ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 3 ตอน ยุทธนาวี

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 3 ตอน ยุทธนาวี (พร้อมมิตร โปรดักชั่น)
กำหนดฉาย : 31 มีนาคม 2554 
กำกับ : ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล
นำแสดง : พันตรี วันชนะ สวัสดี, จา พนม, พันโทวินธัย สุวารี, นพชัย ชัยนาม, อินทิรา เจริญปุระ, ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง, สรพงษ์ ชาตรี

          ภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์แห่งวีรกษัตริย์ผู้ทรงประกาศอิสรภาพ ของ "พระองค์ดำ" หรือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อภิมหากาพย์ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งสยามประเทศที่คนทั้งชาติรอคอย โดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล สานต่อเรื่องราวของพระนเรศฯ ที่ได้พาเชลยและคนไทยหนีกลับมายังแผ่นดินเกิด โดยทรงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงฆ่าสุรกำมา แม่ทัพพม่าที่ได้ติดตามมา อันนำมาซึ่งการประกาศเอกราชที่เมืองแครง หลังจากทรงหลั่งทักษิโนทกประกาศความเป็นไทยไม่ขึ้นต่อพม่าอีกต่อไป

          ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี สานต่อเรื่องราวเมื่อกองทัพอโยธยาจะต้องรับศึกที่รายล้อมมาประชิดเมือง ทั้งกองทัพของพระยาพะสิมที่ยกทัพเข้ามาผ่านด่านเจดีย์สามองค์, กองทัพของพระเจ้าเชียงใหม่ และฉากสำคัญคือการทำศึกยุทธนาวีของพระนเรศฯ เพื่อออกตามล่าตัวพระยาจีนจันตุ สายลับของเมืองละแวก อันเป็นฉากการรบทางน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดฉากหนึ่ง ซึ่งคนไทยจะได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ด้วยจำนวนเรือรบกว่าร้อยลำ พร้อมด้วยนักแสดงที่มาเสริมทัพอย่างคับคั่ง อาทิ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ,นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, นุ้ยเกศริน เอกธวัชกุล ฯลฯ

          ไม่เพียงแต่ความเข้มข้นในเรื่องราวสงคราม แต่ปมรักก็ดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญที่ยากจะหาทางแก้ ทั้งรักสามเส้าของเลอขิ่น ธิดาเจ้าเมืองคัง ,เสือฟ้า และพระราชมนู ไปจนถึงพระเจ้านันทบุเรง ที่มีจิตปฏิพัทธิ์ต่อสมเด็จพระสุพรรณกัลยา องค์ประกันหงสาผู้เป็นทั้งเมียพ่อ และพี่สาวของศัตรู

          เรื่องราวศึกรบ และความรักยังคงดำเนินต่อไป แต่เป้าหมายอันสำคัญยิ่งของพระนเรศฯ ในการทำให้อโยธยาเป็นไทจากหงสาให้จงได้ ยังคงไม่เสร็จสิ้นและนำไปสู่การทำยุทธหัตถี ที่ปรากฎชื่อลือไกลและต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ใน "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ยุทธหัตถี"

เรื่องย่อตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3

          การประกาศเอกราชที่เมืองแครง และสังหารสุรกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งน้ำสะโตงของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หรือ สมเด็จพระนเรศ) ในปีพุทธศักราช 2127 ได้สร้างความตระหนกแก่พระเจ้านันทบุเรงองค์ราชันหงสาวดีพระองค์ใหม่ ด้วยเกรงว่าการแข็งข้อของอยุธยาในครั้งนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้า ประเทศราชที่ขึ้นกับหงสาวดีอาศัยลอกเลียนตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่จนพระทัยด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระนเรศ ด้วยเห็นว่ายังอ่อน พระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยา ยังบอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร

          ครั้งนั้นพม่ารามัญยกเข้ามาเป็นศึกกระหนาบถึง 2 ทาง ทัพพระยาพะสิมยกเข้ามาทาง ด่านพระเจดีย์สามองค์ เลยล่วงเข้ามาถึงแดนสุพรรณบุรี ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่ นรธาเมงสอ มาจากทางเหนือ นำทัพบุกลงมาตั้งค่ายถึงบ้านสระเกศ แขวงเมืองอ่างทอง

          กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราระบือไกลถึงแผ่นดิน ละแวก เจ้ากรุงละแวกมิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่า "จีนจันตุ" มาลอบสืบความ ที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหัน มาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วย อยุธยา การได้พระศรีสุพรรณมาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่

          ข้างสมเด็จพระนเรศ เมื่อทรงประกาศเอกราชแล้วก็จัดเตรียมการรับศึกหงสาวดี แต่เพราะกำลังรบข้างอยุธยาเป็นรอง จึงทรงวางยุทธศาสตร์รับศึกโดยมุ่งอาศัยกรุงศรีอยุธยาเป็นที่มั่นเพียงแห่ง เดียว ครั้งนั้นได้โปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนืออันเป็นแคว้นสุโขทัยเดิมลงมารวมกับ ครัวที่อยุธยา การณ์ปรากฏว่าเจ้าเมืองพิชัยและสวรรคโลกข้าหลวงเดิมแข็งเมืองไม่เทครัวลงมา สมทบ จึงทรง ยึดเมืองแล้วลงทัณฑ์มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

          สมเด็จพระนเรศ ทรงเห็นว่ากำลังข้างอยุธยายังเป็นรองพม่ารามัญ จึงทรงปรับเปลี่ยน ยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ โดยมิปล่อยให้ทัพพระยาพะสิมและนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่ เข้ามารวมกำลังผนึกล้อมร่วมกันตีกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นทรงจัดทัพออกรับศึกในแขวงหัวเมือง แลด้วยทัพพม่ารามัญแยกสายเข้าตีเป็นสองทางเดินทัพช้าเร็วไม่เสมอกัน จึงทรงเทกำลังเข้ารับศึกพระยาพะสิมที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งพระทัยจะตีทัพเบื้องประจิมทิศก่อน แล้วจึงเทกำลังเข้าตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่เบื้องอุดรทิศภายหลัง การทั้งหมดทั้งสิ้นต้องทำแข่งกับเวลา หากพลาดท่า แม้เพียงก้าวอยุธยาก็ไม่พ้นพินาศ ถึงแม้ครั้งนั้นทัพพม่ารามัญจะมิได้ยกมาดั่งทัพกษัตริย์เช่นศึกพระเจ้าช้าง เผือกบุเรงนอง แต่ไพร่พลก็มากเหลือประมาณเพียงพอจะสร้างความย่อยยับให้ เหล่าอาณาประชาราษฎร์เกินคาดเดา

          ภายใต้บรรยากาศกลิ่นอายสงครามนับแต่ศึกจีนจันตุ ตลอดถึงศึกพระยาพะสิมและ ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ในพระนครก็เกิดไฟรักโชติขึ้นท่ามกลางไฟสงคราม กลายเป็นเรื่องรักระหว่างรบ ด้วย "เลอขิ่น" ธิดาเจ้าเมืองคัง มีอันมาพบ "เสือหาญฟ้า" คนรักเก่าที่รอดชีวิตมาแต่ศึกเมืองคัง โดยบังเอิญ เกิดขัดข้องเป็นรักสามเส้ากับ "พระราชมนู" คนรักใหม่ทหารเสือพระนเรศ ไฟรักยิ่งลุกลามเมื่อนางพระกำนัลทรงเสน่ห์นาม "รัตนาวดี" มาทอดไมตรีให้พระราชมนู เกิดเป็นปมรัก ซ้อนปมรบ

          ทางฝ่ายหงสาวดีนั้น พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่ารามัญพระองค์ใหม่มีใจพิศวาส พระสุพรรณกัลยา  พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศ หมายจะได้มาแนบข้าง ซ้ำพระนเรศอนุชา มาประกาศเอกราชท้าทายอำนาจของพระองค์ ทำให้สถานะของพระสุพรรณกัลยาในฐานะ องค์ประกันต้องสุ่มเสี่ยงต่อราชภัย พระสุพรรณกัลยาซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรงข่มขู่ บีบบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็น บาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสดตามโทษานุโทษของพระอนุชา ชะตากรรมของพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นสุดรันทด

          เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทรงเสร็จศึกอังวะก็เตรียมการเปิดศึกกับอยุธยา ทรงระดมไพร่พล แต่งเป็นทัพกษัตริย์ กองทัพใหญ่โตเหลือคณากว่าทัพบุเรงนองช้างเผือก เฉพาะไพร่ราบมีกำลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 240,000 คน ทัพนี้หมายมุ่งบดขยี้อยุธยาลงเป็นผุยผงหากทัพพระยาพะสิมและทัพพระเจ้า เชียงใหม่ตีกรุงไม่สำเร็จ แต่สมเด็จพระนเรศก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยา ให้รอดจากภัยสงคราม กู้บ้านเมืองมิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโลบาย การศึกที่เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ
 





ตัวอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 3



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



 

ผู้พันเบิร์ดประทับใจพี่หมู-ดิลก ใส่อารมณ์เต็มที่ ช่วยให้ฉาก "เกาเหลา" ผ่านฉลุย ส่วนปีเตอร์ชื่นชมความทุ่มเทของ จักจั่น - นุ่น ด้านทรายปลื้มแสดงกับดอมแล้วรู้สึกเป็นผู้หญิงมากขึ้น (บริษัท พร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด)

          การถ่ายทำภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 และ 4 สงครามยุทธหัตถี มีนักแสดงชั้นนำมาร่วมเข้าฉากเพิ่มอีกหลายราย อาทิ "พี่หมู - ดิลก ทองวัฒนา" ผู้รับบท พระศรีสุพรรณราชาธิราช ซึ่งถูกพระเชษฐาคือพระยาละแวกส่งตัวให้มาช่วยพระนเรศรบเพื่อเป็นการ ผูกมิตรกับอโยธยา แต่ด้วยความไม่เต็มใจจึงไม่ถูกชะตากับพระนเรศและแสดงออกถึงความไม่พอใจในทุก เรื่องอย่างชัดเจน  นอกจากนี้ยังมี 2 สาว จักจั่น - อคัมย์สิริ สุวรรณศุข และ นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา เป็นพระญาติของพระนเรศชื่อ "รัตนาวดี" กับ "อังกาบ" ผู้ติดตาม ซึ่งเข้าฉากร่วมกับพระราชมนู (ปีเตอร์ - นพชัย  ชัยนาม) และ ดอม  เหตระกูล รับบท "เสือหาญฟ้า" อดีตคนรักของ "เลอขิ่น" (ทราย  เจริญปุระ) โดยเป็นการแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรกของทุกคน  และต่างมีความประทับใจกับผู้ร่วมบทบาทใหม่ในภาค 3 นี้

          ผู้พันเบิร์ด - พ.ต.วันชนะ สวัสดี กล่าวว่า "ผม ประทับใจพี่หมู ด้วยบุคลิกส่วนตัวของพี่หมูเป็นคนนุ่มนวล พูดเพราะ  เป็นกันเองมากครับ ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนกับบทบาทในการแสดงที่ต้องเข้าฉากร่วมกัน เพราะเรามีแต่บทเชือดเฉือนกันด้วยการปะทะคารม  อารมณ์ และกิริยาท่าทางการแสดงออกต่าง ๆ ซึ่งพี่หมู "ใส่เต็มที่หมดแม็ก" ทุกอย่างเลยครับ  ทั้งสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงยียวนกวนประสาทสุด ๆ  แสบมากครับ ทำให้เราสามารถเล่นบทที่ไม่กินเส้นเขม่นกันนี้ได้อย่างเต็มที่เหมือนกัน เลยรู้สึกว่าฉาก "เกาเหลา" เหล่านี้ผ่านไปได้ง่ายกว่าที่คิดไว้  พี่หมูเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทจริง ๆ ครับ
 


 



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



 

