เรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อ ฆาตกรรมซ้ำสอง ในเวลาห่างถึง 157 ปี

http://variety.teenee.com/foodforbrain/73993.html

เรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อ ฆาตกรรมซ้ำสอง ในเวลาห่างถึง 157 ปี

 

มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1817 ในเออร์ดิงตัน (Erdington) หมู่บ้านเล็กๆ ประมาณ 5 ไมล์ นอกเมืองเบอร์มิงแฮมในประเทศอังกฤษ ชาวบ้านได้พบศพผู้หญิงคนหนึ่งซึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ แมรี่ แอชฟอร์ด (Mary Ashford) ในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือดนอนเสียชีวิตในหลุมทราย ที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมขัง ซึ่งคดีดังกล่าวยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่สามารถแก้กระจ่างได้จนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในอีก 157 ปีต่อมาหมู่บ้านแห่งนี้ก็เกิดคดีฆาตกรรมอีกคดี คือวันที่ 27 พฤษภาคม1974 ชาวบ้าน ได้พบศพผู้หญิงคนหนึ่งชื่อนางบาร์บารา ฟอร์เรสท์ (Barbara Forrest) เธอถูกฆ่ารัดคอและทิ้งไว้ ในพุ่มหญ้ารกที่อยู่ใกล้บ้านเด็กในเออร์ดิงตันที่เธอถูกจ้างมาเป็นพยาบาล

ทั้งสองคดีเหมือนจะเป็นคดีฆ่าธรรมดา ก็แค่ทั้งสองคดีเกิดขึ้นในหมู่บ้านเดียวกันคือเออร์ดิงตัน อีกทั้งคดี ยังห่างกันถึง 157 ปี ที่ดูแล้วไม่น่าสนใจเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจทำการเจาะลึกทั้งสองคดี ตำรวจพบว่าทั้งสองคดีนั้นมีจุดเหมือนกันอย่างบังเอิญ เหลือเชื่อ แม้เหยื่อจะถูกฆ่าและถูกพบวันและเวลาคลาดเคลื่อนเล็กน้อย หากแต่นอกเหนือจากนั้นแทบ เหมือนกันอย่างน่าขนหัวลุก กล่าวคือเหยื่อทั้งสองมีอายุ 20 ปีเหมือนกัน, เกิดวันเดียวกัน, ถูกข่มขืนก่อนที่จะถูกฆ่าเหมือนกัน ไม่เพียงเท่านั้นเด็กสาวทั้งสองไปเยี่ยมเพื่อนสนิทของเธอตอนเย็นเพื่อเปลี่ยน ชุดใหม่สำหรับงานเลี้ยงเต้นรำท้องถิ่นเหมือนกัน และผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมทั้งสองคดีชื่อนายทอร์ตัน (Thornton) เหมือนกัน ซึ่งทั้งสองทอร์ตันถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม และพิพากษายกฟ้องในเวลาต่อมา

เป็นไปได้ไงว่าทั้งสองคดีนี้เหมือนกันโดยบังเอิญ ทั้งที่ทั้งสองคดีห่างกันถึง 157 ปี!!

 

แมรี่ แอชฟอร์ด (Mary Ashford) และ บาร์บารา ฟอร์เรสท์ (Barbara Forrest) เรื่องราวแปลกประหลาดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1817 เวลาประมาณ 6.30 น. คนงาน ในเออร์ดิงตัน ได้พบกองเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของผู้หญิงคนหนึ่งตกอยู่ในโรงสี พวกเขาบอกตำรวจและ

ระหว่างการค้นหาบริเวณโดยรอบที่น่าสงสัย พวกเขาก็พบร่องรอยของรอยเท้าซึ่งเป็นของชายหญิง และรอยเท้านั้นได้นำไปสู่หลุมทรายน้ำขัง หลุมหนึ่ง

