เร่งติดกล้องจับได้ทั้งรถฝ่าไฟแดง-ใช้มือถือขณะขับขี่

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เปิดเผยว่า ตามที่มีกฎหมายเรื่องการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2551 จนถึงวันนี้ ตำรวจจราจรก็ยังปฏิบัติหน้าที่กวดขันจับปรับข้อหาดังกล่าวอยู่เสมอ ยอมรับว่าจับกุมได้น้อย เพราะหากไม่พบว่ากระทำผิดซึ่งหน้า ก็มักจะมีการโต้แย้งจากผู้ขับขี่ว่าไม่ได้ใช้โทรศัพท์ และให้ตำรวจหาหลักฐานมาจับกุม ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทำได้ยาก ทำให้สถิติการจับกุมในข้อหานี้มีไม่มาก ในขณะที่มีผู้ขับขี่หลายรายยังใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ ทั้งการโทร การเล่นอินเตอร์เน็ต และโปรแกรมแชทอย่างไลน์ และวอทแอฟ ล้วนเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทั้งสิ้น ซึ่งการจะจับกุมข้อหานี้จะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเข้าช่วย ทั้งนี้ได้เตรียมกำหนดในร่างทีโออาร์เปิดประกวดราคาติดตั้งกล้องจับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจร หรือเรดไลท์คาเมร่า ที่ได้รับงบประมาณ 33 ล้านบาท จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาแล้ว ให้ติดตั้งใน 10 จุด ทั้งนี้กล้องตัวใหม่จะมีกล้องที่ติดตั้งให้สามารถถ่ายให้เห็นภายในรถและบันทึกภาพได้ทุกคัน ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าผู้ขับขี่มีการฝ่าฝืนใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่หรือไม่ โดยนอกจากโดนหมายเรียกไปจับปรับ ทำผิดข้อหาฝ่าไฟแดงแล้ว ก็ยัง โดยเรียกค่าปรับขับรถขณะโทรมือถืออีกด้วย ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างศึกษากับสถาบันเอไอที ในเรื่องการกำหนดร่างทีโออาร์กล้องเรดไลท์ คาดว่าจะประกาศประกวดได้ภายในปลายปีนี้ ใช้เวลาติดตั้งประมาณ 2-3 เดือน โดยจะเริ่มใช้งานได้ไม่เกินกลางปี 2557
สำหรับกฎหมายโทรไม่ขับ บังคับใช้กับรถทุกชนิดทุกประเภทตามความหมายใน พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ รวมถึงรถจักรยาน และรถสามล้อ ที่วิ่งในถนนสาธารณะ ยกเว้นรถไฟและรถรางเท่านั้น ทั้งนี้หากจำเป็นต้องโทรศัพท์ควรจอดข้างทางในที่ที่สามารถจอดได้ หรือจอดในปั๊มน้ำมัน กรณีรถติดไฟแดงหรือรถติดก็ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ เนื่องจากยังติดเครื่องยนต์และ คนขับยังควบคุมรถอยู่มีโทษปรับ 500 บาท

ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...