14 ประเพณีแปลกมหาวิทยาลัย เขาเล่นกันแรงจัง!

ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ในบ้านเรานั้นก็จะมีกิจกรรม หรือพิธีต่างๆ ตามของแต่ละมหา’ลัยนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับน้อง ไหว้ครู หรือแม้แต่มีความเชื่อในเรืองต่างๆ เยอะแยะมากมาย เช่นเห็นนู้นแล้วจะสอบตก ห้ามข้ามนี่แล้วจะเรียนไปจบ ประมาณนั้น .. ในต่างประเทศก็มีเช่นกันแต่ของเขาแปลกกว่าบ้านเรามากๆ ถ้าถามว่าแรงไหม ตอบได้เลยว่าเมืองไทยออาจจะมองว่าแรง แต่ถ้าในบ้านเขาอาจจะเป็นเรืองธรรดา เห็นกันจนชินไปแล้วก็ได้ กับ 14 ประเพณีแปลกมหาวิทยาลัย เขาเล่นกันแรงจัง! แรงจริง!! >,< เพื่อนๆ คนไหนเคยเล่นประเพณีพวกนี้กันแล้ว อย่าลืมมาบอกต่อกันนะคะ

“Memorial Bell”

 14 ประเพณีแปลกมหาวิทยาลัย เขาเล่นกันแรงจัง!

1. “Memorial Bell” ตีระฆังเมื่อพรหมจรรย์ขาด :  วิทยาลัยมาคาเลสเตอร์ (Macalester College)

Ringing The Bell The First Time You Have Sex On Campus วิทยาลัยมาคาเลสเตอร์ เป็นวิทยาลัยเล็กๆ ในเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ที่แห่งนี้มีระฆังเก่าแก่อยู่ใบหนึ่ง ที่สร้างไว้เพื่ออนุสรณ์มีชื่อเรียกว่า “Memorial Bell” และยังมีประเพณีปฎิบัติสืบต่อกันมาสำหรับนักศึกษาในวิทยาลัยแห่งนี้ว่า “ให้ขึ้นมาตีระฆังเมื่อคุณสูญเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรก (ในวิทยาลัย)” นั่นคือ เมื่อใดก็ตามที่มีเสียงระฆังดังขึ้น เป็นอันรู้กันว่ามีการฟีชเชอริ่งกันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ในมหาวิทยาลัยนี่แหละ เหล่าบรรดานักศึกษาที่พักอาศัยอยู่ในหอพักก็จะออกมายืนที่หน้าต่างพร้อมทั้งพากันปรบมือประหนึ่งว่าร่วมแสดงความยินดีกับการเสียความบริสุทธิ์ครั้งนี้ด้วย

และสำหรับผู้ที่สูญเสียความบริสุทธิ์มาแล้ว ก็สามารถเข้าร่วมประเพณีการตีระฆังครั้งแรกนี้ได้เช่นกัน ถ้าตีแล้วก็จะถือว่าเซ็กซ์ที่เคยผ่านมาทั้งหมดนั้นเป็นโมฆะ!!! โดยเป้าหมายและความเชื่อของการตีระฆังอนุสรณ์ของวิทยาลัยมาคาเลสเตอร์แห่งนี้ เป็นเครื่องหมายแห่งการเฉลิมฉลอง สร้างเสียงหัวเราะ เสียงปรบมือ ร่วมแสดงความยินดีกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปอีกขั้น อีกหนึ่งการเรียนรู้ชีวิตที่เกิดขึ้นในวิทยาลัยแห่งนี้

“Sex in the Stacks”

2. “Sex in the Stacks” แอบฟีชเชอริ่งในห้องสมุด แล้วจะเรียนจบ : มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Havard University)

มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่าง “ฮาร์วาร์ด” ก็มีประเพณีแปลกๆ ในมหาวิทยาลัยให้ได้อึ้ง ทึ่ง เสียวกับเขาอยู่เหมือนกัน กับความเชื่อที่ว่า “ถ้าใครมีเซ็กซ์ที่ชั้นวางหนังสือ หรือกองหนังสือในห้องสมุดแล้วจะเรียนจบ” ซึ่งการมีเซ็กซ์ในห้องสมุดนี้เป็นเพียง 1 ใน 3 ความเชื่อว่า ถ้าใครทำสำเร็จก็จะเรียนจบอย่างแน่นอน มีนักศึกษาจำนวนมากที่พยายามจะทำตาม เข้าตำราไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จนได้มีการทำการวิเคราะห์และวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อเหล่านี้ว่ามันสำเร็จจริงหรือไม่?