ตำรวจตามรอยเท้าจนกระทั่งสิ้นสุดลงขอบของหลุมน้ำขัง และที่หลุมนั้นพวกเขาก็พบศพของหญิงสาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในท้องถิ่นชื่อแมรี่ แอชฟอร์ด สภาพศพของเธอที่อ้อมแขนของเธอมีรอยช้ำและเสื้อผ้า เปื้อนเลือด สาเหตุจากการเสียชีวิตมาจากการบีบรัดจนขาดอากาศหายใจตาย หลังจากที่โดนข่มขืน เมื่อสอบถามชาวบ้านก็พบว่าล่าสุดที่มีคนพบเห็นเธอก็เป็นวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม แมรี่ได้เดินทาง ไปบ้านเพื่อนคนหนึ่งและเปลี่ยนเสื้อชุดใหม่เพื่อไปงานเต้นรำในตอนเย็น ซึ่งเวลานั้นแมรี่กำลังมีความสุข

ในงานเธอได้แต่งงานกับหนุ่มคนหนึ่งชื่ออับราฮัม ทอร์ตัน ในขณะที่เพื่อนเธอเต้นรำกับเด็กชายคนหนึ่งชื่อ เบนจามิน คาร์เตอร์ เมื่องานเต้นรำสิ้นสุดลงเที่ยงคืนเธอก็แยกทางจากเพื่อนไปทางหนึ่ง ซึ่งนั้นเป็น ภาพสุดท้ายที่เพื่อนได้เห็นแมรี่

แน่นอนว่าผู้ตกสงสัยรายแรกก็คือนายทอร์ตันผู้อยู่กับแมรี่ในงานเลี้ยงก่อนที่จะถูกฆ่า เมื่อตำรวจสอบปากคำดูเหมือนเขาจะตกใจมาก

 

ทอร์ตันปฏิเสธและบอกไม่รู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขายอมรับว่าเขาต้องการมีเพศสัมพันธ์กับแมรี่ แต่เขาปฏิเสธ เรื่องข่มขืนและฆ่าผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ทำการควบคุมทอร์ตันเอาไว้ เพราะจากการตรวจสอบแล็บ ในรองเท้าบู๊ตชองเขานั้นตรงกับดินในหลุมที่แมรี่นอนเสียชีวิตอยู่

ทอร์ตันถูกนำตัวขึ้นไปพิจารณาคดีในเดือนสิงหาคม คนหลายร้อยคนเชื่อว่าทอร์ตันเป็นคนฆ่าแมรี่ ซึ่งพวกเขาแห่มาดูการพิจาณาคดีด้านนอกของศาลตั้งแต่เช้า พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะเป็นคนแรกที่ทราบคำตัดสินความผิดของทอร์ตัน หากแต่แล้วก็ผิดหวัง เพียงหกนาทีที่คณะลูกขุนประชุมหารือพวกเขาก็ตัดสินว่า ทอร์ตันไม่ผิด

แน่นอนว่าหลายคนรับไม่ได้กลับคำตัดสิน ผู้สนับสนุนครอบครัวแมรี่จัดกองทุนเพื่อเขียนคำอุทธรณ์ให้นำทอร์ตัน มาพิจารณาคดีอีกครั้ง ขบวนม๊อบต่างพากันปิดล้อมศาลเมื่อได้ยินเรื่องทอร์ตัน แน่นอนว่าทอร์ตันเองก็ท้าทาย ไม่เกรงกลัวฝูงชนแต่อย่างใด

“ผมไม่ผิด” เขากล่าว “และฉันจะปกป้องตนเองด้วยร่างกายของฉันนี้แหละ” ทอร์ตันถูกตั้งข้อหาอีกครั้งสำหรับการฆาตกรรมแมรี่ และเป็นอีกครั้งที่เขายังยืนยันว่าเขาไม่ผิด ผลออกมาเหมือนเดิม ว่าเขาพ้นข้อกล่าวหา แม้จะพ้นโทษกล่าวหา แต่ทอร์ตันไม่มีความสุขมากนัก เพราะหลายคนยังเชื่อว่าเขาเป็นคนร้ายอยู่ดี เขาถูกคนก่อกวนความสงบ ถูกขัดขวางออกนอกประเทศ ถูกคนปฏิเสธขึ้นเรือ แต่อย่างไรสุดท้ายเขาได้เดินทางไปนิวยอร์กและแต่งงานใช้ชีวิตใหม่ที่นั้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

