เปิดตำนาน"กุมารทองย่าง"ต้นตำรับไทย สินค้าส่งออกยอดฮิต"ไต้หวัน" หลักแสนถึง30ล้าน !?!

กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี(กก.ดส.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล สร้างความฮือฮาตื่นตะลึงไปทั่ว เมื่อบุกจับกุมนายโจว ฮอง ฮุน อายุ 28 ปี ชาวจีนไต้หวัน พร้อมศพทารก 6 ศพถูกย่างให้แห้ง ลงอักขระ อาคม ที่แขน ขา นิ้ว ศรีษะ มัดสายสิญจน์ เตรียมส่งขายประเทศไต้หวันบูชาเป็นกุมารทองให้โชคลาภตามใบสั่งจอง

 

 

ทำไมชาวต่างชาติถึงเชื่อถือทั้งเชื่อมั่นในเรื่องไสยศาสตร์ หรือคุณไสย์ หรือศาสตร์มืด โดยเฉพาะไสยศาสตร์ของไทยที่เชื่อถือกันว่าเป็นสุดยอดต้นตำรับ!?!

 

มาฟัง พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ "ผกก.สด." ไม่ใช่ย่อมาจาก "ผู้กำกับไสยศาสตร์ดำ" แต่เป็น "ผู้กำกับกองกำกับการ สวัสดิภาพเด็กและสตรี" ที่พอจะมีคำตอบชวนให้ขนลุกกัน!

 

พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ(ขวา)

 

ความเชื่อของอารยประเทศของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ไสยศาสตร์ ทั้งประเทศ ไทย จีน ฮ่องกง ไทเป และไต้หวัน ซึ่งมีความความเชื่อในเรื่องกุมารทอง ไสยศาสตร์ วิชาอาคมคล้ายๆกัน แต่ปรากฏว่าของไทยมีวรรคคดีขุนช้างขุนแผน มีเรื่องการทำกุมารทองตำรับโบราณ คือ กรีดท้องแม่เอาลูกกรอกกออกมาย่าง

 

ส่วนคนย่างต้องมีวิชาอาคมและต้องทำก่อนรุ่งอรุณ ถ้าผู้ชายจะเรียกว่าลูกกรอก แต่ถ้าผู้หญิงจะเรียกว่าโหงพราย เพราะฉะนั้นของไทยเรามีต้นตำรับวรรณคดีทำให้มีที่มาที่ไป กุมารทองจากประเทศไทยจึงมีความเชื่อว่าเป็นของขลังของแท้ หรือย่างเช่นอียิปต์ก็มีการทำมัมมี่เด็ก

 

ในการทำกุมารทองต้องใช้ดิน 7 ป่าช้า ใช้ไม้รักซ้อน ไม้มะยม ไม้ต้นโพธิ์ โลหะหรือปูน การทำต้องมีกำหนด 3 อย่าง คือตั้งจิต กำหนดธาตุทั้ง 4 คือดินน้ำลมไฟ ให้กำเนิด 32 ประการ เป็นคาถาทั่วไปถึงจะทำได้

 

ที่ผมรู้เพราะสมัยยศร้อยเอกเคยจับเณรแอ (นายหาญ รักษาจิตร์ ผู้ต้องหานำศพทารกมาย่างเพื่อทำเป็นกุมารทอง ) ที่จ.สระบุรี ส่วนกุมารทองชาวไทยก็นิยมบูชา ไม่ว่าทั้งดาราและนักการเมือง รวมทั้งชาวต่างชาติ เพราะมีคนไทยหลายคนบูชาและได้ดีตามที่ร้องขอ แต่การเลี้ยงต้องเลี้ยงอย่างลูกจริงๆ ต้องให้ข้าวให้น้ำ ถ้าเลี้ยงดีก็จะได้ดีจริง จากนั้นก็บอกกันปากต่อปากจนเริ่มมีการขยายวงกว้างเป็นกลุ่ม ตลอดจนต่างประเทศก็เริ่มนิยมกัน

 

ทั้งนี้จากการขยายผลสอบสวน นายโจว ฮอง ฮุน อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาค้ากุมารทองชาวไต้หวัน ให้การอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่จากการตรวจสอบประวัติและแนวทางการสืบสวนพบว่าเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งแรกในปี 2551 โดยเริ่มลักลอบเอากุมารทองไปขาย 2 ตัวก่อน หลังจากนั้นก็ได้เริ่มทยอยนำกุมารทองไปขาย พอระยะหลังก็เข้ามาไทยถี่มากขึ้นซึ่งพบว่าเดินทางเข้าออกประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 16 ครั้ง

