10 หนังประทับใจ...ชีวิตวัยเรียน

เรียนหนักพักสมองสักหน่อย...ช่วงปิดเทอมแบบนี้ หากใครอยากผ่อนคลายจากการเรียนหนักมาทั้งเทอม ก่อนที่จะไปทำอย่างอื่น เรามาพักชาร์ตพลังให้กับตัวเองกันสักหน่อย เชื่อว่าหลายคนก็มีวิธีการผ่อนคลายที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะออกไปท่องเที่ยวในโลกกว้าง จะไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ตามแต่ บางคนอาจจะบอกว่าอากาศร้อนๆ แบบนี้ขอนอนนิ่งๆ กลิ้งอยู่กับบ้านจะดีกว่า ดูหนัง อ่านหนังสือ ฟังเพลง ก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อย วันนี้ Life on campus มีหนังดีๆ คัดพิเศษให้เข้ากับชีวิตเด็กมหาวิทยาลัย หนัง Feel Good สร้างแรงบันดาลใจ รับรองดูแล้วมีไฟก่อนเปิดเทอมอย่างแน่นอน
       
       เริ่มกันที่...
       
       1. The Social Network : โซเชียลเน็ตเวิร์ค 
           
       หนังสร้างแรงบันดาลใจอีกหนึ่งเรื่องที่มีเค้าโครงมาจากชีวิตจริงของ “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก โดยดัดแปลงมาจากหนังสือ The Accidental Billionaires หนังสะท้อนให้ผู้ชมเห็นวิถีชีวิตของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่เชื่อมั่นในตนเองมาก ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนดี ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ เต็มที่กับสิ่งที่ทำ มีความตั้งใจจริง กล้าที่จะคิดต่าง จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จ เรื่องราวเริ่มต้นที่ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก นักศึกษาปีสองมหาลัยวิทยาลัยฮาร์วาดได้เกิดโทสะจากการเลิกรากับแฟนสาว ได้สวมวิญญาณแฮกเกอร์ แฮคเข้าไปในทะเบียนประวัตินักศึกษาเพื่อเอาข้อมูลและรูปนักศึกษาใน มหาวิทยาลัยมาสร้างเป็นหนังสือรุ่นออนไลน์ ในชื่อเว็บไซต์ Facemash และมีการโหวตว่าใครฮอตไม่ฮอตอีกด้วย โดยมีเพื่อนๆในห้องพักร่วมด้วยช่วยกัน เมื่อทางมหาลัยรู้ก็ลงโทษมาร์กด้วยการห้ามใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นเวลา 6เดือน
       
        หลังจากนั้น เขาก็เกิดไอเดียใหม่ เริ่มต้นคิดค้นและพัฒนาเว็บไซต์ Facebook ขึ้นมา โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ดัสติน มาสโควิตช์ รูมเมทของเขาซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊คอีกคน พวกเขาได้ช่วยกันพัฒนาเฟซบุ๊คเรื่อยมา จนเห็นว่ามันต้องฮอตมากๆ แน่ๆ มาร์คจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย ทิ้งใบปริญญาแล้วเดินหน้าพัฒนาเฟซบุ๊คอย่างจริงจัง จนในที่สุดมันก็ทำรายได้มหาศาลให้กับเขา และผลักให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ต้องบอกก่อนว่าเนื้อเรื่องในหนังไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เพราะได้ผ่านการปรุงแต่งให้มีความเป็นหนังมากขึ้น 
       
       
       
