ให้สามผ่าน!! สาวไทยทดลองทำโยเกิร์ตรสโยนี ขูดจิ๊มิตัวเองออกมาผสม หมัก ดม แล้วชิม...อ่าาห์!!

          หลังจากกลายเป็นข่าว ที่ทำให้วงการโยเกิร์ตทั่วโลกต้องสั่นสะเทือน เมื่อนักศึกษาสาวจากสหรัฐอเมริการายหนึ่ง ทดลองนำสารคัดหลั่งในจิ๊มิของตัวเองมาหมักเป็นโยเกิร์ต ก่อนจะทดลองชิมมันเข้าไปจริงๆ (กะว่าจะเป็นผู้ค้นพบเลยซินะ) แต่มันก็ไม่ได้รับการซื้อไอเดียต่อแต่อย่างใด เอ่อ..คงจะมีบริษัทไหนกล้าลงทุนหรอกนะตัวเธอ

          ล่าสุด สาวไทยขี้สงสัยของเราก็ไม่รอช้า คว้าอุปกรณ์ทำโยเกริต์ที่มีอยู่ทั้งหมดมาตั้งไว้หน้าห้องน้ำ ก่อนจะเข้าไปขูดจิ๊มิของตัวเองมาผสม ใช้เวลาหมักจนได้ที่ และกินมันเข้าไปในที่สุด ผลลัพธ์คือ เริ่ดดดด!! ลองตามไปชมวิธีทำแล้วความรู้สึกเมื่อได้ชิมสิคะ

         สเตตัสทดลองโยเกิร์ตโฮมเมด รสโยนี (ใครยี๋ ขยะแขยงไม่ชอบแนวๆนี้เลื่อนข้ามไปเลยครับ)

วิธีทำ ทำเหมือนทำโยเกิร์ตทั่วไปค่ะ พอดีมีนมสดเหลืออยู่ครึ่งขวด เลยลองทำดู

          เทนมลงชาม ยัดใส่ไมโครเวฟอุ่นปานกลาง 4 นาที อย่าให้นมเดือด เสร็จแล้วนำชามออกมาคนๆให้นมเย็นลง รอสักพักค่อยใส่กล้าเชื้อ หรือสารคัดหลั่งลงไป (แนะนำให้ใช้ช้อนไม้อันเล็กๆ เพราะที่บ้านมีแต่ช้อนสแตนเลสสัมผัสไม่นุ่มนวลเท่าไร) ส่วนปริมาณกะๆเอาเท่าที่มี ถ้ามีเยอะก็ใส่เยอะ

          ส่วนจุลินทรีย์ที่จะเอามาทำโยเกิร์ตคือ Lactobacillus flora ที่เป็นสายพันธุ์เฉพาะในจิ๋ม (มีอีกสายพันธุ์นึงอาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์ ในระบบย่อยอาหารกับปากก็เอามาทำได้นะ) โดยก่อนทำเราเอากระดาษลิตมัสดูค่ากรดในจิ๋มก่อน เพื่อเป็นการกรองเบื้องต้นว่าจิ๋มเราสภาพกรดปกติดี ควรจะได้สีส้มเกือบเข้มประมาณ 3-4

           ได้สารออกมาแล้วใส่กล้าเชื้อลงไปในนม คนๆๆให้เข้ากัน เสร็จแล้วปิดฝา ห่อผ้าไว้ข้างตู้เย็น ไอร้อนๆจะทำให้จุลินทรีย์เติบโตเร็ว ทิ้งไว้ 1 คืน รอเชื้อแลตโตบาซิลัสในจิ๋มกลายร่างเป็นโยเกิร์ต

          ผ่านไป10 ชม. เปิดฝามา ก็มีน้ำลอยออกมาพอสมควร ตอนต้มโยเกิร์ตอาจจะไม่ค่อยโอเค รีบร้อนไปหน่อย เนื้อโยเกิร์ตเหลวไปนิด (ตามรูป)

