UN ประกาศเตือน ชาวโลกเกินครึ่งจะขาดแคลนน้ำในอีก 17 ปี


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          เลขาธิการยูเอ็นประกาศเตือนเนื่องการประกาศปีแห่งความร่วมมือด้านน้ำ ว่า ภายใน 17 ปีข้างหน้า ประชากรโลก 2 ใน 3 จะต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้น

          เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ มีรายงานว่าจากสำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ว่า นายบันคีมูน เลขาธิการยูเอ็น ได้ออกมาเตือนว่าภายในปี ค.ศ. 2030 ประชากรของโลกถึง 2 ใน 3 จะต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำของโลกที่เพิ่มขึ้นถึง 40%


โดยในสุนทรพจน์ที่ นายบันคีมูน ได้กล่าวเนื่องในโอกาสที่ยูเอ็นประกาศให้ปี 2556 เป็น "ปีแห่งความร่วมมือด้านน้ำ" เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี ของ "วันน้ำโลก" นั้น ระบุว่า ทุกวันนี้โลกมีความต้องการใช้น้ำที่สูงมาก มีประชากรบนโลกถึง 1 ใน 3 ที่ประสบปัญหาจากความต้องการใช้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเกษตรกรและผู้ที่ทำปศุสัตว์ ขณะที่ผู้คนอีกกว่า 780 ล้านคนก็ยังไม่มีโอกาสที่จะข้าถึงแหล่งน้ำดื่มได้ โดยเฉพาะในแอฟริกา

          นั่นทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น ในการปกป้องและจัดการทรัพยากรน้ำที่มีความเปราะบาง และมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเมื่อประชากรของโลกกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก
ด้าน เอกอัครราชทูตโทมัส เมเยอร์ ฮาร์ติง หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป ได้เสริมว่า มีผู้คนที่ย้ายไปยังอาศัยยังเขตเมืองมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้มีปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้นถึง 50% ในปี ค.ศ. 2025 และในตอนนั้น ผู้คนราว 5.5 พันล้านคน ซึ่งนับเป็น 2 ใน 3 ของประชากรโลกจะต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน และเป้าหมายหลักในการพัฒนาแห่งสหัสวรรษขององค์การสหประชาชาติ ก็คือ การลดสัดส่วนของประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี ค.ศ. 2015
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...