       2. Legally Blonde : สาวบลอน์หัวใจดี๊ด๊า 
           
       ภาพยนตร์แนว คอมเมดี้ เกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัย ที่โด่งดังมากและยังอยู่ในความทรงจำของหลายคน “Legally Blonde” ภาพยนตร์ในปี 2001 ที่มีชื่อไทยว่า “สาวบลอน์หัวใจดี๊ด๊า” เน้นไปที่การใช้ชีวิตของวัยรุ่นที่มีเป้าหมายและมุ่งมั่น ผ่านตัวละครที่เป็นวัยรุ่นผู้หญิง นำแสดงโดย “Reese Witherspoon” ในบทของ สาวน้อยผลบลอนซ์ “Elle Woods” ลูกสาวคณบดีที่สวย รวย เชิด แฟชั่นแรงและหลงใหลในสีชมพูเป็นพิเศษ มาพร้อมกับน้องหมากระเป๋าคู่ใจ ภายหลังจากที่เอลล์  ต้องผิดหวังจากแฟนหนุ่ม ด้วยเหตุผลว่า เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่ไม่คู่ควรกับอาชีพนักการเมืองของเขาในอนาคต นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ เธอหันมามุ่งมั่นที่จะสอบเข้า “Harvard Law School” ที่เดียวกับแฟนหนุ่มให้ได้ เพื่อให้เขารู้สึกเสียดายที่ทิ้งเธอไป
       
        เมื่อเธอทำสำเร็จในขั้นแรกด้วยการสอบเข้าได้สำเร็จ  เอลล์ต้องเผชิญ ทั้งความแตกต่างในเรื่องของการดำเนินชีวิต สายตาแห่งการดูถูกและเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง ที่ไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถทำได้ แต่เธอก็พยายามทำทุกวิถีทาง มุมานะ และตั้งใจเรียนมากขึ้น จนได้เป็นนักศึกษาดีเด่นของชั้นเรียน และได้รับคัดเลือกไปฝึกงานที่สำนักงานทนายความที่ใครๆ ต่างก็ปรารถนา และสามารถเอาชนะคดีประวัติศาสตร์ได้เป็นผลสำเร็จโดยสัญชาตญาณของเธอเอง ความพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จเสมอ อีกด้านหนึ่งในเรื่องของการมองคุณค่าในตัวเอง อย่าให้คนอื่นมาตัดสินว่าเรามีค่าหรือไม่? ภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่เราอยากแนะนำ ตลก เบาสมอง แต่ฟิวกู๊ด อย่าบอกใคร!!!
        
       
       
       
       3. Drumline : ดรัมไลน์ รัวหัวใจไปตามฝัน 
           
       ภาพยนตร์เมื่อปี 2002 อีกหนึ่งหนังดีดนตรีเพราะ จุดไฟเด็กวงโยธวาทิต ดูแล้วรู้สึกมีกำลังใจ ฟิวกู๊ด แม้ว่ากระแสจะดูเงียบๆ ในบ้านเราแต่สำหรับคนที่เคยดูแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 'ดีมาก' เรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อว่า 'เดวอน' เด็กหนุ่มผิวดำที่มีความสามารถในด้านตีกลองจากย่านฮาเร็ม และได้รับทุนสู่มหาวิทยาลัยเซาเธิร์น ที่มีบุคลิกค่อนข้างเฮี้ยวๆ แรงๆ ยังไม่สามารถปรับตัวเข้าสภาพของนักศึกษามหาวิทยาลัยได้ดีนัก จนได้มาพบกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่พยายามเกณฑ์เด็กๆ เข้ามาร่วมวงโยธวาทิตของมหาวิทยาลัย ซึ่งกว่าจะรวมตัวกันเป็นทีมได้ ก็ต้องพบเจอกับปัญหาต่างๆ มากมาย 
       
        เนื้อเรื่องนำเสนอความสามารถทางด้านดนตรีของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะพระเอกที่มีพรสวรรค์ในด้านตีกลองก็รัวกลองอย่างเร้าใจ ในตอนสุดท้ายมีการแบทเทิลกันระหว่างสองมหาวิทยาลัย ที่แสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์คและการเอาชนะกันด้วยเสียงดนตรีได้เป็นอย่างดี เรื่องราวของชีวิตวัยรุ่นที่ต่างรักในเสียงดนตรี มารวมกันเป็นทีมฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อชัยชนะ ที่นอกจากพรสวรรค์แล้วยังได้ให้ความหมายของ “ทีมเวิร์ค” ของวงดนตรี ความมุ่งมั่นที่จะนำไปสู่จุดที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต และความงดงามของดนตรี ที่ทุกความหมายจะค้นหาได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
       
       
       
       
       
