จอมนางแห่งราชสำนักไทย คนที่5 โสมนัส องค์หญิงผู้ทรมานกับโรคร้าย

 

 

 

จอมนางแห่งราชสำนักไทย คนที่5

โสมนัส องค์หญิงผู้ทรมานกับโรคร้าย

 

 

จากภาพคือ ภาพเหมือนสมเด็จพระนางโสมนัส ภาพด้านซ้ายคือหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์ ส่วนของฝ่ายในที่ประทับของสมเด็จพระนาง และวัดโสมนัส

 

สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี (21 ธันวาคม พ.ศ. 2377 — 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395) พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษณานุคุณ กับหม่อมงิ้ว และเป็นพระราชนัดดาเพียงพระองค์เดียวในรัชกาลที่ 3 ที่ดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า

พระองค์ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระอัครมเหสี เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2394 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395 หลังจากสวรรคตของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ สร้างวัดโสมนัสราชวรวิหาร เพื่อพระราชอุทิศให้แก่พระองค์
 
 
พระองค์หญิงโสมนัส หรือพระนามเต็มคือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัส พระองค์เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษณานุคุณ พระองค์หญิงโสมนัสทรงประชวรเจ็บออดๆแอดๆมาแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ หากเรียกตามภาษาชาวบ้านก็คือเด็กขี้โรคนั่นเอง เมื่อเจริญพระชันษาขึ้นพระองค์ทรงมีพระสิริโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่ง ดังดรุณีแรกรุ่นที่เจ้าชายหนุ่มในพระราชวงศ์หมายปอง เมื่อรัชกาลที่4ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าอยู่หัว พระองค์หญิงโสมนัสจึงต้องเข้าถวายตัวเป็นพระมเหสี จากนั้นรัชกาลที่4ทรงสถาปนาพระองค์หญิงโสมนัสขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเธอโสมนัสวัฒนาวดี พระนางนาฎ บรมอัครราชเทวี ในตำแหน่งพระอัครมเหสี สูงสุดในฝ่ายใน

ชีวิตของพระองค์นับได้ว่าเป็นชีวิตที่มีความสุข โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะในขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุราว 17-18 พรรษาเท่านั้น นับได้ว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้าหญิงที่อายุน้อยที่สุดในพระราชวงศ์ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระอัครมเหสีเหสี หากพระองค์ทรงมีพระประสูติกาลเป็นพระราชโอรส แน่นอนว่าพระราชโอรสของพระองค์จะได้เป็นสมเด็จเจ้าฟ้ารัชทายาทอย่างแน่นอน ซึ่งการต่อมาก็เห็นจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ สมเด็จพระนางทรงพระครรภ์ ซึ่งสร้างความปิติยินดีให้แก่พระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์เป็นอย่างมาก แต่แล้วเรื่องที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดก็เกิดขึ้น

ไม่กี่เดือนหลังจากสมเด็จพระนางทรงพระครรภ์ เหตุการณ์อันน่ากลัวก็เกิดขึ้นจนได้ สมเด็จพระนางทรงพระประชวรปวดท้องถึงกับตรัสไม่ได้ความ สั่นไปทั้งตัว ทรงคลื่นเหียนเวียนไส้ถึงกับตกพระโลหิตติดต่อกันเกือบอาทิตย์ แต่แล้วพระอาการก็หายเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทรงพระดำเนินได้สะดวกปฏิบัติหน้าที่ดังเดิม แต่แล้วก็กลับมามีอาการเจ็บพระครรภ์อีก เป็นๆหายๆอย่างนี้จนพระครรภ์เข้าเดือนที่7 แต่คราวนี้เห็นจะเป็นมากกว่าครั้งก่อนๆ ถึงกับเจ็บท้องข้ามคืนและข้ามไปอีกหลายๆคืนเลยทีเดียว เหมือนจะทรงมีพระประสูติกาล แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

เที่ยงคืนวันนั้นพระองค์ทรงมีพระประสูติกาลเป็นพระราชกุมาร แต่หลังจากประสูติได้เพียง4ชั่วโมง พระราชโอรสองค์น้อยก็เริ่มหายพระทัยโรยราและสิ้นพระชนม์ลงโดยสงบ ไม่มีผู้ใดกล้ากราบบังคมทูลสมเด็จพระนาง แต่แล้วรุ่งขึ้นตัวสมเด็จพระนางเองกลับมีพระอาการทรุดลง อาเจียนเป็นสีดำ สีเขียว และสีเหลือง แพทย์หลวงจึงเร่งระดมรักษาพระอาการประชวรแต่แล้วพระอาการก็ทรุดลงอีก คณะแพทย์หมดหนทาง พระเจ้าอยู่หัวถึงกับมีคำสั่งให้ราชสำนักออกประกาศไปทั่วทั้งแผ่นดินว่าจะพระราชทานเงินทองกว่า2หาบ หากใครรักษาสมเด็จพระนางได้

พระอาการเหมือนจะทรงทุเลาขึ้น ผ่านมาเดือนกว่ากลับมีพระอาการที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดขึ้นมาอีก ทั้งน้ำเลือด น้ำเหลืองและน้ำหนองหลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็วจากร่างกายของพระองค์แทบจะทุกทิศ ข้าหลวงถึงกับต้องใช้อ่างใบขนาดย่อมมารองไว้ วินาทีนั้นทรงตรัสหาแต่พระโอรสหวังว่าจะได้เห็นหน้า บ่ายวันที่ 10 ตุลาคม 2395 พระองค์ทรงหายพระทัยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสวรรคตลงอย่างเฉียบพลัน เสียงโศกอาดูรของพระราชวงศ์ข้าหลวงในราชสำนักดังปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง พระเจ้าอยู่หัวทรงพระอาลัยอย่างยิ่ง ถึงกับพระราชทานเครื่องทรงขัตติยราชิสริยาภรณ์เต็มที่ตามโบราณราชประเพณีของพระอัครมเหสีอย่างสมพระเกียรติ แล้วเชิญลงพระโกศทองใหญ่พร้อมพระชฏากษัตริย์บนพระเศียร แล้วแห่จากพระตำหนักของพระองค์เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีงานออกพระเมรุ ณ ท้องสนามหลวงอย่างยิ่งใหญ่ แล้วทรงสร้างวัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระอัครมเหสีนางผู้เป็นที่รักยิ่ง วัดแห่งนี้ก็คือ “วัดโสมนัสวิหาร”นั่นเอง นามสกุลที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์คือ นามสกุล สุวรรณทัต ทางเจ้าจอมมารดางิ้ว มารดาของสมเด็จพระนาง 
 
 
 
ที่มา: คลังประวัติศาสตร์ไทย
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...