ชื่นชม หนุ่มชูป้าย อยากให้คดีข่มขืนถูกประหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (1 เม.ย.) ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพพร้อมข้อความจากเฟซบุ๊กคุณ JaMiizz Punsawat ซึ่งบอกเล่าความประทับใจ หลังเจอหนุ่มออฟฟิศยืนถือป้ายขนาดใหญ่ที่มีข้อความว่า "อยากให้คดีข่มขืน ถูกประหาร" โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้

เมื่อวานไปเดินสยาม เจอผู้ชายคนนึงยืนถือป้ายที่ทำจากกระดาษลังอยู่แถวป้ายรถเมล์หน้าสยามเซน บนป้ายมีข้อความตัวใหญ่เขียนว่า "อยากให้คดีข่มขืนถูกประหาร"

มีหลายคนเดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นและหันมองป้ายดังกล่าวจนเหลียวหลัง บ้างก็หยุดเดินและยืนจ้อง แต่หลังจากนั้นก็ทำเฉยๆ เรายืนสังเกตการณ์อยู่ซักพัก สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าเข้าไปพูดคุยกับผู้ชายที่ยืนถือป้ายนิ่งๆ อยู่

me : ขอโทษนะคะ ขอถามหน่อยค่ะ ทำไมพี่ถึงมายืนถือป้ายนี้คะ?

ผช : ผมแค่อยากออกมาแสดงจุดยืน ความรู้สึกของผม ผมรู้สึกว่าคดีข่มขืนส่วนใหญ่ แม้จะมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหาร แต่พอตัดสินกันจริงๆ ก็เหลือแค่จำคุก แล้วอยู่ไปเรื่อยๆ ก็มีลดหย่อนโทษอีก สุดท้ายคนทำผิดก็ติดคุกอยู่ไม่กี่ปี พอพ้นโทษออกมาก็ก่อเหตุแบบเดิมซ้ำๆอีก (อย่างเช่นคดีน้องการ์ตูน) แบบนี้มันไม่ถูกต้อง

me : (ด้วยความอยากรู้ ชะนีก็ถามต่อ) แสดงว่าทุกคดีที่มีการข่มขืน พี่อยากให้ตัดสินประหารแบบไม่มีข้อยกเว้นหรอคะ?

ผช : ความจริงจะตัดสินจำคุกก็ได้ แต่ก่อนที่จะปล่อยคนผิดออกมา ก็ควรมีกระบวนการตรวจสอบทางด้านจิตวิทยาให้แน่ใจก่อนว่า เค้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ และจะไม่กลับไปทำผิดซ้ำอีก เพื่อจะได้ไม่ออกมาก่อปัญหาสังคม ไม่ทำให้คนบริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่ออีก

me : (นึกในใจ กล้าออกมาแบบนี้ คงจะทำงานด้านสังคมแน่ๆ) พี่ทำงานเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีหรือด้านความยุติธรรมในสังคมหรอคะ?

ผช : ป่าวครับ ผมเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ที่ออกมาแบบนี้ก็แค่อยากจะออกมาแสดงความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น

me : (พี่เจ๋งมากอ่ะ มีจุดยืนชัดเจน ชมในใจ) หนูสนับสนุนคนแบบพี่นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

เดินสยามครั้งนี้ได้อะไรมากกว่าที่คิด มีข้อคิดอยู่ 2ประเด็นหลักที่ผู้ชายคนนี้ทิ้งไว้

1. การตัดสินโทษกับผู้ต้องหาคดีข่มขืนทุกวันนี้ เหมาะสมและยุติธรรมดีแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะกับความรู้สึกของครอบครัวผู้ตกเป็นเหยื่อและสาธารณชนทั่วไปอย่างเราๆ และประเทศไทยพร้อมหรือยังกับการยกเลิกโทษประหารชีวิต หรือกฎหมายแบบตาต่อตาฟันต่อฟันจะยังใช้กับประเทศเราได้ดีกว่า

2. ผู้ชายคนนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการแสดงความคิดเห็นในฐานะพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย แม้สิ่งที่เขาทำอาจจะดูแปลกในสายตาคนทั่วไป แต่อย่างน้อยที่สุด เค้าก็ได้จุดประกายความกล้าที่จะโต้แย้งในประเด็นที่เค้าเห็นว่ามันไม่เข้าท่า แม้จะเป็นเสียงเล็กๆ แต่ก็มีค่าต่อการเปลี่ยนแปลงความคิดคนอีกหลายคนที่ได้เห็นป้ายดังกล่าว ที่สำคัญที่สุดคือ มันเป็นการแสดงออกอย่างสงบ สันติ และมีเป้าหมายเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

ปล. ใครว่าพี่เค้าเพี้ยน ทำอะไรแปลกๆ มาไฟท์กับเราได้เลย ชะนีอย่างเราชื่นชมคนแบบเค้ามาก อยากให้มีคนแบบนี้เยอะๆในสังคม "เป็นคนดีที่ไม่นิ่งดูดาย"

 
อ้างอิงsanook
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...