       4. Mona Lisa Smile : โมนาลิซ่า...ขีดชีวิต เขียนฝันให้บานฉ่ำ 
           
       เรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์สอนศิลปะ กับนักศึกษาสาวหัวโบราณ ที่นำเสนอภาพสะท้อนของสังคมตะวันตก (ทั้งยุโรป และอเมริกา) ในช่วงต้น คริสต์ศตวรรษที่ 20 "จูเลีย โรเบิร์ตส์" รับบทเป็น "แคทเทอรีน วัตสัน" บัณฑิตจาก UCLA มาเป็นอาจารย์ใหม่สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะให้กับ วิทยาลัยสตรี Wellesley College ในยุคปี 1953 เธอต้องเผชิญหน้ากับสังคมและสถาบันที่เคร่งครัด และค่อนข้างจะคร่ำครึของวิทยาลัยแห่งนี้ แคทเทอรีนได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนหัวโบราณของเธอ เบ็ตตี (เคิร์สเทน ดันต์) และโจแอน (จูเลีย สไตล์ส) ให้กล้าทำในสิ่งที่ท้าทายสำหรับการดำเนินชีวิต 
       
        ภาพยนตร์เรื่อง Mona lisa smile จะช่วยเปิดทรรศนะคติการเรียนรู้และการใช้ชีวิตที่ไม่ยึดติดแบบแผน ไม่มีกฎเกณฑ์ และไม่ยึดติดภาพลักษณ์ ผ่านภาพของโมนาลิซ่า และรอยยิ้มของเธอ เครื่องมือชิ้นสุดท้าย ที่ช่วยทำให้นักศึกษาสาวผู้ยึดมั่นในจารีตประเพณีอย่าง เบ็ตตี้ เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเบื้องหลังรอยยิ้มของโมนาลิซ่า อาจจะไม่ได้แฝงไว้ด้วยความสุขอย่างที่ผู้คนทั่วไปรับรู้ เช่นเดียวกันกับมาตรฐานสากลที่สังคมพยายามหยิบยื่นให้ผู้หญิงอย่างพวกเธอ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ งานนี้คนรักศิลปะห้ามพลาด เพราะนอกจากการวิเคราะห์รูปภาพของโมนาลิซ่าแล้ว ยังมีการตีความจากงานศิลปะอื่นๆ อีกมากมาย
       
       
       
       5. Monsters University : มหา'ลัยมอนสเตอร์ 
           
       มาถึงภาพยนตร์แอนนิเมชั่น จากค่ายพิกซาร์ ที่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาแล้วทั่วโลก ภาคย้อนจาก “Monster Incs.” ที่กลับมาตามคำเรียกร้องของสองเพื่อนซี้ “ไมค์ วาโซว์สกี้” และ “เจมส์ พี 'ซัลลี่' ซัลลีแวน” เมื่อสมัยวัยรุ่นตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะมาเป็นเพื่อนซี้กันทำงานที่บริษัทรับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด เรื่องราวความรักในรั้วมหาวิทยาลัยจึงได้เริ่มขึ้น บรรยากาศเลียนแบบหนังวัยรุ่นไฮสคูล กับประเด็นที่ว่า “วิชาที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน” โดยใช้ตัวของ ไมค์ วาโซว์สกี้ เป็นตัวเดินเรื่อง มอนสเตอร์ที่มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักหลอนที่น่ากลัวที่สุด แต่ด้วยสรีสระที่ไม่มีความน่ากลัวของไมค์ ทำให้คนรอบข้างต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่มีทาง” 
       
        ความตั้งใจและพยายามของ ไมค์ ทำให้เขาเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้สำเร็จ และพยายามทำทุกทางเรียนรู้ทุกเรื่องของการเขย่าขวัญ เพราะเข้าใจว่าการตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียวจะทำให้เขาประสบความสำเร็จ แต่นั่นเป็นเพียงความรู้ทาง “ทฤษฎี” ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการเป็นนักเขย่าขวัญ ในส่วนของ เจมส์ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนที่ไม่สนใจการเรียน คิดว่าแค่เสียงคำรามที่เป็นตำนานของเขาก็สามารถเป็นนักเขย่าขวัญได้แล้ว แต่นั่นพอแล้วหรือ? มหาวิทยาลัยคือสถานที่เรียนรู้ แต่ใช่ว่าการเรียนรู้จะมีแค่ในรั้วมหาวิทยาลัย ตอนจบทั้งคู่เรียนไม่จบจาก Monsters University แต่สามารถเป็นนักเขย่าขวัญใน Monsters Incs. สมใจ 
        