จากผลสำรวจในปี 2013 พบว่า มีนักศึกษา13% ที่จบการศึกษาเคยมีเพศสัมพันธ์ที่ห้องสมุด และอีกสองความเชื่อที่เหลือคือ ถ้าปัสสาวะรดเท้ารูปปั้น John Harvard แล้วจะเรียนจบ มีนักศักษาปีสุดท้ายพยายามทำตามข้อนี้ถึง 23% และมีนักศึกษามากถึง 32% ทำตามประเพณี ‘Primal Scream’ ในคืนสุดท้ายก่อนการสอบ เพราะเชื่อว่าจะทำให้การสอบครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้จะเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตามความเชื่อเหล่านี้ก็ยังได้รับการปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น

“Primal Scream”

3. “Primal Scream”  วิ่งเปลือยแล้วกรี๊ด : มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Havard University)

อีกหนึ่งประเพณีและความเชื่อของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Havard University) ที่เรียกว่า ‘Primal Scream’ นั่นก็คือ ในตอนเที่ยงคืนสุดท้ายก่อนการสอบปลายภาค จะมีนักศึกษาจำนวนมากลงมาวิ่งรอบ “Harvard Yard” ลานสนามหญ้าที่ไม่กว้างนัก สถานที่ที่สำคัญมากของมหาวิทยาลัย ที่ล้อมรอบไปด้วยหอพักนักศึกษา ห้องสมุด และรูปปั้นของ “John Havard” ซึ่งมีความเชื่ออีกว่าถ้าใครได้จับเท้าของรูปปั้นแล้วจะมีโอกาสได้เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ในอนาคต

ที่ลานสนาม “Harvard Yard” ทุกปี คืนก่อนการสอบปลายภาค ตอนเที่ยงคืนจะมีบรรดานักศึกษาลงมาวิ่งรอบสนามแห่งนี้พร้อมกับกรีดร้องตะโกน แบบเปลือยกายร่อนจ้อน บางคนสวมแค่เสื้อคลุม หรือหมวก ปิดบังใบหน้าไว้เพียงเท่านั้น เพราะเชื่อว่าการวิ่งเปลือยเปล่าแบบนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ มีประสิทธิภาพในการศึกษาภาคต่อไป และที่สำคัญสอบผ่านแน่นอน…

“Sex Under The Button”

4. “Sex Under The Button” มีเซ็กซ์ใต้รูปปั้นกระดุม แก้คำสาป : มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania)

อีกหนึ่งเรื่องเล่าและตำนานความเชื่อของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่คล้ายคลึงกับความเชื่อในมหาวิทยาลัยไทย นั่นก็คือ “ถ้านักศึกษาคนไหนก้าวเท้าเข้าไปยัง ‘เข็มทิศ’ ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัยจะสอบไม่ผ่านมิดเทอม”

และวิธีแก้คำสาปอันน่าอัศจรรย์ใจในตำนานนั่นก็คือ “คุณจะต้องมีเซ็กซ์กับใครคนหนึ่งใต้รูปปั้นกระดุมหัก (Claes Oldenburg)” ที่ตั้งอยู่นอกห้องสมุดมหาวิทยาลัย เป็นห้องเล็ก และแคบมากสำหรับสองคนที่จะไปนอนอยู่ในนั้นได้ และแน่นอนกับความเชื่อนี้ต้องมีคนที่อยากลอง และต้องไปนอนแก้คำสาปในห้องแห่งนี้อย่างแน่นอ

“Senior Serenading”

5. “Senior Serenading” น้องร้องให้พี่ ขยี้ให้เละ อุ๊ปส์! : วิทยาลัยวาสซาร์ (Vassar College)

วิทยาลัยวาสซาร์ (Vassar College) จะมีประเพณีที่จะต้องปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปีที่เรียกว่า “Senior Serenading” เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเหล่าบรรดารุ่นน้องปี 1 และสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของรุ่นพี่และรุ่นน้อง โดยประเพณีนี้จะให้รุ่นพี่เดินไปตามหอพักต่างๆ ของรุ่นน้องปีหนึ่ง เพื่อให้น้องๆ ออกมาร้องเพลงให้พวกเขาฟัง และแม้ว่าเพลงที่ร้องออกมานั้นจะไพเราะสักเพียงใด แต่ก็ต้องโดน…อยู่ดี

