10 สถานที่ท่องเที่ยวแปลกที่มีอยู่จริงและปรากฏในภาพยนตร์ดัง

ภาพยนตร์ฮอลลูวู้ดนี้ช่างสรรหาสถานที่ถ่ายแปลกๆ ใหม่ๆ ในฉากภาพยนตร์ของพวกเขาเสมอ และนี้คือสถานที่แปลกและงดงามที่ตอนแรกไม่มีใครสนใจ หากแต่เมื่อภาพยนตร์ออกมาเท่านั้นแหละ มันก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ทันที

 

 

 

10. The Sound of Music: Salzburg, Austria

  

The Sound of Music(1965) เป็นภาพยนตร์เพลง ที่กำกับโดย โรเบิร์ต ไวซ์ แสดงนำโดย จูลี่ แอนดรูว์ โดยมีเนื้อหาตามละครเพลงบรอดเวย์ The Sound of Music ที่ สร้างจากหนังสือเรื่อง "The Story of the Trapp Family Singers" ของ มาเรีย ฟอน แทรปป์  ที่เขียนถึงเรื่องราวครอบครัวของมาเรีย หลังจากหนีพ้นการคุกคามของนาซี ในละครมีการประพันธ์บทเพลงที่โด่งดังขึ้นมากมายหลายเพลง เช่น "Edelweiss", "MyFavorite Things", "Climb Ev'ry Mountain", "Do-Re-Mi", "Sixteen Going onSeventeen" และ "The Lonely Goatherd" รวมถึงเพลงนำเรื่องที่มีชื่อเดียวกับชื่อเรื่องด้วย คือเพลง "The Sound of Music

สถานที่ถ่ายทำ ถ่ายทำ เมืองซาลซ์บูร์ก ประเทศ ออสเตรีย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 4 ในประเทศออสเตรีย และเป็นเมืองหลวงของรัฐซาลซ์บูร์ก(นอกจากนี้ยังถ่ายในบาบาเรียในภาคใต้ของ เยอรมัน) ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ และเป็นบ้านเกิดของโวล์ฟกัง โมซาร์ท ซึ่งเมืองแห่งนี้มีบ้านเก่าและและสถาปัตยกรรมบาโรกมากมาย จนถูกยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ในปี 1997 และฉากอมตะของภาพยนตร์ก็คือฉากที่นางเอกวิ่งบนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะและ ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม

 


                 9. The Beach: Maya Bay, Thailand

  

ภาพยนตร์เรื่อง The Beach(2000) เป็นเรื่องราวของหนุ่มนักผจญภัยคนหนึ่ง(เลโอนาร์โด) ที่เดินทางมากรุงเทพฯ เนื่องจากมีความปรารถนาที่จะผจญภัยและหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และเมื่อเขาพักโรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่ง ที่นั้นเองเขาก็ได้เจอชายคนหนึ่งได้เล่าถึงเกาะลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสวรรค์บนดิน ชายหาดที่ไม่มีรอยมลทินจากนักท่องเที่ยว และวันต่อมานักท่องเที่ยวคนนั้นก็ฆ่าตัวตาย และก่อนที่เขาจะฆ่าตัวตายเขาได้นำกระดาษที่มีแผนที่เกาะแห่งนั้นมาให้เขา หลังจากนั้นเขาก็ได้ชวนคู่รักชาวฝรั่งเศสที่อยู่ห้องข้างๆ ออกเดินตามหาเกาะแห่งนั้น เขาต้องเสี่ยงชีวิตอันตรายนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านพื้นที่ปลูกกัญชาของชาวบ้านที่มีอาวุธครบมือพร้อมที่จะ ฆ่าคนที่รุกล้ำดินแดนของเขา(โหยคนไทยไม่โหดขนาดนั้นหรอกนะ) การกระโดดนยอดน้ำตกสูง 120 เมตรเพื่อไปจุดมุ่งหมาย และพวกเขาก็พบจุดมุ่งหมาย เกาะสวรรค์ราวกับเทพนิยายและนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ต้อนรับเขา หากแต่ในเวลาต่อมาเขาก็พบว่านี้คือนรกบนดินที่เขาจำเป็นต้องหนี!!