          นอกจากนี้ก็เห็นว่าพี่หมูชอบถ่ายรูป มีกล้องแบบมืออาชีพมาที่กองถ่ายตลอดเวลา ผมชอบดูภาพที่พี่หมูถ่าย...สวยมากครับ จัดว่าเป็นผู้มีศิลปะในการถ่ายภาพระดับแนวหน้าได้เลย และผมรู้สึกว่าพี่หมูเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมากเลยครับ นอกจากหน้าเด็กแล้วยังแอบสังเกตเห็นว่าพี่เขามีกล้ามเนื้อขาที่สวยมากเหมือน พวกนักกีฬา เหมาะกับการนุ่งผ้าหยักรั้งแบบถกเขมรจริง ๆ ครับ"

          สำหรับ ปีเตอร์ - นพชัย ชัยนาม ชื่นชม 2 สาว จักจั่น - อคัมย์สิริ และนุ่น – ศิรพันธ์ ว่า "ผม ทึ่งในความทุ่มเทของนุ่นที่เขายอมตัดผมยาว ๆ ของเขาจนสั้นแบบผู้ชายเลยครับ  ส่วนจักจั่นตอนแรกคิดว่าเขาถ่ายละครมาก่อนคงไม่กล้าลุยเท่าไหร่กับการถ่าย หนัง แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นหญิงแกร่งเกินกว่าที่คิดครับ ถึงแม้ว่าอาจกลัวช้างกลัวม้าบ้าง แต่ตอนหลังก็เริ่มคุ้นเคย ช่วยเลี้ยงแล้วก็สนุกไปด้วย ตอนที่ประทับใจอยู่ในฉาก action เล็ก ๆ แต่ก็เป็นสีสัน คือจักจั่นกับนุ่นแอบขี่ช้างออกไปนอกเมืองแล้วถูกพวกพม่าดัก ผมต้องขี่ม้าไปช่วย เป็นฉากที่ต้องขี่ช้างขี่ม้ากันค่อนข้างเร็ว ซึ่งก็บังคับยากเหมือนกันนะครับ ซ้อมกันค่อนข้างนานเลยกว่าจะได้ถ่ายจริงเพราะผู้หญิงขี่ช้างก็ไม่ใช่เรื่อง ง่ายนัก วี้ดว้ายกันไปบ้าง มีเรื่องตื่นเต้นครั้งหนึ่งที่ช้างหยุดกะทันหันแล้วจักจั่นไถลมาตกตรงคอช้าง ทั้ง ๆ ที่นุ่นช่วยคว้าแขนไว้แล้ว แต่ในที่สุดช้างซึ่งได้รับการฝึกมาอย่างดีเขาก็หันมาหนีบไว้ไม่ให้ตก งานนี้ต้องยกเครดิตให้ช้างด้วยล่ะครับ

          สำหรับภาคนี้มีบทที่ต้องประคารมกับนุ่นซึ่งเป็นผู้ติดตามและคอยกีดกันไม่ให้ ผมไปวอแวกับจักจั่น เลยต้องเถียงกันบ่อย ซึ่งในภาค 2 ไม่มีอะไรอย่างนี้ ก็ยิ่งสนุกดี มีรสชาติเพิ่มขึ้นมาอีกแบบครับ"
 


 



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



 

          ด้าน ทราย เจริญปุระ ก็เล่าถึงความประทับใจกับ ดอม ในหลายเรื่อง  "พี่ดอมน่ารักมากค่ะ แม้จะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนเลย เพิ่งมาเข้าฉากด้วยกันในภาค 3 แต่ก็ปรับตัวได้เร็วจริง ๆ เป็นมืออาชีพสุด ๆ ในฉากรบบนหลังม้าพี่ดอมก็ขี่ม้าได้เก่งประหนึ่งว่าซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่ภาค ก่อน และในขณะที่อุบัติเหตุการตกม้าเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับฉากโหด ๆ แบบฉากรบที่เชียงใหม่ แต่พี่ดอมยังไม่เคยตกม้าเลย คงเพราะมีพื้นฐานเรื่องกีฬาดี สำหรับฉากหวานแหววกุ๊กกิ๊กก็ฉลุย การทำงานทุกอย่างเนียนกลมกลืนเข้ากันได้สบาย นอก ฉากเขาก็เป็นคนสนุกสนาน สนิทสนมง่ายและเร็ว  พร้อมที่จะคุยกับเราได้ทุกเรื่อง  รับฟังเรื่องจุ๊กจิ๊กหรือทนเราบ่นโวยวายได้เสมอ  เหมือนเป็นพี่จริง ๆ เลย ที่สำคัญคือทำให้ทรายรู้สึกว่าเล่นเรื่องนี้กับพี่ดอมแล้วเราเป็นผู้หญิงมาก ขึ้น ไม่ห้าวเหมือนภาค 2 ค่ะ