เพราะในที่สุดแล้วตอนจบน้องๆ ก็จะต้องพบกับพายุอาหารนานาชนิดที่รุ่นพี่ทั้งหลายกระหนำปาเข้ามา ทั้งอาหาร ช็อคโกแลต น้ำเชื่อม รวมถึงลูกโป่งที่ภายในบรรจุซอสมะเขือเทศ สภาพรุ่นน้องแต่ละคนเละเทะแต่ก็มีความสุข สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานให้กับรุ่นพี่และรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี คงจะคล้ายๆ กับประเพณีรับน้องในบ้านเรานั่นเอง

“The Shoe Tree”

6. “The Shoe Tree”  ต้นไม้รองเท้า : มหาวิทยาลัยเมอร์เรย์สเตท (Murray State University)

ใจกลางมหาวิทยาลัยเมอร์เรย์สเตท (Murray State University) รัฐเคนตั๊กกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา จะพบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเต็มไปด้วยรองเท้าอย่างน้อย 50 คู่ ถูกตอกตรึงไว้กับต้นไม้นั้น แม้ว่ามันจะทำให้ทิวทัศน์ภายในมหาวิทยาลัยไม่สวยงามนัก แต่ต้นไม้รองเท้านี้กลับมีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจ แม้จะไม่มีใครทราบว่าประเพณีต้นไม้รองเท้านี้เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อไหร่ แต่มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยเมอร์เรย์สเตทแห่งนี้ไปแล้ว และได้มีการปฏิบัติต่อเนื่องกันมาทุกปี เรื่องราวอันน่าประทับใจของต้นไม้รองเท้านี้เริ่มต้นมาจาก

มีเรื่องเล่าว่ามีนักศึกษาสองคนได้พบรักและได้แต่งงานกัน ณ ที่แห่งนี้ ถ้าอยากโชคดีเหมือนพวกเขาให้ตอกรองเท้าไว้ที่ต้นไม้ต้นนี้ และนับตั้งแต่นั้นมาก็มักจะมีเหล่าบรรดาคู่รักทั้งหลายนำรองเท้ามาตอกตรึงไว้กับต้นไม้ และเขียนวันครบรอบของพวกเขาลงไปในรองเท้าด้วย เมื่อเวลาผ่านไปคู่รักที่ประสบความสำเร็จแต่งงานสร้างครอบครัวแล้ว ก็มักจะย้อนกลับมาเพื่อตอกตรึงรองเท้าของบรรดาลูกๆ ของเขาไว้กับต้นไม้นี้เช่นกัน เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เรายิ้มได้

“Full Moon On The Quad”

7. “Full Moon On The Quad” จูบกัน วันพระจันทร์เต็มดวง : มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด (Stanford University)

อีกหนึ่งประเพณีรับน้องของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของสหรัฐอเมริกา อย่างมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด (Stanford University) ก็มีประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาเป็นประจำทุกปี และเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ “Full Moon On The Quad”

ในคืนพระจันทร์เต็กดวงครั้งแรกของปี จะมีการเฉลิมฉลองคืนวันพระจันทร์เต็มดวงที่ลานของมหาวิทยาลัย เพื่อให้น้องปี 1 ได้กลายเป็นคนสแตนฟอร์ดอย่างเต็มตัว ด้วยการจูบกับรุ่นพี่ที่อาวุโสกว่า (ใครก็ได้) ภายในค่ำคืนแห่งนี้ จนกลายเป็นเทศกาลประจำมหาวิทยาลัย มีการเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนานทุกปี

ประเพณี Full Moon On The Quad (FMOTQ) เริ่มปรากฎขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1900s มีตำนานเล่าว่า “พี่ชาย (หมายถึงตัวแทน senior boys) ต้องการที่จะมอบน้องสาว (ตัวแทนของน้องสาวคือ freshman girls) ให้กับดอกไม้ และก่อนที่จะให้พวกเขาไปก็ได้จุมพิตไปที่แก้ม เสมือนเป็นการมอบความกล้าหาญให้กับน้องๆ ในการดำเนินชีวิตต่อไปในฟาร์มดอกไม้” และหลายปีต่อมาประเพณี FMOTQ ก็ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา และมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยมาจนถึงปัจจุบัน

