สุดยอดเมืองร้างห้ามเข้า ที่น่ากลัวที่สุด

สุดยอดเมืองร้างห้ามเข้า ที่น่ากลัวที่สุด

 

สุดยอดเมืองร้างห้ามเข้า ที่น่ากลัวที่สุด?ในวันนี้เราจะไปติดตามหาคำตอบกันว่า ทำไมเมืองๆ นี้ ถึงห้ามเข้าและปล่อยทิ้งร้างไว้นานนับสิบๆ ปี มันมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น และเหตุผลที่ไม่มีผู้คนกลับเข้าไปอาศัย วันนี้เราจะได้รู้คำตอบและประวัติเรื่องราวสุดหลอนของ 6 เมืองร้างนี้กัน

สุดยอดเมืองร้างห้ามเข้า ที่น่ากลัวที่สุด

สุดยอดเมืองร้างห้ามเข้า ที่น่ากลัวที่สุด

เมืองพริเพียต(เชอร์โนบิล) ประเทศ ยูเครน (รัสเซีย ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์)

1.?เมืองพริเพียต(เชอร์โนบิล) ประเทศ ยูเครน (รัสเซีย ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์)
เมืองที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมช็อคโลกที่เรียกได้ว่า รุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งใน ประวัติศาสตร์โลก นั่นคือการระเบิดของ ?เชอร์โนบิล? โรงงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ที่นำหายนะครั้งใหญ่มาสู่สิ่งมีชีวิตที่ตกป็นเหยื่อทั้งสังเวยชีวิต ป่วยเป็นโรคมะเร็ง กลายพันธุ์ผ่าเหล่า หรือพิการเพราะอวัยวะที่ใหญ่ผิดขนาด จึงประกาศเป็นพื้นที่ต้องห้าม

อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,000 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน
อุบัติเหตุครั้งนี้ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์?ในปี ค.ศ. 2005 สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน มีผู้เสียชีวิตทันทีหลังการเกิดระเบิด 56 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน

เมืองออราดูร์-ซู-แกลน ประเทศฝรั่งเศส

2 เมืองออราดูร์-ซู-แกลน ประเทศฝรั่งเศส
เมืองร้างที่โดนทำลายย่อยยับโดยกองทัพของเยอรมนีในปี ค.ศ.1944 มีชาวบ้านถูกฆ่าตายที่นี่อย่างโหดเหี้ยมไปถึง 642 ศพ จากคำบอกเล่าของนายทหารเยอรมันผู้หนึ่ง นี่เป็นผลพวงจากความโหดร้ายในการสังหารหมู่ เด็กๆ และผู้หญิงถูกต้อนราวกับฝูงแกะเข้าไปในโบสถ์ และถูกเผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายก็ถูกทรมานด้วยการยิงที่ขา ให้ตายอย่างช้าๆในโรงนา ปัจจุบันซากของเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่โหดร้าย และชาวเมือง Oradous ได้ย้ายถิ่นฐานของตนไปยังเมืองใกล้ๆ คงเหลือไว้แต่เพียงซากความทรงจำที่แสนเจ็บปวด แม้ปัจจุบันจะมีการสร้างเมืองนี้ขึ้นมาใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังคงขึ้นชื่อเรื่องของอาถรรพ์ความเฮี้ยนจนไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป

เมือง ซางจี ประเทศ ไต้หวัน

3. เมือง ซางจี ประเทศ ไต้หวัน
ดีไซน์การออกแบบอันสุดพิลึกพิลั่นซึ่งเกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้างที่คร่าชีวิตคนงานไปหลายคนจนถึงกับต้องหยุดการก่อสร้างไปหลายครั้ง หรือกระทั่ง เหตุการณ์สุดประหลาดที่มีคนอ้างว่าเห็นส่วนต่างๆ ของบ้านเคลื่อนไหวไปมาได้เองชวนขนลุก เรื่องจริงของหมู่บ้านร้างแห่งนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ผู้สร้างพยายามสร้างหมู่บ้านนี่ให้เป็นที่พักในวันหยุดเป็นบ้านพักที่อยู่บนน้ำอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็ดันมีปัญหาในตอนสุดท้าย ชิ้นส่วนไฟเบอร์กลาสที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านทรงจายบินเหล่านี้เกิดผุกร่อนลงและทำให้บางส่วนมันพังลงมา ชาวบ้านละแวกนั้นเชื่อว่าสถานที่ ตั้งแห่งนั้นมีอาถรรพ์เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีก

เมืองคราโค่ ประเทศอิตาลี

4. เมืองคราโค่ ประเทศอิตาลี
เมืองร้างที่ถูกปิดรอบไปด้วยกำแพงในยุคกลางของเมือง Craco เมืองที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง400ฟุต ถูกสร้างขึ้นศริสต์ศักราช500 แต่ดังต้องคำสาป เมืองแห่งนี้ถูกภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดีการถูกโจรปล้นบ้านเรือนและสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ นำพาให้เมืองล่มสลาย ใน ปี1960 ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไปเพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว

เมืองเซ็นทราเลีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

5. เมืองเซ็นทราเลีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองเซ็นทราเลีย หรือเมืองแห่งหมอก?สมัยก่อนเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน มีทั้งสถานีรถไฟ โบสถ์ โรงแรมห้าดาว โรงเรียน โรงละคร ธนาคาร ไปรษณีย์ และร้านค้าทั่วไป แต่แล้วในปี 1962 ได้ เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ในเมืองนี้ขึ้น โดยต้นเพลิงมาจากมีคนจุดไฟเผาขยะทิ้งไว้ในบ่อของเหมือง จากนั้นไฟได้ติดถ่านหิน และขยายวงกว้างจนคลุมพื้นที่ใต้ดินของบ้านเรือนทั้งหมด ไฟได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม้มีการพยายามใช้เงินนับล้านในการดับไฟ แต่ก็ไม่เป็นผล และมันก็ยังไหม้อยู่จนทุกวันนี้ (นานกว่า 40 ปีเข้าไปแล้ว) หลายคนได้รับพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งในอากาศและการปนเปื้อน รวมถึงการเกิดเหตุดินยุบลึกลงไปเป็นร้อยฟุต จนทางการต้องหาที่อยู่ใหม่แก่ชาวเมือง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีบางครอบครัวเลือกที่จะอยู่ต่อ และพวกเขาก็ยังอยู่ที่นั่น แม้ว่ารัฐเพนซิลวาเนียจะประกาศห้ามใช้ตึกทุกหลังในเมืองนั้น และกรมไปรษณีย์สหรัฐได้ยกเลิกรหัสพื้นที่ของที่นั่นก็ตาม ในปี 1981 เซ็นทราเลียมีผู้คนอาศัยอยู่ถึง 1,000 ครัวเรือน แต่ปัจจุบันจำนวนลดจนแทบนับจำนวนคนได้

Bodie แคลิฟอร์เนีย

6. Bodie แคลิฟอร์เนีย

ก่อตั้งขึ้นในปี 1876(2419)?มีคนเกือบ 10,000 คน อาศัยอยู่ในที่นั่น?รวมถึงผู้ย้ายถิ่นฐานชาวจีนนับร้อย ๆ ค นในศตวรรษที่ยี่สิบ ในปี 1932(2475)
เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ และได้ทำลายร้านค้ากับบ้านเรือนเกือบทั้งหมด ทำให้ในปี 1961(2504) ทางการได้ประกาศให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ
แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเมืองร้างทั้งหมดแล้ว

 

ข้อมูล

FB : ReuxngLuklabPaelkPrahladCakThawLok

 
#เมืองร้าง
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
16 ธ.ค. 57 เวลา 08:50 6,951 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...