       
       
       
       6. Pitch Perfect : ชมรมเสียงใส ถือไมค์ตามฝัน 
           
       หนังวัยรุ่นสไตล์มหาวิทยาลัย ที่ใช้สาวๆ เสียงเพราะมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ออกฉายทั่วโลกเมื่อปี 2012 ด้วยทุนสร้างเพียง 17 ล้านดอลลาร์ แต่สามารถทำรายได้สูงถึง 113 ล้านดอลลาร์ แต่สำหรับบ้านเรากระแสค่อนข้างเงียบ เนื่องจากไม่ได้รับการโปรโมทมากนัก หนังตลกเบาสมอง ที่มาพร้อมกับบทเพลงเพราะๆ เบก้า (แอนนา เคนดริค) เด็กสาวผู้มีความฝันว่าวันหนึ่งหล่อนจะได้ทำเพลงอิเล็คทรอนิคเจ๋งๆ แต่พ่อของเธดได้ยื่นข้อตกลงว่า ระหว่างที่เธอเรียนภายในหนึ่งปี ให้เธอเข้าชมรมอะไรก็ได้สักชมรม เพื่อให้เธอเห็นว่าความทรงจำชีวิตมหาลัยนั้นมันสวยงามแค่ไหน ถ้าไม่ชอบก็สามารถออกจากมหาวิทยาลัยและไปทำตามที่เธอฝันได้
       
        ในที่สุด เบก้า ก็ได้มาอยู่ที่ชมรมอาคัปเปลาหญิงล้วน จุดประสงค์หลังของชมรมนอกจากจะชนะการแข่งขันระดับชาติแล้ว พวกเธอต้องเอาชนะวงอาคัปเปลาชายล้วนระดับมหาวิทยาลัย พวกเธอจึงต้องพยายามเรียนรู้และหาวิธีการใหม่ๆ ในการร้องเพลงประสานเสียงเพื่อชัยชนะนั่นเอง Pitch Perfect เป็นหนังเพลงที่เพราะมากๆ ด้วยการนำเอาเพลงเก่ามาทำใหม่ประสานเสียงกันได้อย่างลงตัว ที่สำคัญทุกเพลงในหนังเรื่องนี้ไม่มีเครื่องดนตรีใดๆ ประกอบ จนได้รางวัลหนังแนว Musical or Comedy ยอดเยี่ยมจาก MTV Movie Award 2013 ในหนังยังสอนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ พยายามหาสิ่งใหม่คิดนอกกรอบ กล้าที่จะแตกต่าง และการยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ซึ่งทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่เราจะหาได้จากการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
       
       
       
       
       
       7. Chariots of Fire : เกียรติยศแห่งชัยชนะ 
           
       ภาพยนตร์อังกฤษที่ออกฉายในปี 1981 ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของนักกรีฑาชาวอังกฤษ 2 คน ที่ชื่อ ฮาโรลด์ อับราฮัมส์ และ เอริค ลิดเดล ที่แข่งขันวิ่งในโอลิมปิกฤดูร้อน 1924 ในกรุงปารีส และสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิคมาให้กับประเทศอังกฤษได้เป็นผลสำเร็จ ภาพยนตร์แห่งความสำเร็จสุดแสนประทับใจที่สามารถคว้ารางวัลออสก้ามาได้ถึง 4 สาขา เรื่องราวดำเนินไปด้วยตัวละครหลัก 2 ตัวคือ อับราฮัมส์ (Ben Cross) เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายยิว เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ เนื่องจากเขามีเชื้อสายยิว จึงได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากสายตาของผู้คนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา 
       
