1. ให้ความสนใจกับการพูดคุยของคุณ ทั้งเวลาคุยกันเป็นกลุ่ม หรือเวลาคุยกันแบบส่วนตัว เขาหรือเธอจะสนอกสนใจฟังเรื่องของคุณเป็นพิเศษ และพยายามจะถามโน่นถามนี่เพื่อโยงไปสู่เรื่องของคุณ

2. สังเกตุให้ดีค่ะ ว่าเขาหรือเธอคนนั้นมักปรากฏตัวให้คุณเห็นเสมอๆ หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านอาหารประจำของคุณ  ร้านหนังสือ งานเลี้ยงสังสรรค์ หรือถ้าทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน คุณอาจเจอเขาตามมุมกาแฟ ประมาณว่ามาชงกาแฟเวลาเดียวกัน ตอนเย็นเลิกงานคุณจะเห็นเขาที่ป้ายรถเมล์เดียวกัน แถมบางครั้งเขายังขึ้นรถเมล์สายเดียวกับคุณด้วยต่างหาก ซึ่งเหตุผลของการพบกันนั้น เขาหรือเธอมักจะบอกว่า "ช่างบังเอิญจริง ๆ นะครับ/คะที่เจอกัน" 

3. หลังจากการเจอกันแบบที่เขาว่าบังเอิญบ่อยๆ แล้ว ขั้นต่อมาคือการหาเวลาเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดคุณมากขึ้น โดยการชวนไปไหนมาไหนด้วย แรกเริ่มอาจเป็นประโยคที่ว่า "อาทิตย์หน้ามีคอนเสิร์ตน่าดู ถ้าพลาดเสียดายแย่ เราน่าจะไปดูกันเนอะ" หรือ "คุณเคยไปร้านอาหารเปิดใหม่ที่หัวมุมถนนไหม ตอนนี้หิวหรือยัง ไปลองชิมกันเถอะ" (ถ้าเป็นสาวๆบอกละก็...เฮ้อ ช่างกล้าเนอะ)

4. เมื่อมีโอกาสได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน เขาหรือเธอจะพยายามยืดเวลาการอยู่กันกันกับคุณไปอีก คุณอาจได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตามตัวให้ไปทำงาน แต่เขา/เธอก็จะตอบปฏิเสธไปแล้วหันมาบอกคุณว่า ไม่เป็นไรหรอกครับ/ค่ะ งานไม่ด่วนมาก เรายังมีเวลาอีกแยะ"

5. เขาให้ความสนใจชีวิตส่วนตัวของคุณเป็นเพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานอดิเรก ความชอบ การงาน ครอบครัว คุยกับเขา/เธอคุณอาจแปลกใจก็ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้เรื่องคุณดีนัก ความใส่ใจเช่นนี้แหละที่บ่งบอกได้ว่าเขาสนใจคุณมากขนาดไหน 

6. นอกจากนั้นยังมีการแสดงออกที่สังเกตได้ทางภาษาท่าทาง เช่น เขามักอายหน้าแดงเวลาเจอหรือได้คุยกับคุณ บางรายชอบส่งยิ้มให้ตลอดเวลา บางคนชอบแสดงออกโดยทำตัวเหมือนเป็นกระจก คือถ้าคุณทำอะไรเขาจะทำตาม คุณยืนขึ้นเขายืนตาม คุณเอามือเท้าคางบนโต๊ะ เขาก็จะเท้าคางเหมือนกัน บางคนก็ชอบมานั่งใกล้ๆ ยืนใกล้ๆ คุณเสมอ  ถ้าสนิทกันแล้วอาจมีการถูกเนื้อต้องตัวบ้างแบบไม่น่าเกลียด อาทิ สัมผัสหลังมือเบาๆ เหมือนให้กำลังใจ