“Raisin Weekend”

8. “Raisin Weekend” สัปดาห์ ปาลูกเกด : มหาวิทยาลัยเซนท์แอนดริว (St Andrews)

ที่มหาวิทยาลัยเซนท์แอนดริว (St Andrews) ในสกอตแลนด์ ก็มีประเพณีกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่เรียกว่า “Raisin Weekend” จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี โดยการขว้างปาถั่วและโฟมไปที่น้องใหม่ของมหาวิทยาลัย คล้ายกับประเพณีรับน้องในบ้านเรา

ตามประเพณีที่ก่อนหน้านี้จะใช้ลูกเกดตากแห้ง หรือที่เรียกว่าลูกเกด เป็นอุปกรณ์ ที่นักศึกษาปี 1 จะมอบให้รุ่นพี่เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่ยุคนี้ใช้โฟมแทน ก็เลยกลายเป็นการเอาโฟมโปะกันและกันเป็นที่สนุกสนาน ไม่มีลูกเกดอย่างในอดีต แต่ก็ยังคงเรียกชื่องานนี้ว่า Raisin Weekend เหมือนเดิม

“Dragon Day”

9. “Dragon Day”  วันมังกร : วิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University)

‘Dragon Day’ หรือ วันมังกร ถือเป็นประเพณีประจำปีของวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จะจัดขึ้นในวันศุกร์ ก่อนที่วิทยาลัยจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ กลางเดือนมีนาคม ของทุกปี จะมีขบวนแห่มังกร (Dragon) ที่สร้างโดยนักศึกษาปีแรกของคณะสถาปัตยกรรม และแห่ข้าม Arts Quad ท่ามกลางเสียงตะโกน และการเต้นรำ

ประเพณีวันมังกรนี้ เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1901 โดยเชื่อว่าน่าจะมีวันสถาปนาคณะสถาปัตยกรรมของวิทยาลัยแห่งนี้ โดยนักศึกษาสถาปัตยกรรมได้ร่วมกันสร้างมังกรยักษ์ขึ้นมา เป็นตัวแทนและสัญลักษณ์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานของ St Patrick ที่ได้เดินทางโดยการใช้งูเป็นพาหนะที่เกาะไอแลนด์ นั่นเอง

“Naked Quad Run”

10. “Naked Quad Run” ประเพณีวิ่งเปลื้องผ้า : มหาวิทยาลัยทัฟส์ (Tufts University)

มหาวิทยาลัยทัฟส์ (Tufts University) แห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีประเพณีแปลกที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ ‘Naked Quad Run’ หรือประเพณีการวิ่งเปลื้องผ้าของเหล่าบรรดานักศึกษา จะทำกันในฤดูหนาวคืนการอ่านหนังสือสอบ โดยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยทัฟส์จะวิ่งจากตึก West Hall ไปยังตึก Residential Quad ระหว่างทางที่กำลังวิ่งไปนั้นก็จะทำการถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นไปตลอดทาง

ซึ่งต้นกำเนิดของประเพณีวิ่งเปลื้องผ้าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1900 ในยุคนั้นมหาวิทยาลัยทัฟส์ยังเป็นมหาวิทยาลัยชายล้วน ได้ทำการประท้วงการรวมมหาวิทยาลัย กับวิทยาลัยหญิงล้วนที่ชื่อว่า “Jackson College” ด้วยการวิ่งเปลื้องผ้า และได้กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา แต่ปัจจุบันนี้แว่วๆ ว่าได้มีการห้ามนักศึกษาปฏิบัติตามประเพณีนี้แล้ว

“Trashing”

11. “Trashing” สอบเสร็จต้องเละ : มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด (Oxford Univeristy)

นักศึกษาในมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด (Oxford Univeristy) เป็นเพียงมหาวิทยาลัยเดียวในฝั่งโลกตะวันตกที่ยังคงใส่เครื่องแบบนักศึกษาในการสอบ ซึ่งหลังจากสอบเสร็จครั้งสุดท้ายของปีแล้ว นักศึกษาเหล่านั้นจะต้องเข้าสู่ประเพณีประจำมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า ‘trashed’ ซึ่งพวกเขาจะต้องถูกปาด้วย แป้ง, วิปครีม, เส้นสปาเกตตี้ และฉีดด้วยสายรุ้งเต็มไปหมด คล้ายกับการเฉลิมฉลองให้กับนักศึกษาหลังสอบเสร็จ

