ประเพณีฆ่าคนชราในอินเดีย ลูกหลานมอบความตายให้ ลดภาระครอบครัว

 

ภาพจาก Cinemarketing / Shutterstock.com

เผยเรื่องราวชวนสลดหดหู่ใจ ประเพณีฆ่าคนแก่ในประเทศอินเดีย แม้ผิดกฎหมายแต่ถูกยอมรับและทำสืบเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคน อ้างเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและแรงงานของคนในครอบครัว

ในขณะที่ประเทศไทยของเรา มีวัฒนธรรมและประเพณีที่ให้ความสำคัญกับผู้หลักผู้ใหญ่อยู่มากมาย ก็ยังมีบางประเทศบนโลกใบนี้ที่ทำสิ่งตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือการคร่าชีวิตคนชราทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นยังไม่หมดอายุขัยตามธรรมชาติ

ประเพณีการฆ่าคนชรา หรือที่มีชื่อว่า Thalaikoothal เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปในเขตรัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้สุดของประเทศอินเดีย ส่วนใหญ่จะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ไม่มีกำลังทรัพย์และกำลังคนพอที่จะมาดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุ ซึ่งบางรายนอกจากจะแก่แล้วยังพิการอีกด้วย

 

reddees / Shutterstock.com

แน่นอนว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายในอินเดีย แต่ก็ยังมีผู้สืบทอดประเพณี และมันได้รับการยอมรับจากสังคมทั่วไปมาโดยตลอด เพราะคนที่นี่ถือกันว่า การฆ่าคนแก่ของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาดี มากกว่าเป็นการฆ่าเพราะแค้นเคืองและใช้ความรุนแรง ในขณะที่เหยื่อชราบางรายก็ยินดีถูกฆ่า เพื่อความสบายใจของลูกหลาน

ในครอบครัวที่ยากจน ขัดสนทั้งเรื่องเงินทองและเวลาที่ใช้ดูแลผู้สูงวัย มักจะเลือกวิธีปลิดชีวิตคนแก่ในบ้านด้วยตนเอง ส่วนวิธีฆ่าคนแก่ก็มีหลากหลาย แต่โดยมากจะเริ่มต้นจากการชำระล้างร่างกายของผู้เฒ่าให้สะอาดสะอ้านในตอนเช้าตรู่ แล้วนำน้ำมะพร้าวจำนวนมากมาให้ดื่มในช่วงสาย เนื่องจากการดื่มน้ำมะพร้าวมากเกินไปจะทำให้ไตวายได้ ซึ่งวิธีนี้ ผู้เฒ่าจะเสียชีวิตไปเองภายใน 2 วันต่อมา

 

สำหรับวิธีอื่น ๆ ได้แก่ นวดศีรษะคนชราด้วยน้ำเย็นจัด ซึ่งสามารถทำให้หัวใจวายได้ ส่วนบางรายอาจให้คนชราดื่มนมในขณะที่กำลังอุดจมูกอยู่ วิธีนี้จะทำให้ผู้เฒ่าเกิดอาการขาดอากาศหายใจเฉียบพลัน ส่วนวิธีที่น่าจะโหดร้ายที่สุด คือการให้ดื่มโคลนผสมน้ำ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

เมื่อสอบถามกับชาวบ้านที่ลงมือทำตามประเพณีว่า ทำไมจึงตัดสินใจฆ่าคนได้ลงคอ พวกเขากลับตอบว่า “เราไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคน แต่คนชราเหล่านี้มีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่มากแล้วแท้ ๆ ทำไมจะต้องให้พวกเขาทนทรมานกับความยากจนด้วยล่ะ ?”

 

ภาพจาก Zanariah Salam / Shutterstock.com

ประเพณีนี้อาจดูป่าเถื่อนและโหดร้ายก็จริง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในรัฐทมิฬนาฑูเป็นเพียงชาวนาหรือแรงงานข้ามชาติ ที่ไม่มีทั้งเงินและเวลาสำหรับดูแลผู้สูงวัย พวกเขาบอกเสมอว่าพวกเขาไม่ได้ไม่รักพ่อแม่ แต่ว่ามันเป็นทางเลือกเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่ และต้องทำเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นกว่าที่เป็น

แต่อย่างไรก็ดี ไม่ใช่คนแก่ทุกคนจะเห็นดีด้วยกับการพรากชีวิตทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ ในปี 2010 คนชราวัย 80 ปีรายหนึ่งบังเอิญได้ยินกลุ่มญาติกำลังพูดคุยเพื่อวางแผนฆ่าเขา จึงหนีออกจากบ้านมาป่าวประกาศเรื่องนี้ในเขตใกล้เคียง ซึ่งนำไปสู่การขยายผลเพื่อจับกุมคนกลุ่มหนึ่ง และยังมีการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้กันยกใหญ่ ทำให้ตำรวจทราบเบาะแสและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการสูญหายของคนชราจำนวนนับร้อยรายในทุก ๆ ปี

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...