สถานที่ถ่ายทำ สถานที่ที่ปรากฏในภาพยนตร์คือ อ่าวมาหยา เกาะพีพี จังหวัดกะบี่ ในประเทศไทยครับ(แต่ไอ้ไร่กัญชานี้ไม่รู้มันไปถ่ายที่ไหน) โดยเกาะพีพีจะเป็นเกาะรูปจันทร์เสี้ยว เต็มไปด้วยหน้าผาหินปูนสูงชัน และมีที่พักอาศัยจำนวนมากและชายหาดน้ำใสปะการังสวยงามติดอันดับโลกด้วย ตอนที่ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ถ่ายทำในไทยนั้นรัฐบาลการท่องเที่ยวของไทยอารมณ์ เดือดมากครับ เมื่อรู้ข่าวว่าทางทีมงานดังกล่าวตั้งใจจะแก้ไขรูปทรงและเปลี่ยนภูมิทัศน์ บางส่วนของเกาะ(ประมาณว่าขุดต้นมะไปปลูกไว้ที่อื่น ประมาณนี้) ส่งผลทำให้มีเรื่องกันพักใหญ่ทีเดียว แต่ก็ช่างตลกร้ายนักเพราะต่อมาในปี 2004 ประเทศไทยก็พบภัยพิบัติซึนามิทำให้สองสถานีที่ดังกล่าวเสียหายจำนวนมากทำให้ ทางการไทยต้องเปลี่ยนภูมิทัศน์ครั้งใหญ่เลยทีเดียว แต่กระนั้นเพราะภาพยนตร์เรื่องเดอะบีซนี้อีกที่ทำให้อ่าวมาเหยา เกาะพีพีนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก(ซึ่งปกติมันก็ดังอยู่แล้ว) จนกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างระเทศเป็นที่เรียบร้อย

 

8. Cast Away: Monuriki, Fiji

  

Cast Away(2000)เป็นเรื่องราวของชัค โนแลนด์ (ทอม แฮงค์ส) วิศวกรที่ได้รับอุบัติเหตุทางเครื่องบิน จนเขาถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยว บนเกาะโดดเดียวที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ไม่มีแม้กระทั้งน้ำ ไฟฟ้า หรืออาหาร ไม่มีสิ่งของที่มีความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันใดๆ เลย แต่เขาจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ โดยต้อง กับโชคชะตาอันโหดร้ายเพียงลำพัง กับลูกวอลเล่ย์บอล 1 ลูก แล้วเขาจะประคับประคองร่างกายและจิดใจของตนให้อยู่ตลอดรอดฝันได้หรือไม่? ก็ ติดตามกันเอาเอง

สถานที่ถ่ายทำสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Cast Away คือเกาะ Monuriki เป็นเกาะขนาดเล็กที่ไม่มีใครอยู่ เป็นเกาะในหนึ่งใน 20 ในหมู่เกาะของฟิจิ ซึ่งมันแทบไม่มีอะไรเลย(เพราะไม่รู้จะบรรยายอะไรดี) ที่แน่ๆ หลังจากภาพยนตร์ Cast Away นี้ถูกฉายไปทั่วโลกทำให้เกาะนี้มีชื่อเสียงทันใดและปัจจุบันมันก็กลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้นี่เอง

 

 

7. Sex and the City 2: Abu Dhabi, UAE

  

Sex and the City 2(2008) เป็นหนังโรแมนติก-เบาสมองที่สร้างจากซีรีย์ยอดนิยม เรื่องราวของสี่สาวสุดซ่า แคร์รี่ (ซาร่า เจสสิก้า พาร์คเกอร์), ซาแมนต้า (คิม แคททรอล, ชาร์ล็อต (คริสติน เดวิส) และมิเรนด้า (ซินเธีย นิกสัน) พากันไปเที่ยวอาบูดาบีเพื่อผ่อนคลายด้วยภาคนี้ได้รับคำวิจารณ์ ย่ำแย่ จนถึงขนาดได้รางวัลราสเบอรีทองคำ (รางวัลภาพยนตร์ยอดแย่ที่จะแจกก่อนรางวัล ออสการ์ไม่นาน) ในสาขานักแสดงนำยอดแย่ หนังภาคต่อยอดแย่ และนักแสดงกลุ่มยอดแย่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจถกเถียงมากกว่าคือพล็อต เรื่องของ Sex and the City 2 ที่เป็นการปะทะกันโดยตรงของวัฒนธรรมบริโภคนิยมอเมริกัน (ซึ่งแสดงออกผ่าน ทางสี่สาวตัวเอก) กับวัฒนธรรมจารีตนิยมอิสลาม

สถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์ถ่ายทำในเมืองอาบูดาบี เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งอยู่บนเกาะรูปตัวทีที่ยื่นเข้าไปในอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นเมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดอันดับ 3 ในภูมิภาค และอันดับ 26 ของโลก ซึ่งเมื่อทีมถ่ายทำภาพยนตร์ Sex and the City 2 มาถ่ายฉากในเมืองแห่งนี้ก็ถูกปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทำในอาบูดาบี (ซึ่งคงเป็น เพราะบทที่ดูถูกเหยียดหยามอาบูดาบีและชาวมุสลิม) จนต้องไปถ่ายแทนที่โมร็อคโคทั้งหมด

 

 

6. Out Of Africa: Ngong Hills, Kenya

  

Out of Africa(1985) เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากหนังสืออัตชีวประวัติ "Out of Africa" และ "Shadows on the Grass" ของบารอนเนส คาเรน บลิกเซน ชาวเดนมาร์กที่ใช้ชีวิตทำไร่กาแฟอยู่ที่ประเทศเคนยา แอฟริกาเป็นเวลาหลายปี ระหว่างปี 1914 - 1934 ภาพยนตร์ได้รับรางวัลเป็นจำนวนถึง 28 รางวัล รวมทั้ง รางวัลออสการ์ 7 สาขา จาก ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ดัดแปลง กำกับภาพ ดนตรีประกอบ กำกับศิลป์ และตัดต่อเสียง และรางวัลลูกโลกทองคำ 3 สาขา จาก ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงประกอบชาย (Klaus Maria Brandauer) และดนตรีประกอบ

สถานที่ถ่ายทำ สถานที่ที่ปรากฏในภาพยนตร์คือ ก็องฮิลล์ หรือภูเขาโง้ง เป็นเนินเขาที่ไม่ได้สูงอะไรมากมาย(จุดสูงสุดของโง้งอยู่ที่ 2,460 เหนือระดับน้ำทะเล) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ใกล้เมืองไนโรบี ทางตอนใต้ของเคนยา โดยตอนแรกสถานที่ดังกล่าวก็ไม่มีใครสนใจหรอก  หากแต่ในยุคอาณานิคม อังกฤษได้ใช้พื้นที่แห่งนี้ทำการเกษตรขนาดใหญ่และตั้งถิ่นฐาน ทำให้เราได้เห็นบ้านแบบโคโลเนียลดั้งเดิมในพื้นที่แห่งนั้นหลายหลัง รวมไปถึงบ้านของบารอนเนส คาเรน บลิกเซนด้วย(ภาพบน) อีกทั้งยังมีฟาร์มกังหันลมเพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าสร้างบนภูเขา ทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุโรปมากกว่าแอฟริกา และเมื่อภาพยนตร์ Out Of Africaมาถ่ายทำสถานที่แห่งนี้ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวซึ่งจะขึ้นไป บนเนินเพื่อดูรอยแตกเกรทวัลเลย์ในที่สุด หากแต่กระนั้นสิ่งที่ระมัดระวังคือสถานที่แห่งนี้มักมีรายการโจรดักปล้นหรือ ทำอันตรายต่อนักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเวลาที่เข้าไปพนักงานสัตว์ป่าเคนยาจะบริการให้คำแนะนำแก่นักท่อง เที่ยวว่าจะนำไกด์(หรือบอดี้การ์ด)ไปด้วยหรือไม่

 

5. Seven Years In Tibet: Lhasa and elsewhere, Tibet

 

Seven Years In Tibet(1952) ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีที่เป็นเรื่องจริงของไฮน์ริค แฮร์เรอร์ (รับบทโดย แบรด พิตต์) นักไต่เขาชาวออสเตรียผู้สร้างตำนานออกไปพิชิตยอดเขาหิมาลัยในอินเดียแต่กลับ ถูกกักขังในฐานะนักโทษชาวอังกฤษในค่ายกักกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ไฮน์ริคพยายามหลบหนีออกมาจากค่ายกักกันโดยการปีนเขาข้าวเทือกเขาหิมาลัยสู่ ดินแดนทิเบตและที่นั่นเองเขาได้รู้จักและเรียนรู้ชีวิตร่วมกับองค์ดาไลลามะ เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก

สถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์ถ่ายทำในลาซา เมืองหลวงของประเทศธิเบต ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ในเมืองแห่งนี้มีพระราชวังที่เป็นที่ประทับชองดาไลลามะ องค์ประมุขทางศาสนาพุทธ ฝ่ายมหายานของธิเบต ตั้งอยู่ในยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 11,830 ฟุต และสถานทีดังกล่าวเป็นสถานทีต้องห้ามสำหรับคนต่างเมือง และแน่นอนว่าทางการจีนไม่ชอบแน่ๆ เมื่อทีมงานภาพยนตร์มาถ่ายทำ Seven Years In Tibet เนื่องจากตอนนั้นจีนกับทิเบตมีเรื่องทะเลาะกันอยู่(ปัจจุบันก็ยัง ทะเลาะกันไม่เลิก) อย่างไรก็ตามทางทีมงานจึงแก้ปัญหาโดยแอบถ่ายอย่างลับๆ ก่อนที่เก็บรายละเอียดที่เหลือโดยถ่ายทำต่อที่อาร์เจนตินา(มันคนละ ภูมิประเทศเลยล่ะนั่น)

 

4. Indiana Jones and the Last Crusade: Petra, Jordan

  

Indiana Jones and the Last Crusade(1989) เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของภาคที่ 3 ในซีรีส์ของอินเดียน่า โจนส์ ที่ดีที่สุด โดยเนื้อหาอยู่ที่ อินเดียน่า โจนส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ต้องเดินทางตามหาขุมทรัพย์อีกครั้ง นั่นคือ การตามหาจอกกาลิซ หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูใช้ในพระกระยาหารมื้อสุดท้าย แล้วจอกที่ว่านี้ยังเคยรองรับพระโลหิตของพระองค์ตอนถูกตรึงกางเขนมาแล้วด้วย จากนั้นจอกดังกล่าวตกอยู่ในมือของโจเซฟแห่งอารามาเทียอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหายสาบสูญไปนับพันปี เงื่อนงำล่าสุดก็คือ อัศวินสามพี่น้องแห่งสงครามครูเสดเป็นผู้พิทักษ์เอาไว้ คนพี่คนแรกได้เสียชีวิตไปก่อน ส่วนอัศวินคนที่สองก่อนตายก็ได้เปิดเผยความลับนี่แก่หลวงพ่อรูปหนึ่ง ส่วนคนน้องสุดท้องก็ไม่มีใครได้พบ ว่ากันว่าเขายังคงปกป้องจอกนี้อยู่ ในตำนานได้กล่าวไว้ว่า ใครได้ครอบครองและดื่มน้ำจากจอก คนผู้นั้นจะเป็นอมตะ หลังจากที่ ศจ.เฮนรี โจนส์ (ฌอน คอนเนอรี่) พ่อของอินดี้ก็ได้ออกตามหาจอกแล้วก็หายไปก่อนหน้านี้ อินดี้จึงรีบดำเนินการสืบหาร่องรอยของพ่อทันที แล้วการผจญภัยครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้นครับ มันนำพาเขาไปพบกับศัตรูดั้งเดิมอย่างพวกนาซีที่ต้องการจอกเช่นกัน

สถานที่ถ่ายทำ แม้ว่าภาพยนตร์จะถ่ายทำสถานที่ ต่างๆ  แต่ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์ถ่ายในเมืองศิลานครโบราณที่โลกลืมคือ เภตรา(อายุกว่า 2,500ปี ขึ้นมรดกโลกเมื่อปี 1985 ) ในประเทศจอร์แดนทางใต้ ที่เป็นนครที่ไม่ปรากฏต่อสายตาของชาวโลกมานานถึง 1,000 ปี ซึ่งนครดังกล่าวเคยเป็นศูนย์กลางค้าในสมัยโบราณที่ถูกปิดล้อมด้วยภูเขาสูง ต้องผ่านตรอกเขาแคบๆ ที่วกเวียนกว่า 5 กิโลถึงจะเข้ามาได้ และเมื่อสถานที่แห่งนี้ปรากฏในภาพยนตร์ Indiana Jones and the Last Crusade(1989) ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เพราะสถานที่ดังกล่าวยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยอาคารที่สกัดจากหินด้วยมือ นอกจากนี้ยังมี วิหาร โรงละครกลางแจ้ง โดยเฉพาะสุสารโอ่อ่าอลังการที่ปรากฏในภาพยนตร์ที่สูงถึง 35 เมตร พร้อมกับปริศนาที่นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่าใครเป็นผู้ สร้างนครแห่งนี้? และเหตุใดถึงต้องทิ้งเมืองแห่งนี้ไป? และที่สำคัญสถานที่ นี้ติดอันดับ 40 สถานที่ที่คุณต้องไปสักครั้งก่อนตาย

