ชายอ้วนที่สุดในโลก หนัก 444 กก. เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 44 ปี

ชายอ้วนที่สุดในโลก หนัก 444 กก. 
 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด        
 
          ชายที่อ้วนที่สุดในโลก น้ำหนัก  เมื่อปี 2555 เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยโรคปอดอักเสบ หลังต้องเผชิญหน้ากับโรคที่มาจากความอ้วนนานหลายปี

          วันนี้ (6 ธันวาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคีธ มาร์ติน ชายชาวอังกฤษวัย 44 ปี เจ้าของตำแหน่ง “หนุ่มที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก” ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคปอดอักเสบ หลังต้องเผชิญหน้ากับโรคที่มาจากความอ้วน น้ำหนัก 444 กิโลกรัม นานหลายปี ทั้งนี้แพทย์คีซาวา แมนนูร์ ศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลโฮเมอร์ตันในกรุงลอนดอน เปิดเผยว่า 8 เดือนก่อนหน้านี้ นายมาร์ตินเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ซึ่งแพทย์ก็ได้ตัดออกไปราว 3 ใน 4 ส่วนของกระเพาะ 

          โดยผลการผ่าตัดก็ประสบความสำเร็จและเป็นที่น่าพอใจอย่างดี และสุขภาพของนายมาร์ตินก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้หากนายมาร์ตินยังมีชีวิตอยู่ ก็อาจจะลดน้ำหนักได้มากกว่า 40-50 กิโลกรัมในเวลาว 1 ปี แต่โชคร้ายที่เขาต้องมาเสียชีวิตก่อน พร้อมกันนี้ บรรดาแพทย์ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินนโยบายป้องกันโรคอ้วนอย่างจริงจัง เพื่อลดจำนวนประชากรที่ป่วยเป็นโรคอ้วนและเบาหวานเพิ่มขึ้น

          รายงานยังระบุอีกว่า นายมาร์ตินได้เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2555 ก่อนรับตำแหน่งชายที่อ้วนที่สุดในโลกว่า เป็นผลมาจากพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ เนื่องจากเกิดความเศร้าหลังจาก มารดาเสียชีวิตเมื่อตอนอายุ 16 ปี นอกจากนี้ รายงานยังบอกด้วยว่า ทุก ๆ เช้า นายมาร์ตินจะทานฮอตด็อก 18 ชิ้น และไข่ดาว 6 ฟอง ส่วนมื้อกลางวันจะเป็นพิซซ่า เคบับ เค้ก บิสกิต และช็อกโกแลต ก่อนปิดท้ายในตอนเย็นของแต่ละวันด้วยแฮมเบอร์เกอร์ อาหารจีน ไส้กรอก 16 ชิ้น และมันฝรั่งทอดถุงใหญ่อีก 1 ถุง 

          นอกจากนี้ นายมาร์ตินยังต้องมีผู้ช่วยพยาบาลอีก 18 คน เพื่อทำหน้าที่พยุงตัว เช็ดตัว และดูแลภายในบ้าน เนื่องจากนายมาร์ตินไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เอง อีกทั้งยังต้องนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นายมาร์ตินได้กล่าวว่าอยากจะลดน้ำหนักและอยากจะลุกออกจากเตียงนอนด้วยตัวเองให้ได้ แต่ทว่า ความต้องการนั้นก็ไม่มีวันมาถึง



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...