สุดสะพรึง!! "ไมค์ไก่ไร้หัว" แม้ถูกตัดหัวแต่ไม่ยอมตายแถมยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง 18 เดือน!? (มีคลิป)

ทราบกันหรือไม่ว่า วันที่ 10 กันยายน 2017นี้ เป็นวันครบ 72 ปีเหตุการณ์ช็อคโลกที่จะเรียกว่าล้มล้างทุกความรู้ทางวิทยาศาสตร์เลยก็ว่าได้ ที่ว่า"สิ่งมีชีวิตจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีหัว!"เมื่อไก่ตัวหนึ่งหัวขาดแต่ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ถึง 18 เดือนซึ่งถูกขนานนามว่า "ไมค์ไก่ไร้หัว"

เรื่องราวสุดเหลือเชื่อของเจ้าไมค์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 1945 ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งใน ฟรุตต้า,โคโลราโด้ ประเทศสหรัฐฯ เมื่อ ลอยด์ โอลเซ่นนำเจ้าไมค์ไปเตรียมฆ่าเพื่อให้ภรรยา คลาร่า โอลเซ่น ทำมื้อเย็นทว่าเมื่อ เจ้าไมค์ ถูกตัดหัวจนขาดกระเด็น มันกลับกระโดดวิ่งหนีไปทำให้ลอยด์พลาดเอาไปให้ภรรยาทอดให้กิน ตัวลอยด์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิดว่าเจ้าไมค์มันคงวิ่งไปนอนตายที่ไหนซักแห่ง

สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คาดเพราะเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าไมค์ กลับมาที่ฟาร์มและใช้ชีวิตตามปกติของมันในสภาพไร้หัว!!

Sponsored Ad

ลอยด์แทบช็อคและรู้สึกเหมือนโดนผีไก่หัวขาดหลอกเข้าแล้วแต่เมื่อตั้งสติได้ก็พบว่านี่คือเรื่องจริงเขาจึงตัดสินใจเลี้ยงมันต่อไป โดยใช้ที่หยอดตาหยอดอาหารไก่และน้ำใส่ลงไปในคอของเจ้าไมค์

สัปดาห์ต่อมา ลอยด์ พา "ไมค์ไก่ไร้หัว"ไปที่ มหาวิทยาลัยยูทาห์ เพื่อหาสาเหตุของการมีชีวิตอยู่โดยไร้หัวเมื่ออาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเห็นสภาพเจ้าไมค์ก็รู้สึกช็อคเหมือนที่ลอยด์เห็นครั้งแรกแต่เมื่อวินิจฉัยโดยละเอียดแล้วก็พบว่าบาดแผลที่ถูกตัดคอของเจ้าไมค์นั้นไม่โดนเส้นเลือดดำเส้นสำคัญและเลือดจับตัวเป็นก้อน จึงทำให้ไมค์ไม่ตายและที่น่าทึ่งกว่านั้นคือในตัวของมันยังเหลือเซลล์สมองกับประสาทสัมผัสการมองเห็นไว้ ซึ่งช่วยให้ไมค์มีชีวิตอยู่ได้

ไมค์มีชีวิตคุ้ยๆเขี่ยๆไปตามเรื่องกับเพื่อนไก่อย่างไร้หัวนี้อยู่นานถึง 18 เดือนแล้วก็ตายไปแต่เรื่องที่สุดแปลกประหลาดอย่างนี้จะลืมไปง่ายๆ ก็คงจะไม่ดีจึงเป็นที่มาของเทศกาล "ไมค์ไก่ไร้หัว" ที่จัดขึ้นทุกๆสัปดาห์ที่ 3ของเดือนพฤษภาคม

ชมคลิป

">

ใครอยากพิสูจน์ว่าไก่มีชีวิตอย่างไร้หัวได้จริงหรือไม่?ก็ลองไปตัดหัวไก่ซักตัวดูนะครับ เอ๊ยยย!! จะบ้าเหรอ!! ไม่ใช่แล้ว!!!เอาเป็นว่าถ้าใครอยากไปเที่ยวเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อนึกถึงเจ้าไมค์แล้วก็ไปกันได้ที่ฟาร์มในฟรุตต้า โคโลราโด้หรือถ้าหากไม่มีโอกาสไปก็ดูเรื่องราวไมค์ได้ที่ facebook Mike The Headless Chicken ครับ

ขอบคุณที่มา: http://www.manyum.com/post/detail/138820.html