        เอริค ลิดเดล เป็นชาวสก๊อตแลนด์ เกิดในครอบครัวหมอสอนศาสนา มีจุดมุ่งหมายในชีวิตเด่นชัดว่า พร้อมอุทิศตนทุ่มเทเพื่อรับใช้พระเจ้า แต่ความสามารถพิเศษในด้านการวิ่ง ทำให้เขาโดดเด่นอีกทาง จุดหมายสูงสุดของเขา ไม่ได้วิ่งเพื่อเหรียญทองหรือชัยชนะใด ๆ แต่เป็นการวิ่งเพื่อนำเกียรติยศมาสู่พระเจ้าที่เขาเคารพศรัทธา ภาพยนตร์เล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างตัวเอกทั้ง 2 โดยสะท้อนแง่มุมว่าด้วยการฝึกฝนอยางหนักเพื่อขัดเกลาเอาชนะใจตนเอง ความเป็นสุภาพบุรุษนักกีฬา ไคลแมกซ์สูงสุดของเรื่องคือการพิชิตเหรียญทองในโอลิมปิก แม้ทั้งคู่จะมีพื้นเพต่างกันแต่สิ่งที่พวกเขามีร่วมกันคือศรัทธา อีกฉากหนึ่งที่เป็นฉากที่น่าจดจำคือ ตอนต้นและท้าย ภาพของเหล่านักวิ่งบนชาดหาด ควบคู่กับเพลงประกอบของ แวนเจลิส นั่นเอง
       
       
       
       8. Starter for 10 : ถึงจะแพ้แต่ก็ไม่เป็นไรหนิ 
           
       Starter for 10 สร้างจากนิยายของ David Nicholls หนังมหาวิทยาลัยเกรด B+ เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1985 ประเทศอังกฤษ โดยมีไบรอัน แจ็คสัน (James McAvoy) เด็กเนิร์ดขยันเรียนเป็นตัวเอก ชายหนุ่มจากบ้านเกิดในเมืองริมทะเลเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษ ได้เข้าร่วมในการแข่งขันตอบปัญหาชื่อดัง University Challenge และได้สานสัมพันธ์กับหญิงสาว 2 คนที่แตกต่างกันสุดขั้ว โดยภาพรวมแล้ว ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ไบรอัน เป็นคนที่ทำเรื่องผิดพลาดได้น้อยมากจนถึงมากที่สุด แต่สภาพแวดล้อมและสิ่งเร้ามากมายก็ทำให้เขาเกิดความลังเลและไขว้เขวในที่สุด โดยเฉพาะเมื่อได้เจอกับอลิซ (Alice Eve) สาววรรณคดีที่สมัครเข้าทีมตอบปัญหา 
       
        อลิซ เป็นเหมือนชนวนเหตุที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของไบรอันกลับตาลปัตร และสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนทัศนคติของไบรอัน ได้ในที่สุด ก็คือ “ความผิดพลาด” ที่เขาก่อขึ้นและด้วยความผิดพลาดนั้น ทำให้ไบรอันรู้สึกตัวและตระหนักได้ถึงสิ่งที่ตัวเองทำไป ในความคิดของเรา การที่จะเป็นไอ้ขี้แพ้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายแต่อย่างใด ตราบที่เรายังลุกขึ้นเผชิญหน้ากับปัญหาและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง บอกเล่าเรื่องราวชีวิตนักศึกษาในอีกแง่มุมหนึ่ง
        
       
       
       
       9. Accepted : จิ๊จ๊ะ มหาลัยคนรักแห้ว 
           
       ภาพยนตร์วัยรุ่นที่พูดถึงระบบการศึกษาของสหรัฐฯ ได้แรงที่สุดเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับค่านิยมในการเข้ามหาวิทยาลัย คนที่ไม่ได้รับการ 'ตอบรับ' จากมหาวิทยาลัยไม่ใช่คนที่ไร้ค่าหรือถูกคัดทิ้งเพียงแค่เงื่อนไขบางอย่างของมหาวิทยาลัย หนังตลกเบาสมอง แม้จะทำรายได้ไม่ดีในสหรัฐอเมริกา แต่ในด้านแง่คิดแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้อย่างล้นปรี่ เรื่องราวเกิดขึ้นจากนักเรียนไฮสคูลหนุ่มนามว่า “บาร์เทิลบี เกนส์” ที่พ่อแม่ต่างคาดหวังว่าลูกชายจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แต่ก็ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนตอบรับใบสมัครของเขาแม้แต่ที่เดียว ทำให้เขาและเพื่อนๆ ที่เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้รวมตัวกันตั้งมหาวิทยาลัยปลอมๆ ขึ้นมาเพื่อหลอกพ่อแม่ของพวกเขาว่าสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว รวมไปถึงการทำเว็บไซด์มหาวิทยาลัยปลอมขึ้นมาด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือ 
       
