อยากรู้มั้ย!? การเดินทางทางอากาศเมื่อ 80 ปีก่อน ในยุคเครื่องบินยังไม่ครองท้องฟ้ามันเป็นยังไง??

 

ในยุคสมัยที่เครื่องบินเจ๊ทยังไม่ครองท้องฟ้าเหมือนในปัจจุบัน คิดกันรึเปล่าว่าเราเดินทางทางอากาศกันได้ยังไง ขอบอกเลยว่าสมัยนั้นเรือเหาะจากเยอรมนีนี่เป็นที่นิยมและป๊อปปูลาร์มาก และมันจัดว่าเป็นการเดินทางสุดหรูของแห่งยุคสมัยเลยล่ะ


เรือเหาะที่ว่ามีหน้าตาแบบนี้ มันครองน่านฟ้าอเมริกาเหนือและยุโรป อย่างเช่นลำนี้เป็นสายระห่างนิวยอร์กและยุโรปตะวันตกนั่นเอง

 

 

มันมีชื่อว่า Hindenburg ซึ่งตั้งตามชื่อของอดีตประธานาธิบดีเยอรมัน Marshal Paul von Hindenburg

 

 

ถ้าอยากรู้ว่ามันใหญ่แค่ไหน มันใหญ่ประมาณเกือบ 4 เท่าของเครื่องบิน Boeing-747 ที่เราเห็นกันบ่อยๆ

 

 

ในส่วนของความเร็ว ก็ใช้เวลาเดินทางจากนิวยอร์กไปเยอรมันเพียงแค่ 43 ชั่วโมงเท่านั้นเอง (เร็วดีเนอะ)

 

 

ที่สำคัญคือความหรูหรานี่แหละ เพราะจัดเป็นการเดินทางของคนรวยเท่านั้น ลองคิดดูสิว่าเครื่องบินสมัยนี้มีห้องอาหารในตัวรึเปล่า??

 

 

แถมห้องอาหารยังมีหน้าต่างไว้ชมวิวอีกตะหาก

 

 

ห้องอาหารที่ว่ามีขนาดราวๆ 74 ตร.ม. ใหญ่กว่าร้านอาหารบนดินหลายๆที่ซะอีก

 

 

ติดๆกันกับห้องอาหารก็เป็นเลาจน์ ที่ใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ใครจะไปคิดว่ามีการเอาเปียโนไปตั้งไว้ด้านบนเพื่อขับกล่อมผู้โดยสารอีกด้วย

 

 

นี่คือการตกแต่งด้วยแผนที่โลกและเส้นทางการเดินทางยุคนั้น

 

 

นอกจากนี้ยังมีห้องหนังสืออีก (เยอะจังแว๊)

 

 

ส่วนนี่เป็นห้องส่วนตัวของผู้โดยสาร มีเตียงสองชั้นให้อีกแหนะ

 

 

นอกจากนี้ยังมีบาร์และห้องสูบบุหรี่ ย้ำว่าห้องสูบบุหรี่ที่มีอยู่บนเรือเหาะซึ่งเต็มไปด้วยก๊าซไฮโดรเจน 7 ตัน (สมัยนี้ใครคิดจะสูบบุหรี่แบบนี้คงจะโดนตบหัวทิ่ม -*-)

 

 

 

แต่ความรุ่งเรืองมันก็ต้องมีจุดจบ เมื่อเกิดการระเบิดระหว่างพยายามลงจอดที่ Lakehurst ทำให้คนบนเรือเหาะ 35 คน และคนบนพื้น 1 คนเสียชีวิต แต่น่าทึ่งคือมีจากทั้งหมด 97 คนบนเครื่อง มีคนรอดถึง 62 คนเลยล่ะ

 

 

แม้ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุที่ชัดแจน แต่เชื่อกันว่าเพราะไฮโดรเจนในเรือเหาะเกิดการติดไฟก็เลยระเบิดขึ้น

 

 

ซึ่งการระเบิดครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากการเดินทางด้วยเรือเหาะ และเริ่มต้นยุคสมัยของเครื่องบินปีกตรึงอย่างเป็นทางการ เช่นที่พวกเราเห็นทุกวันนี้ล่ะ

 

 

เป็นไงล่ะ อ่านแล้วได้ทั้งความรู้และความบันเทิงเลยล่ะสิ เดี๋ยวถ้าว่างๆจะแปลบทความแนวนี้มาฝากกันอีกบ่อยๆนะจ๊ะ อย่าลืมติดตามกันละ

 

ที่มา : businessinsider

 

 

23 พ.ย. 57 เวลา 23:07 7,029 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...