กว่า157 ปีที่คดีฆาตกรรมแมรี่ แอชฟอร์ดไม่สามารถไขปริศนาได้ จนกระทั่ง26 พฤษภาคม1974 ชาวบ้านได้พบศพผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ บาร์บารา ฟอร์เรสท์ เธอถูกฆ่ารัดคอและทิ้งไว้ในพุ่มหญ้า ของสวนสาธารณะ Pype Hayes parkในเออร์ดิงตัน ใจกลางเมืองเบอร์มิงแฮม บาร์บารานั้นเป็นหญิงสาวที่รู้จักกันดีในชุมชน เธอเป็นคนรักเด็ก ทำงานรักเด็ก ในวันก่อนที่เธอจะถูกฆาตกรรมนั้นเธอได้ไปกับผับของเพื่อนๆ ก่อนที่จะขอลากลับบ้าน นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่หลายคนมีชีวิตอยู่

จากการสืบสวนของตำรวจพบว่าคดีนี้มืดแปดด้านไม่มีใครน่าสนใจพอที่เป็นฆาตกรฆ่าบาร์บารา จนกระทั่งในที่สุดมีพยาน ได้ให้เบาะแสเด็ดเมื่อพยานได้เห็นรถสีฟ้าลึกลับอยู่ใกล้จุดที่พบศพ ในช่วงเวลาเดียวที่บาร์บาร่าถูกฆ่าตาย เมื่อตำรวจได้ทราบข้อมูลดังกล่าว ผู้เกี่ยวข้องกับบาร์บาร่าก็ถูกตรวจสอบ จนกระทั่งเจอผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งคือนาย ไมเคิล ทอร์ตัน ผู้ซึ่งทำงาน ในบ้านเด็กที่เดี่ยวกับบาร์บาราทำงานอยู่ และเขาก็ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมบาร์บาร่า หลักฐานที่เอาผิดนายทอร์ตันก็คือ ที่กางเกงของเขาพบเลือด และแม่ของเขาให้การเท็จเพื่อปกป้องเขา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกระบวนพิจารณาคดีทอร์ตัน ก็รอดพ้นความผิด เมื่อคณะลูกขุนระบุว่าไม่มีหลักฐานใดที่จะเอาผิดทอร์ตัน

ในเวลาต่อมาก็มีคนเริ่มสังเกตความผิดปกติของคดีของบาร์บารา เมื่อคดีของเธอคล้ายคลึงกับคดีฆาตกรรม แมรี่ แอชฟอร์ด เมื่อ 157 ปีก่อน อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งสองเป็นใบหน้าลักษณะคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งสองถูกฆ่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนจึงถึง วันจันทร์ เหยื่อทั้งสองไม่ได้แต่งงาน ทั้งสองอายุ 20 ปี ทั้งสองกลับมาจากการเต้นรำ ทั้งสองถูกคนพบเห็นครั้งสุดท้าย ของวันที่ 27 เหมือนกัน

 

ที่น่าขนหัวลุกคือการก่อคดีฆาตกรรมคล้ายกันถูกทำร้ายอย่างรุนแรง รัดคอ ทั้งได้ถูกปล่อยทิ้งในขณะที่มีลมหายใจ อยู่ก่อนที่จะตายในที่สุด สถานที่พบศพของทั้งสองอยู่ประมาณ 300 เมตรห่างจาก Pype Hayes park เหมือนกัน

ที่น่าขนลุกอีกก็คือก่อนถูกฆ่านั้นหญิงสาวทั้งสองมีลางสังหรณ์เกี่ยวกับการตายของพวกเขา แมรี่ได้พูดว่า “ฉันมีความรู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีในสัปดาห์หน้า” ส่วนบาร์บาร่าได้พูดว่า “นี้อาจเป็นเดือนโชคร้ายของฉัน ฉันไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงรู้สึกเหล่านี้”

ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมทั้งสองคือนายทอร์ตันเหมือนกัน ทั้งทอร์ตันสองคนถูกนำตัวพิจารณาคดีในชั้นศาล และถูกตัดสินไม่มีความผิด เพราะขาดหลักฐาน เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญของประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่ดลบันดาลให้เรื่องประหลาดนี้เกิดขึ้น บาร์บาร่าเป็นอีกชาติหนึ่งของแมรี่หรือไม่?

จนบัดนี้ก็ไม่มีคำตอบแต่อย่างใด

 

ที่มา:http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=118508.0

อ้างอิง http://www.slemen.com/erdington.htm

เครดิต Anza (ทีมงาน TeeNee.Com)

31 ธ.ค. 58 เวลา 03:29 1,813 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...