“Renn Fayre”

12. “Renn Fayre” งานเผาวิทยานิพนธ์ : วิทยาลัยรีด (Reed College) บ้านเราต้องเก็บไว้ดูต่างหน้า >,<

ประเพณี ‘Renn Fayre’ เป็นประเพณีการเฉลิมฉลองของเหล่าบรรดานักศึกษาในวันในวันปิดภาคเรียน ของวิทยาลัยรีด (Reed College) ปัจจุบัน Renn Fayre ได้กลายเป็นประเพณีประจำมหาวิทยาลัยในเทศกาลสิ้นปี วันสุดท้ายของการเรียน สำหรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาแล้วจะมีการเฉลิมฉลองด้วยการเอาวิทยานิพนธ์ของพวกเขาที่ทำเสร็จแล้วมาเผา และร่วมกันเดินแห่ไปรอบวิทยาลัย มีทั้งอาหาร ดนตรี การแสดงศิลปะ กระดานลื่นยักษ์ ลานสเก๊ตบอร์ด และขบวนพาเรดเปลือยของนักศึกษาที่เพ้นท์ร่างกายด้วยสีน้ำเงิน ครึกครืนและสนุกกันไปทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเลยทีเดียว

“Liquid Latex”

13. “Liquid Latex” บอร์ดี้เพ้นท์เต้นกระจาย : มหาวิทยาลัยแบรนดีส (Brandeis University)

มหาวิทยาลัยแบรนดีส (Brandeis University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลชมเชยจากนิตยสารเพลย์บอย จากการจัดอันดับงานแสดงมหาวิทยาลัยประจำปี ในชุดการแสดงที่ชื่อว่า ‘Liquid Latex’ ซึ่งถือเป็นงานประเพณีที่จัดแสดงทุกปีของมหาวิทยาลัยแบรนดีส

โดยนักศึกษาจะออกมาทำแสดงโชว์ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า มีเพียงการเพ้นท์สีตามร่างกายเท่านั้น คล้ายกับภาพยนตร์เรื่องทิมเบอร์ตัน ที่ร่างกายปกคลุมด้วยสีเพ้นท์น้ำยางเหลวข้น และเต้นรำไปตามจังหวะเพลง ซึ่งประเพณีนี้ได้สืบทอดและปฏิบัติมาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว อีกทั้งยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในหมู่นักศึกษาของมหาวิทยาลัย

. “Healy Howl”

14. “Healy Howl” โหย..หวน..หอน : มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University)

หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อภาพยนตร์สุดสยอง “The Exorcist” กันมาบ้าง กับภาพความสยองในภาพยนตร์ แต่น้อยคนนักจะทราบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำกันที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University) นี่เอง

ดังนั้นในวันฮาโลวีนของทุกปีจะมีการจัดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้บริเวณสนามหญ้าภายในมหาวิทยาลัย หลังจากภาพยนตร์จบจะเป็นเวลาช่วงเที่ยงคืน เหล่าบรรดานักศึกษาก็จะยังไม่ไปไหน แต่จะพากันไปยังสุสานใกล้กับตึก “Healy Hall” ของมหาวิทยาลัย เพื่อทำการ “หอน” ที่เรียกว่า “Healy Howl” ร่วมกัน นึกไม่ออกเลยว่าภาพบรรยากาศจริงจะสยองชวนขนลุกแค่ไหน!!!

นอกจากนี้ก็ยังมีประเพณีแปลกๆ อีกหลายที่เลยคะ เช่น  “Naked Library Walk” เปลือยกายเดินในห้องสมุด : มหาวิทยาลัยแยล (Yale University), “Naked Jump in the Lake” แก้ผ้าลงเล่นนน้ำในทะเลสาป : Ohio State University, “Sex in the football Stadium” มีเซ็กส์ในสนามฟุบอล : University of Michigan แรงๆ ทั้งนั้น!!

ขอบคุณ ที่มา : teen.allwomenstalk.com,studentbeans.com,mentalfloss.com.hercampus.com,buzzfeed.com,www.fiesta

7 เม.ย. 58 เวลา 11:11 5,767 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...