          เรื่องที่ทรายขอขำเล็ก ๆ คือเมื่อมีพี่ดอมมาร่วมงานในภาค 3 นี้ พวกนักแสดงชายทุกคนเริ่มกระตือรือร้นในการฟิตร่างกายกันอย่างเป็นเรื่องเป็น ราวแบบที่ทรายไม่เคยเห็นมาก่อน และคอยขอคำ แนะนำเรื่องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรืออะไรต่าง ๆ จากพี่ดอมเป็นประจำ ในภาคนี้บางตอนท่านมุ้ยก็ให้มีฉากที่ต้องผู้ชายต้องถอดเสื้อบ้าง ซึ่งพี่ดอมดูแลตัวเองดีมาก จึงพร้อมเสมอ แต่อย่างปีเตอร์นี่พอท่านมุ้ยสั่งให้ถอดเสื้อแล้วยังต้องขอเวลาวิดพื้นก่อน นิดหน่อยจะได้ดูฟิต...ฮาดีค่ะ"
 



 



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช





















ใครๆ ต่างก็รอคอยตำนานสมเด็จพระนเรศวร ของท่านมุ้ยกันทั่ว ยิ่งได้ยินข่าวมาว่าภาค 3 นี้ ดารานักแสดงคับคั่ง อย่างนุ่น ศิริพันธ์ จักจั่น และจา พนม ต่างก็เป็นตัวดึงดูดที่ทำให้ภาพยนตร์ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หากแต่ขอให้อดใจรอกันอีกนิด ท่านมุ้ยพยายามจะเสร็จให้ทันวันพ่อปีนี้ ทีมงานมีบทสัมภาษณ์ของท่านมุ้ยและภาพดารานักแสดงมาฝากค่ะ
.

"ใน ส่วนภาค 3 ได้ทำไปแล้ว 30% มีฉากที่คนดูคาดไม่ถึงเยอะมาก โดยเฉพาะซีนสำคัญยุทธหัตถี ที่ยิ่งใหญ่กว่าฉากรบภาค 2 ที่เคยมีมา เป็นงานที่ยากกว่า 2 ภาคที่ผ่านมา เราต้องทำสตอรี่บอร์ดให้เสร็จก่อนเพื่อเตรียมถ่าย พยายามจะทำให้เสร็จทัน 5 ธ.ค. ปีนี้ ตัวผมหวังจะให้ภาค 3 เป็นของขวัญพ่อหลวงของเรา ในขณะเดียวกันก็เริ่มทำงานของเพชรพระอุมาไปด้วย ซึ่งได้มีการเซ็ทฉากไปเยอะแล้ว ในโลเกชั่นเดียวกันที่กาญจนบุรี ตั้งใจจะทำทั้งหมด 3 ภาค ส่วนนักแสดงที่วางไว้แน่นอนคือ สรพงศ์ (ชาตรี) ในบทมันตรัย ส่วนคนอื่นๆ รพินทร์ ไพรวัลย์ คุณหญิงดาริน อาจจะต้องแคสติ้งใหม่ เพราะแคสเดิมที่วางไว้ก็คงจะไม่เหมาะแล้ว หนังใช้ทุนสร้างประมาณ 200 ล้านบาท ในการทำ 3 ตอน ด้านบทก็มีทีมมาช่วยกันเขียน ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเพชรพระอุมา ทำให้เนื้อหาของหนังมีความสนุกทุกซีน จนอดใจไม่ไหวที่จะต้องเริ่มทำไปพร้อมๆ กับถ่ายนเรศวร 3 ครับ
.
 
 


 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...