 

เส้นทางลำเลียงส่งออกนอกประเทศจะลำเลียงโดยขนส่งทางเครื่องบินโดยใส่กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องบินไป แต่จะไม่แบ็คแพ็คใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องเพราะมีการตรวจที่เข้มงวดมาก พอไปถึงตลาดที่ไต้หวันก็จะมีช่องทางการสั่งซื้อเฉพาะกลุ่มโดยสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ ที่ประเทศไต้หวันไม่มีกฎหมายควบคุมในเรื่องนี้

 

นอกจากนี้ตรวจสอบในตัวของนายโจว ฮอง ฮุน ผู้ต้องหายังพบว่าห้อยแม่นาคพระโขนงและขุนแผน เคยศึกษาเรื่องเครื่องรางของขลังมากพอควร และยังเคยบวชเณรที่ไทยอีกด้วย

 

ส่วนแหล่งที่มานั้นพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นตามโรงพยาบาล วัด หรือสถานพยาบาลที่รับทำแท้ง ส่วนมากในจังหวัดสมุทรปราการ หรือในกทม.และปริมณฑล เช่น ตามโรงพยาบาลเด็กที่คลอดก่อนกำหนดออกมาแล้วก็หายไป หรือคลอดแล้วนำมาฝากไว้วัดลูกก็หายไป

 

ด้านราคาก็น่าสนใจโดยในไทยขายตัวละ 30,000 บาท แต่หากส่งไปยังต่างประเทศราคาอาจพุ่งขึ้นสูงถึงหลักแสน-หลักล้าน ขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์ จะตัวเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ โดยผู้ต้องหาให้การว่าเคยขายได้ต่ำสุดราคา 150,000 บาท ส่วนราคาสูงสุดอยู่ที่ 30 ล้านบาท

 

ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลสืบสวนอยู่ ขณะนี้ได้ข้อมูลแหล่งซื้อขายซากทารกมาแล้ว 2-3 แห่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพราะต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา

 

เหตุผลที่ตลาดต่างประเทศนิยมกุมารทองของไทยเพราะมีพิธีกรรมด้านนี้ อย่างประเทศลาว กัมพูชา ก็ยังสู้ไม่ได้ ส่วนความเชื่อถือก็อาจคล้ายกับชาวจีนมาอยู่ที่เมืองไทยและนับถือสิ่งศักสิทธิ์บางอย่าง ทั้งนี้หากอยู่ที่ประเทศไต้หวัน นายโจว ฮอง ฮุน จัดเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในด้านไสยศาสตร์ เปรียบเทียบก็คงคล้ายๆกับอาจารย์ดังๆบ้านเรา แต่เขาก็รู้ว่ามันผิดกฎหมายจึงนำไปซ่อนไว้ที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง แต่มีคนแจ้งว่าได้ยินเสียงเด็กร้องจึงเข้าตรวจค้น จะเป็นเสียงวิญญาณเด็กหรือไม่เรื่องนี้ก็คงบอกไม่ได้

 

 

ส่วนมาตรการด้านการปราบปรามจริงๆแล้ว "กก.ดส."เป็นหน้างานโดยตรง ต้องควบคุมสถานพยาบาล คลีนิก และสถานที่ซุ่มเสี่ยงต่อการทำแท้ง เนื่องด้วยสถานภาพทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าปัญหายาเสพติด หรือปัญหาเด็กทำแท้งเพราะตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งตอนนี้ทางรัฐบาลกำลังเข้มงวดอยู่ หากเกิดปัญหาท้องไม่พร้อมการตัดสินใจของเด็กที่ไม่ได้รับคำปรึกษาที่ดีจากครอบครัวจึงหันไปทำแท้งจนเป็นปัญหาสังคม ทำให้เกิดขบวนการรับทำแท้งเถื่อนมากเพราะเป็นการสร้างรายได้

 

"ส่วนผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือสถานบันพวกนี้ จึงมีคนลักลอบนำกุมารทองไปทำขายเพราะได้ราคาดี แต่การจับกุมยอมรับว่ายากลำบากมาก มีการปกปิดอำพรางและนัดแนะกันเป็นอย่างดี ซึ่งต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา"

 

อย่างไรก็ตามห่วงเรื่องการค้าอวัยวะมนุษย์มากกว่า ซึ่งยังไม่เคยจับได้และกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนข้อมูลอยู่ ถ้าหากไม่มีการปราบปรามก็จะเป็นวัฒนธรรมที่ผิดๆ และมีการซื้อขายซากทารกกันมากยิ่งขึ้น

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...