 

 

3. The Man with the Golden Gun: Ko Tapu, Thailand

  

The Man with the Golden Gun(1974) เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 9 ในภาพยนตร์ชุดบอนด์เดอะซีรีส์ ซึ่งเป็นเรื่องของเจมส์ บอนด์(โรเจอร์ มัวร์) ที่ต่อสู้กับสุดยอดนักฆ่าที่มีฉายาว่า เพชฌฆาตปืนทอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้างทั้งสิ้น 7,000,000 ดอลลาร์สหรัฐภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 97,600,000 ดอลลาร์สหรัฐ

สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่ถ่ายทำที่ จังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต โดยใช้เขาตะปูเป็นสถานที่ถ่ายทำ เขาเกาะาตะปู มีลักษณะเป็นเกาะเดี่ยว รูปร่างคล้ายตะปู เกิดจากการสึกกร่อนจากการละลายน้ำ ทำให้เกาะต่าง ๆ ในบริเวณอ่าวพังงาจึงมีรูปร่างแปลก ๆ ซึ่งตอนกแรกนั้นบริเวณแห่งนี้ไม่เป็นที่รู้จักนัก เพราะว่าประเทศไทยสมัยนั้นยังไม่มีชื่อเสียงในการท่องเที่ยวระดับโลก จนกระทั้งในปี 1973  ภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ ตอนเพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun) ได้ใช้เกาะตะปูถ่ายทำ โดยตอนแรกทางทีมตั้งใจจะใช้ประเทศกัมพูชาหากแต่ตอนนั้นเกิดเหตุการณ์เขมรแดง เรืองอำนาจ เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นถ่ายในฮ่องกง มาเก๊า กรุงเทพ และภูเก็ต จนสถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียง และรู้จักไปทั่วโลก ทั้งยังได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า "เกาะเจมส์บอนด์"อีกด้วย

 

 

2. Popeye: Sweethaven Village, Malta

  

Popeye(1980) ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนป๊อปอาย โดยภาพยนตร์เป็นเรื่องของป๊อปอาย ซึ่งนำแสดงโดย(โรบิน วิลเลียม)เข้าเมืองสวีทเฮพเว่นมา พบกับโอลีฟ ออยล์ ลูกสาวเจ้าของโรงแรมประจำเมือง แล้วก็เจอกับบรูตัสคู่ปรับตลอดกาลที่มักรังแกชาวบ้านเล่นงานประจำ ทำให้ป๊อปอายต้องสู้กับบรูตัสและเอาชนะใจโอลีฟให้ได้

 สถานที่ถ่ายทำ มันเริ่มขึ้นเมื่อภาพยนตร์เรื่องป๊อป อายของผู้กำกับ Paramount Pictures และวอล์ทดิสนีย์มาถ่ายทำหมู่บ้านชนบทในตะวันตกเฉียงเหนือของทะเล เมดิเตอร์เรเนียม ของเกาะมอลต้า ในปี 1979 และเมื่อถ่ายทำไปผู้กำกับมีความคิดว่าจะสร้างหมู่บ้านชาวประมงหนึ่งเพื่อ ถ่ายทำภาพยนตร์ โดยหมู่บ้านประมงนี้จะมีลักษณะไม่เป็นระเบียบ แต่มีความเป็นดั้งเดิมเพราะที่ทำด้วยไม้หลายหลัง โดยใช้เวลาสร้างเพียง 7 เดือน และเริ่มถ่ายทำ 23 มกราคม 1980 แม้ว่าภาพยนตร์ดังกล่าวจะล้มเหลว แต่สถานที่แห่งนี้กลับได้รับความนิยม ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เปิดเป็น พิพิธภัณฑ์และแหล่งบันเทิงสำหรับครอบครัว พร้อมใช้ชื่อหมูบ้านป๊อบอายหรือหมู่บ้านสวีทเฮพเว่นด้วย

 

1.Borat: Glod, Romania

  