ชิมคำแรก

          เปรี้ยวๆเหมือนโยเกิร์ตที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล ไม่ได้รู้สึกว่ากินจิ๋มตัวเองซักเท่าไร ส่วนเรื่องกลิ่นนี่เหมือนโยเกิร์ตมากกว่าโยนี

สรุปผล

          คือกล้าเชื้อจากสารคัดหลั่งในจิ๋มนี้ทำโยเกิร์ตได้จริงๆว่ะ ทำครั้งแรกได้รูปร่างได้ผลมาแบบนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ 

          สิ่งที่เรากินอยู่ทุกๆวันอย่างโยเกิร์ ตพวกอาหารที่มีโปรไบโอติคทั้งหลาย แแม่มก็มีส่วนประกอบเดียวกับแบคทีเรียในจิ๋มทั้งนั้น เวลากินเลยไม่รู้สึกน่าขยะแขยงเท่าไร (ยกเว้นว่าเป็นโรคจิ๋มที่ติดเชื้อจากจู๋มา ก็จะได้โยเกิร์ตรสน้ำปลา รสปลาเค็มมาแทน ซึ่งเป็นคนละสูตรกับที่กูทำ)

          ส่วนเรื่องที่จะกินต่อหรือให้คนอื่นกินนี่ ไม่กล้าเสี่ยง เพราะไม่ได้ฆ่าเชื้อหลังการหมัก อีกอย่างที่สำคัญเลยคือจุลินทรีย์ในจิ๋มไม่ได้มีแต่แลตโตบาซิลัสอย่างเดียว แต่มีพวกจุลินทรีย์ก่อโรคอื่นๆด้วย ต่อให้เป็นเวลาปกติที่จิ๋มไม่เป็นโรคก็เถอะ อย่าเสี่ยงแดก จิ๋มก็คือจิ๋มไมใช่ของกิน ติดเชื้อขึ้นมาตัวใครตัวมัน

โยเกิร์ตโยนีอาจเหมาะสำหรับ

- ผู้ที่ไม่เคยเลียจิ๋มมาก่อนหรือผู้ที่มีประสบกาม ทรััมม่ากับจิ๋มปลาเค็ม 
- ผู้ที่มีจิ๋มอาจทำโยเกิร์ตโยนีให้คู่นอน เพื่อเป็นการซ้อมให้ชินกับจิ๋มก่อนลงสนามจริง
- ผู้ที่มีจิ๋มที่อยากมีโยเกิร์ตแดกตลอดชาติ ถ้าไม่กลัวติดเชื้อจากจิ๋มตัวเองซะก่อน
- Mild Cannibalism

การทดลองที่เป็นไปได้ในอนาคต

          ทำเบียร์โยนี โดยใช้เชื้อแบคทีเรียจากจิ๋มเผลอๆอาจจะได้ sour beer มาแดก คล้ายๆกับที่เจ้าของrogue alesแม่มผลิตเบียร์จากยีสต์ที่โตบนหนวดตัวเอง แต่ถ้าจิ๋มติดเชื้อราอาจจะได้ผลอีกแบบ

ขอบคุณแรงบันดาลใจจาก http://motherboard.vice.com/read/how-to-make-breakfast-with-your-vagina?utm_source=vicefbus

 

         ขอปรบมือรัวๆให้กับความมั่นใจของคุณน้องจริงๆนะค๊าาาา ชนะเลิศเลยอ๊ะ!! ถ้ามองตามหลักวิทยาศาสตร์มันก็จริงของเธอนะ ที่ว่าอาหารหลายๆอย่างก็ส่วนประกอบเดียวกับแบคทีเรียในจิ๊มิ แต่ของแบบนี้มันทดแทนกันไม่ได้หรอกน๊าตัวเธอ ที่แน่ๆเลยก็คือ 'ความรู้สึก' ยังไงก็เตือนแล้วนะว่าอย่าเสี่ยงทำตามเลย

ว่าแต่..มันอร่อยจริงหรอ??

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก Warara Krurasae

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152947474073512&set=a.476273478511.252915.651958511&type=1&fref=nf

เรียบเรียงโดย Boxza

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...