แข็งแกร่ง!! ชีวิตน่าทึ่งของชายญี่ปุ่น ผู้รอดชีวิตจาก “ระเบิดนิวเคลียร์” ถึง 2 ครั้ง

https://www.meekhao.com/history/japanese-2-life-atomic

เหตุระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโระชิมะและนะงะซะกิพรากชีวิตประชาชนไปหลายแสนคน แต่มีชายคนหนึ่งที่รอดจากเหตุระเบิดที่ทำลายล้างเมืองได้ทั้งสองครั้ง และมีชีวิตยืนยาวถึง 93 ปี

Tsutomu Yamaguchi คือชายชาวญี่ปุ่นที่รอดชีวิตจากเหตุระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้อย่างปาฏิหาริย์ 

ระเบิดครั้งที่ 1 ลิตเติลบอย (Little Boy)

ยามากูชิในวัย 29 ปี ทำงานเป็นวิศวกรให้กับโรงงานผลิตเครื่องยนต์ของบริษัทมิตซูบิชิ วันที่ 6 สิงหาคม 1945 เขาเดินทางไปเมืองฮิโระชิมะเพื่อติดต่อเรื่องงานเป็นเวลาสามเดือน เมื่อครบกำหนดระหว่างเดินทางไปสถานีรถไฟเพื่อกลับไปยังนะงะซะกิ ยามากูชินึกได้ว่าลืมเอกสารจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปในเมืองฮิโระชิมะอีกครั้ง โดยเพื่อนอีกสองคนคือ Akira Iwanaga และ Kuniyoshi Sato เดินทางล่วงหน้าไปก่อนเพื่อไปรอที่สถานี

เขาเก็บเอกสารจนเรียบร้อยและเดินทางกลับไปยังสถานีรถไฟ ในเวลา 8.15 นาฬิกายามากูชิก็มองเห็นระเบิดนิวเคลียร์กำลังพุ่งตรงลงมายังฮิโระชิมะ เสียงระเบิดและแสงสว่างวาบปรากฎขึ้น จากนั้นเมืองทั้งเมืองก็พังพินาศย่อยยับ

สิ่งที่ยามากูชิจำได้ติดตาคือวัตถุบางอย่างที่เหมือนร่มชูชีพสองอันพุ่งลงมาจากท้องฟ้า เกิดแสงสว่างจ้า และตัวเขาก็ถูกอัดกระแทกอย่างแรง ผลจากแรงระเบิดทำให้เขาแก้วหูแตก ตาบอดชั่วคราว และร่างกายส่วนบนถูกเผาไหม้ ยามากูชิพาร่างที่บอบช้ำไปพบกับเพื่อนอีกสองคนซึ่งรอดชีวิตทั้งคู่ หลังจากปฐมพยาบาลและพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เช้าวันต่อมาทั้งสามคนก็ตัดสินใจเดินทางไปยังนะงะซะกิตามที่วางแผนเอาไว้

ระเบิดครั้งที่ 2 แฟตแมน (Fat Man)

เมื่อไปถึงนะงะซะกิเขาก็รักษาพยาบาลต่อเป็นเวลา 3 วัน และในวันที่ 9 สิงหาคมก็เป็นวันที่ยามากูชิกำลังจะกลับไปทำงานต่อเหมือนเดิม ในตอนนั้นยังไม่มีใครเข้าใจหรือทราบเรื่องระเบิดนิวเคลียร์ หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของยามากูชิไม่เชื่อว่าระเบิดครั้งเดียวจะทำให้เกิดความเสียหายได้มหาศาล หัวหน้าถึงกับพูดว่า “คุณเป็นวิศวกรนะ ลองคำนวนดู ระเบิดลูกเดียวจะทำลายล้างเมืองทั้งเมืองได้อย่างไร”

แต่แล้ว…เพียงชั่วครู่ สัญญาณเตือนภัยก็ดังลั่น แสงสว่างจ้าบาดตาเกิดขึ้นอีกครั้ง ยามากูชิทิ้งตัวลงกับพื้นทันทีและคิดว่าระเบิดรูปเห็ดจากฮิโระชิมะคงตามเขามาที่นะงะซะกิเป็นแน่แท้

ระเบิดครั้งนี้รุนแรงกว่าฮิโระชิมะเนื่องจากมีน้ำหนักถึง 21 กิโลตัน (ฮิโระชิมะ 16 กิโลตัน) แต่เคราะห์ดีที่นะงะซะกิมีแม่น้ำพาดขวางเมืองอยู่ ทำให้ไฟไม่ลุกลามรวดเร็วเหมือนกับเมืองฮิโระชิมะ แต่ก็สร้างความเสียหายได้มากไม่แพ้กัน

เดิมทีระเบิดลูกที่สองไม่ได้หวังทำลายเมืองนะงะซะกิ เป้าหมายของกองทัพสหรัฐฯ คือเมืองโคคูระ ในคิตะคิวชู แต่ด้วยสภาพท้องฟ้าปิดและพลังงานสำรองที่ใกล้จะหมด นักบินจึงตัดสินใจทิ้งระเบิดลงใจกลางนะงะซะกิ ผลกระทบของระเบิดนิวเคลียร์ถึงสองครั้งสองคราไม่ได้สร้างบาดแผลให้ยามากูชิเท่ากับคนอื่นๆ เขาเสียการได้ยินของหูข้างซ้าย มีร่องรอยเผาไหม้บนลำตัว ผมร่วง และได้รับผลกระทบทางจิตใจ แต่สามารถใช้ชีวิตได้และมีอายุยืนยาวเหมือนคนสุขภาพดีทั่วไป

เขาและ Hisako ผู้เป็นภรรยามีทายาทหลายคนที่ล้วนมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าทั้งคู่ต่างก็ได้รับผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์ ฮิซาโกะเสียชีวิตด้วยวัย 88 ปีจากโรคมะเร็งในตับและไต ส่วนยามากูชิเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในช่องท้อง ซึ่งโรคของพวกเขาเป็นผลกระทบมาจากรังสีที่ตกค้างในเหตุระเบิด

รัศมีทำลายล้างของระเบิดปรมาณู “แฟตแมน” (Fat Man) หากถูกทิ้งลงโดยมีจุดศูนย์กลางที่มหาธรรมกายเจดีย์

ยามากูชิไม่เปิดเผยตัวว่าตนเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ฮิโระชิมะและนะงะซะกิเพราะรู้สึกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เคราะห์ร้ายคนอื่น จนกระทั่งในวัย 80 ปีเขาจึงยอมรับและแจ้งกับทางการ จากนั้นก็เข้าร่วมการเคลื่อนไหวสนับสนุนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของทุกประเทศมาโดยตลอด รวมทั้งเขียนหนังสือ Raft of Corpses เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ ซึ่งในนั้นมีกลอนที่เขาแต่งขึ้นเองอีกด้วย ยามากูชิบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาถือเป็นโชคดี “ผมควรจะตายไปตั้งแต่ครั้งนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นถือเป็นกำไรชีวิต”

ยามากูชิเพิ่งทราบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเมื่อปี 2009 เขาจากโลกไปเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2010 ที่นะงะซะกิ ด้วยวัย 93 ปี

ที่มา: todayifoundout, wikipedia, ภาพจาก: thehigherlearning, bluejayblog

12 มี.ค. 60 เวลา 03:16 1,939
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...