สื่อนอกตีแผ่ปัญหาค้าประเวณีเด็กในกัมพูชา แม่ส่งลูกสาวเปิดบริสุทธิ์แลกเงิน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           ในขณะที่ปัญหาค้าประเวณีในบ้านเราก็ยังคงยืดเยื้อเรื้อรัง กำจัดได้ไม่สิ้นซากเสียที ผู้หญิงคนแล้วคนเล่าถูกลวงไปค้ากาม ทั้งจากขบวนการในประเทศ และขบวนการข้ามชาติ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ กับไทยก็มีปัญหาเช่นนี้ไม่ต่างกัน ประเทศกัมพูชายังคงเผชิญปัญหาค้าประเวณีเด็ก และผู้ที่ขายเด็กสาวบริสุทธิ์เหล่านั้นให้กับพ่อค้า ก็คือแม่บังเกิดเกล้าของพวกเธอเอง 

           วันที่ 31 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยแพร่สกู๊ปพิเศษจากนิตยสารมารี แคลร์ ในหัวเรื่องว่า "My Mom Sold My Virginity" หรือ "แม่ขายพรหมจรรย์ของฉัน" ตีแผ่ปัญหาการค้าประเวณีเด็กที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือของมารดาแท้ ๆ ของเหยื่อ 

          ดารา เกียว สาวกัมพูชาวัย 17 ปี เล่าย้อนความหลังไปว่า เธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกมารดาบังคับขายความบริสุทธิ์ของตัวเอง แม่ขายเธอให้กับพ่อค้าค้ามนุษย์เมื่ออายุ 12 ปี เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับหนี้ที่สามีของแม่ไปก่อไว้ แม่เธอหาเงินได้เพียงวันละ 30 บาทเท่านั้น จึงไม่มีปัญญาจะใช้หนี้ได้หมด และเริ่มล้มป่วยจากความเครียดจากการโดนตามทวงหนี้ รวมทั้งการใช้กำลังในการทวงเงินคืนแต่ละครั้ง ในที่สุดแม่ก็ยอมแพ้ และยอมขายเธอให้กับเจ้าหนี้ 

          ดารา เล่าว่า เธอถูกพาไปหาหมอที่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ตรวจดูว่าเยื่อพรหมจรรย์ของเธอยังคงอยู่ดีไม่ฉีกขาด อันเป็นการทำเพื่อให้เธอขายได้มีราคาตามความเชื่อของคนที่นี่ว่าถ้าได้ร่วมเพศกับสาวบริสุทธิ์แล้วจะอายุยืนยาว เธอยังเล่าเสริมว่าเหยื่อผู้หญิงหลาย ๆ คนถูกนำตัวมาให้หมอคนนี้เย็บซ่อมแซมเยื่อพรหมจรรย์ให้ เพื่อที่พ่อค้าจะได้นำเธอกลับไปขายในฐานะสาวบริสุทธิ์ได้อีก หลังจากนั้นดาราถูกนำตัวไปหาชายที่ซื้อตัวเธอไว้ เขาเป็นนักการเมืองใหญ่โตของกัมพูชา ชายผู้นี้กักตัวเธอไว้ในห้องของโรงแรมถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ และข่มขืนเธอหลายครั้งโดยไม่สวมแม้แต่ถุงยางอนามัย 

          เมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่เลวร้ายไม่ต่างกับตกนรกผ่านไป เธอก็ถูกปล่อยตัว และได้พบว่าการเดินและการปัสสาวะของเธอช่างยากลำบาก มันเจ็บและแสบขัดอยู่นานถึงครึ่งเดือน 