        หลังจากนั้นก็ได้มีนักเรียนที่พลาดหวังจากการเข้ามหาวิทยาลัยเข้ามาสมัครที่มหาวิทยาลัยปลอมๆ แห่งนี้มากมาย เป็นอันต้องตกกระไดพลอยโจน เขาและเพื่อนๆ จึงได้นำเงินค่าเทอมที่นักเรียนนับร้อยจ่ายมาไปเช่าตึกโรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่งเพื่อเป็นมหาวิทยาลัย ‘สถาบันเทคโนโลยีเซาท์ฮาร์มอน’ หรือ South Harmon Institute of Technology ซึ่งใช้คำย่อว่า S.H.I.T จากนั้นชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย (เก๊) จึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีคอนเซ็บว่า “เรียนอะไรก็ได้ เรียนในสิ่งที่ตนชอบ ทุกอย่างเป็นความรู้ ไม่มีการบังคับ แบ่งแยกสายวิชา ไม่มีการสอน แต่ทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกัน ทุกคนช่วยกันร่างหลักสูตรเอง ไม่มีการสอบเข้า ทุกคนมีสิทธิ์เรียน ไม่แบ่งแยกชนชั้น” หนังนอกจากจะจิกกัดประเพณีการรับน้องและการศึกษาแบบชี้นำที่ไร้ประสิทธิภาพในอเมริกาแล้ว ยังด่าไปถึงระบบประกันสุขภาพ อีกทั้งยังโยงไปเรื่องการเมืองได้อีกด้วย  
       
       
       
       10. บุญชู : ภาค 1-5 
         

 
       หลังจากที่ชมภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัยของต่างประเทศมาพอสมควรแล้ว เราขอปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ไทยแห่งความทรงจำ ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตวัยเรียนได้อย่างสนุกสนานเฮฮา และมีภาคต่อกันถึง 10 ภาค โดยภาค 1-5 จะเป็นชีวิตของบุญชูในช่วงวัยเรียน เรื่องราวของบุญชูเริ่มต้นขึ้น จากภาคแรกที่มีชื่อว่า “บุญชูผู้น่ารัก” พระเอกของเรื่องชื่อ “บุญชู บ้านโข้ง” (สันติสุข พรหมศิริ) หนุ่มสุพรรณฯ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับหลานสาว เพื่อเรียนกวดวิชาและสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยได้พบกับเพื่อนใหม่จากต่างถิ่น และ “โมลี” (จินตหรา สุขพัฒน์) สาวน้อยผู้น่ารัก จนเมื่อผลสอบเข้าไม่ผ่าน บุญชูจึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด และกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งโดยช่วยงานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นจึงขอสอบใหม่อีกครั้ง ผลปรากฏว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยในช่วงกำลังศึกษา บุญชูเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ ร่วมสถาบัน เคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานนักศึกษาแต่ก็ไม่ได้รับเลือก จนกระทั่งสำเร็จการศึกษา 
       
        หนังบอกเล่าเรื่องราวสนุกสนานเฮฮาของเหล่าบรรดาเพื่อนๆ ของบุญชูที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป ชีวิตวัยรุ่น วัยเรียน และความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว โดยตลอด 10 ภาคของ บุญชู เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละคร ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตการทำงาน และชีวิตครอบครัว สร้างความประทับใจและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมในทุกภาค โดยเฉพาะภาคแรก “บุญชูผู้น่ารัก” ยังเป็นหนี่งในภาพยนตร์ไทย 100 เรื่องที่คนไทยควรดู และหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติครั้งที่ 3 อีกด้วย
       
       


       
       ภาพประกอบจาก : Internet
       
       ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ : campus.mgr2014@gmail.com
20 พ.ค. 58 เวลา 09:42 3,687 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...