ไม่รู้ว่าหลายคนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้หรือเปล่า Borat(2006) แต่ขอบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เนื้อหาแรงสุดๆ  เป็นเรื่องราวของนายโบราท(ชา รอน โคเฮน) หนุ่มผู้สื่อข่าวทีวีท้องถิ่นในคาซัคสถาน ที่มีโอกาสมาดูงานในอเมริกา โดยเนื้อหายิงมุขไม่หยุด โดยเฉพาะมุขดูถูกวัฒนธรรม และเชื้อชาติ โดยเฉพาะเนื้อหาที่ดูถูกคนคาซัคสถานสุดๆ เช่น อาชีพกระหรี่ถือเป็นเป็นปกติของคนที่นี้ พวกชาวบ้านเกลียดยิว อีกทั้งเมื่อโบราทเข้าอเมริกามีพฤติกรรมยิ่งกว่าบ้านนอกเข้ากรุง และเสียดสีสังคมอเมริกันอย่างหยาบคาย  แม้ภาพยนตร์ดังกว่าจะทำให้คาซัสถาน ต้องอับอายและโดนแบนหลายประเทศ แต่กระนั้นมันกลับภาพยนตร์ก็ทะลุ 130 ล้านเหรียญ รวยอื้อซ่า แถมได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในปี 2007 สาขานักแสดง และยังถูกเสนอชื่อบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมในรางวัลออสการ์ 79

 สถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ถ่ายทำในคาซัส ถานครับ เพราะว่าทางทีมถ่ายทำภาพยนตร์ไม่พบหมู่บ้านในคาซัสไหนถูกใจเลยสักที พวกเขาเลยเลือกหมู่บ้านยิปซีที่ชื่อ Glod ในโรมาเนียถ่ายทำแทน ซึ่งเป็นหมู่บ้านใน Moroeni โดยชื่อ Glod โดยคำนี้ในภาษาโรมาเนียแปลว่า “โคลน” โดยหมู่บ้านในภาพยนตร์อยู่ในหุบเขาแคบๆ ทางภาคใต้ของโรมาเนีย มีประชากรประมาณ 5000 คน โดยชาวบ้านที่นี้มีวิถีชีวิตแบบบ้านนอกแท้ๆ คือใช้โคม้าแทนพาหนะ แน่นอนว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสภาพหมู่บ้านที่สุดแสนจะ.... แล้ว ชาวบ้านที่นี้ก็ค่อนข้างจะไม่ชอบผู้เยือนสักเท่าไหร่ ทางทีมงานถ่ายก็ช่างเก่งจริงๆ ที่ถ่ายทำที่นี้ได้ เนื่องจากทางทีมงานได้จ่ายเงินเพียงสี่เหรียญสหรัฐเพื่อเอาชาวบ้านขึ้นกล้อง รวมไปถึงสัญญาว่าจะบริจาคเงินซื้อคอมพิวเตอร์โรงเรียนและเครื่องใช้สำนักงาน สำหรับผู้อยู่อาศัย หากแต่ต่อมาชาวบ้านก็ได้รู้ว่าถูกหลอกและออกมาฟ้องทางทีมงานภาพยนตร์ในที่ สุด

 

 

0. The Lord of the Rings: Hobbiton, New Zealand

  

The Lord of the Rings(ค.ศ. 2001-2003) เป็น ภาพยนตร์ไตรภาคที่กำกับโดยปีเตอร์ แจ๊กสัน โดยเป็นเรื่องราวของโฟรโด แบ็กกิ้นส์ ฮ๊อบบิทส์หนุ่มที่เขาต้องออกจากบ้านเกิดตนเองเพื่อนำแหวนของดาร์คลอร์ดซารอน ไปทำลายเพื่อหยุดการคืนชีพของซารอน

                สถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์เกือบทั้งหมด ถ่ายทำในนิวซีแลนด์เนื่องจากมีภูมิประเทศที่สวยงาม เต็มไปด้วยภูเขา และที่สำคัญยังเป็นประเทศบ้านเกิดของปีเตอร์ แจ็กสันที่เติบโตขึ้นและอาศัยอยู่ในวันนี้ด้วย โดยเฉพาะทางเกาะทางเหนือของนิวซีแลนด์ ยังมีหมู่บ้านฮอตบิทที่ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์เรื่องบ้านเกิดของโฟรโดรซึ่ง เป็นที่ยิมเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

เครดิต : CAMMY 

บทความจาก

http://webecoist.com/2010/12/28/bon-location-filmdoms-10-most-exotic-destinations/

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...