          นอกจากดาราแล้ว ยังมีเด็กสาวกัมพูชาอีกหลายคนที่เผชิญชะตากรรมเลวร้ายไม่ต่างไปจากเธอ ในแต่ละปีมีเด็กสาวถูกขายพรหมจรรย์มากถึง 1,000 คน ส่วนใหญ่ผู้ซื้อบริการก็เป็นนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่มีเงินมากพอจะซื้อความสุขเช่นนี้ได้ เด็กสาวที่ถูกขายบริสุทธิ์แต่ละคนสามารถนำเงินมาสู่พ่อแม่ได้ราว 45,000 บาท มากเท่ากับเงินเดือนที่ชาวบ้านคนหนึ่งจะหาได้ตลอด 4 ปี แต่สำหรับกรณีแม่ของดารานั้นได้เงินพียง 15,000 บาท เพราะตอนนั้นแม่อยู่ในสภาพจำยอมไม่สามารถต่อรองอะไรได้มาก 

          ผู้บอกเล่าประสบการณ์อีกหนึ่งรายคือ วันนิต อวี แม่ครัวที่ทำงานที่ลานเบียร์ วัย 41 ปี เธอเล่าประสบการณ์ในฐานะแม่ที่ขายพรหมจรรย์ลูกสาววัย 18 ปี ของตัวเอง และยืนยันว่าเด็กสาวอีกกว่า 50 คน ที่ทำงานที่ลานเบียร์ก็เผชิญชะตากรรมนี้เช่นกัน

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชีวิตจะเผชิญกับความเลวร้าย และรู้สึกเศร้าใจกับชะตากรรมของตัวเองมากเพียงใด แต่เด็กสาวผู้ผ่านประสบการณ์ถูกขายพรหมจรรย์กลับไม่เคยตัดพ้อต่อว่ามารดาของตนเลย ซึ่งนี่เป็นความคิดฝังใจของชาวกัมพูชาว่า ลูกคือสินทรัพย์ของผู้เป็นพ่อแม่ จึงสามารถจัดการอย่างไรก็ได้ และหน้าที่ของลูกก็คือทำตามทุกสิ่งเท่าที่ทำได้เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงมาจนโต ความคิดเช่นนี้เองที่ทำให้การดำเนินการช่วยเหลือและกำจัดปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างยากลำบาก นายเง็ด ตี ผู้อำนวยการบริหารของศูนย์ปกป้องสิทธิเด็กแห่งกัมพูชา กล่าว 

          แม้ในกัมพูชาจะมีหน่วยงานอย่างเอ็นจีโอ (NGO) และ ริเวอร์คิดส์ (Riverkids) ที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวเหล่านี้ แต่การดำเนินงานก็เป็นไปอย่างลำบาก สำหรับประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ยังมีความเป็นอยู่แร้นแค้นยากจน รัฐบาลก็ไม่เสถียร การบังคับใช้กฎหมายก็อ่อนแอ เมื่อมีคนต้องการซื้อ ในที่สุดความยากจนขัดสนก็จะบังคับให้ชาวบ้านยอมขายลูกสาวของตัวเอง 

          การแก้ปัญหาไม่สามารถเริ่มจากแค่ให้ความรู้อย่างเดียวได้ แต่ต้องให้ในสิ่งที่ชาวบ้านเหล่านี้ต้องการ รัตนา เจย สาววัย 21 ปี ที่ได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิริเวอร์คิดส์ หลังจากที่มารดาพยายามขายพรหมจรรย์ของเธอเมื่อตอนอายุ 15 บอกว่า เธอโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือ มูลนิธิมอบข้าวสารให้แก่ครอบครัวแลกกับการไม่ขายเธอให้กับพ่อค้า จากนั้นก็ช่วยให้แม่ของเธอได้มีรถเข็นขายของของตัวเอง รวมทั้งสอนอาชีพให้กับเธอด้วย ในปัจจุบันรัตนาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว และยังช่วยให้น้องสาวอีก 2 คน รอดพ้นจากชะตากรรมน่าสลดได้ด้วย 

          "พอฉันเป็นคนหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้ ฉันก็กลายเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในครอบครัวแล้วค่ะตอนนี้ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำรอยเดิมอีกต่อไป" รัตนา กล่าว เธอและครอบครัวโชคดีที่หลุดพ้นจากมันมากได้ และได้แต่หวังว่าเรื่องเช่นเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเด็กสาวคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน 

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...