติบโต และจะอธิบายว่าจะทำอย่างไรให้การเดินทางในกทม.จากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่งมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งแนวการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้มีคุณภาพที่ดี เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน

 จากนั้นในวันที่ 28 ก.พ.นี้ พรรคเพื่อไทยจะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ในฝั่งธนฯ นำโดย ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง ประธานโซนกทม.ฝั่งธน มีนายอดิศร เพียงเกษ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมปราศรัย เป็นต้น ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ ตั้งแต่เวลา 16.00 - 20.00 น. และจะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย ในวันที่ 1 มี.ค ที่สวนลุมพินี

 ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงว่า รู้สึกผิดหวังที่ได้ยินแต่การชูประเด็นที่สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง น่าสงสัยว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับเรื่องการทำงานและนโยบายมากน้อยแค่ไหน และคำโฆษณาหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ก่อนหน้านี้ เป็นการพูดเพื่อหวังชนะเลือกตั้งเท่านั้นใช่หรือไม่ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมเปลี่ยนวิธีคิด กทม.และประเทศไทยคงจะย่ำอยู่กับที่ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ปัญหาต่างๆ คงไม่ได้รับการแก้ไข เพราะพรรคประชาธิปัตย์มุ่งแต่จะเล่นการเมือง มากกว่าการทำงาน คนที่เดือดร้อนและเสียประโยชน์มากที่สุดคือพี่น้องประชาชน

 “คนกรุงเทพฯ บอบช้ำมามากพอแล้วกับปัญหาความขัดแย้ง โปรดอย่าจับคนกรุงเทพฯ เป็นตัวประกันอยู่กับวังวนของการทะเลาะเบาะแว้งอีกเลย และผู้ว่าฯควรทำงานแบบนักบริหาร ไม่ใช่ทำตัวเป็นนักการเมืองที่จ้องหาประโยชน์จากความขัดแย้ง”ร.ท.สุณิสา กล่าวและว่า พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ใช้เวลาโค้งสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจของประชาชน เพื่อแข่งขันกันนำเสนอเนื้อหาสาระของนโยบาย สร้างความหวังและอนาคตที่ดีให้คนกรุงเทพฯและลูกหลาน ดีกว่าไปเสียเวลากับการพูดใส่ร้ายป้ายสีและสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง